สุดยอดแมทช์ระทึกใจแห่งปี 2007


ลิเวอร์พูล 3 อาร์เซนอล 6 (9 มกราคม)

นานมากถึง 75 ปีที่ลิเวอร์พูลเสียประตูในบ้านถึง 6 ลูกในเกมที่พบกับซันเดอร์แลนด์ในปี 1929-30 หลังถูกอาร์เซนอลบุกมาสอนบอลด้วยเด็กล้วนๆในขณะที่เจ้าถิ่นออกแนวลูกครึ่งนำโดยสตีเฟ่น เจอร์ราร์ด,เคร็ก เบลลามี่และเจมี่ คาร์ราเกอร์ในศึกคาร์ลิ่ง คัพรอบ 8 ทีมสุดท้าย

ชูลิโอ บัปติสต้ามาแวะเคาะสนิมที่อังกฤษและแบกอันความทรงจำกลับมาดริดด้วยการอัดหงส์แดง 4 ลูกโดยเกมนี้เฌเรมี่ อาลิดาดิแยร์หอกชื่อเรียกยากเบิกร่องขึ้นนำตั้งแต่ต้นเกมก่อนที่ร็อบบี้ ฟาวเลอร์จะมาตีเสมอ

แต่บัปติสต้าช็อกเดอะค็อปทั่วโลกด้วยการอัดแฮทริคใน 20 นาทีและยังดีเยอร์ซี่ ดูเด็คที่เกมนี้ปฏิกริยาเชื่องช้ายิงเป็นเข้ามาเซฟจุดโทษกู้หน้าเอาไว้ได้

อย่างไรก็ตามอเล็กซานเดอร์ ซงมาบวกสกอร์เพิ่มก่อนพักครึ่งให้สกอร์บานทะลักอยู่ที่ 5-1 และเหมือนเจ้าถิ่นจะสร้างปรากฏการณ์คัมแบ็คอีกด้วยครั้งสองประตูของซามี่ ฮูเปียและเจอร์ราร์ดแต่ทุกอย่างจบลงด้วยเม็ดสี่ของไอ้เบิ้มก่อนหมดเวลา 6 นาที

สิ่งที่น่าประทับใจที่สุดคือแฟนบอลที่ใจแข็งยืนปรบมือหลังสิ้นเสียงนกหวีดจบเกมให้แข้งปืนใหญ่ที่เล่นได้สุดตีนและเอาชนะทีมรักอย่างสมศักดิ์ศรี


สเปอร์ส 3 อาร์เซนอล 5 (24 & 31 มกราคม)

เป็นเกมลอนดอนดาร์บี้แมทช์ตัดเชือกคาร์ลิ่ง คัพที่เล่นกันสองนัดแต่สุดท้ายหวดกันไฟแลบ 210 นาทีกว่าจะได้ผู้ชนะซึ่งแน่นอนอาร์แซน เวนเกอร์ส่งชุดเด็กทั้งหมดในขณะที่มาร์ติน โยลอัด 11 ผู้เล่นที่แข็งแกร่งที่สุดลงเล่นในไวท์ฮาร์ทเลน

เล่นไป 45 นาทีดูเหมือนเจ้าหนูปืนใหญ่จะเอาความเก๋าของผู้เล่นไก่เดือยทองไม่อยู่ ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟเปิดซิงและบัปติสต้าทำเข้าประตูตัวเอง สกอร์ 2-0 ยังไงก็ใสๆสำหรับสเปอร์ส

แต่เวนเกอร์ทนดูไม่ไหวยอมแหกกฏด้วยการส่งเอ็มมานูเอล เอบูเอ้และอเล็กซานเดอร์ คเล็บลงมาแก้เกมก่อนที่เจ้าพ่อคาร์ลิ่งบัปติสต้าจะเบิ้ลสองประตูให้สถานการณ์พลิกผันเสมอ 2-2 ทำให้ลูกทีมโยลต้องบุกไปเอาชนะที่เอมิเรสต์ สเตเดียมสถานเดียว

ไก่เดือยทองยันเอาไว้อยู่นานสองนานจนทำนบแตกก่อนหมดเวลา 13 นาทีจากประตูของเอ็มมานูเอล อเดบายอร์แต่โมฮัมเหม็ด มิโด้เจ้าของฉายาอยู่ที่ไหนหัวหน้าตายหมดมาตีเสมอนาที 85 จนต้องไปยื้อกันถึงต่อเวลา

สุดท้ายแล้วเฌเรมี่ อาลิอาดิแยร์ยิงให้ปืนใหญ่ขึ้นนำก่อนที่ปาสกัล ชิมบงด้าแบ็คจอมสินบนทำเข้าประตูตัวเองให้ละครเรื่องนี้จบลงอย่างง่ายๆ


เอฟเวอร์ตัน 2 แมนฯยูฯ 4 (28 เมษายน)

อีกหนึ่งจุดเปลี่ยนครั้งสำคัญต่อการแย่งแชมป์พรีเมีย์ลีกฤดูกาล 2006-07 ในช่วง 4 นัดสุดท้ายเพราะในระหว่างที่แมนฯยูฯเจองานหนักมาเยือนเอฟเวอร์ตันทีมฟอร์มดีเชลซีเล่นในบ้านพบกับโบลตันที่ฟอร์มเริ่มแผ่ว

สถานการณ์เด่นชัดเมื่อยูไนเต็ดตามหลัง 2-0 และเชลซีนำโบลตัน 2-1 แต่พอจบเกมกลายเป็นปิศาจแดงหนีห่าง 5 แต้มและมือข้างนึงจับหูโทรฟีย์พรีเมียร์ลีกอย่างเหลือเชื่อ

ท๊อฟฟี่ได้สองประตูจากอลัน สตับบ์และมานูเอล เฟอร์นานเดสแต่ทิม ฮาวเวิร์ดซึ่งลงเล่นเกมนี้ไม่ได้ตามเงื่อนไขย้ายทีมในสัญญาทำให้เอียน เทอร์เนอร์ดาวรุ่งมอบโชคให้ทีมเยือนหลังทำพลาดมหันต์ก่อนเป็นโอเชียกินส้มตีไข่แตก

หลังจากนั้นส้มโอหล่นใส่กบาลว่าที่แชมป์อีกครั้งเมื่อฟิล เนวิลล์อดีตศิษย์ก้นกุฏิทำเข้าประตูตัวเองก่อนเป็นเวย์น รูนี่ย์ซัดประตูทีมเก่าให้ยูไนเต็ดแซง 3-2 และเป็นคริส อีเกิ้ลตัวสำรองที่ป๋าส่งมาฆ่าเวลาแต่โชว์พลิ้วปั่นไซด์ยิงนอกเขตลูก 4 ปิดฉากสุดสวย

ละครเช็กสเปียร์สมบูรณ์แบบหลังเชลซีถูกโบลตันตีเสมอจากประตูในช่วงต้นครึ่งหลังของเควิน เดวีส์ ตอนนี้โจเซ่ มูรินโญ่รับสภาพกับตำแหน่งรองแชมป์เพราะเป็นไปไม่ได้เลยที่ปิศาจแดงจะไม่ได้สามแต้มจากสามนัดสุดท้าย


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์