สิ้นสภาพเต็งแชมป์?


ราฟาเอล เบนิเตซ

มันอธิบายไม่ถูกนะครับว่า

ทำไม ลิเวอร์พูล ที่เล่นเป็นเครื่องจักรสีแดงในเกมถล่มนิวคาสเซิล 4 นัดก่อนถึงได้ฝืดเอาดื้อๆ จนทำท่าว่าจะหมดแรงไล่ แมนฯยู ซะแล้ว

จะว่าเกร็งจากการลุ้นแชมป์ก็ไม่เชิง เล่นไม่เอาไหนก็ไม่ใช่ ที่แน่ๆ คือ เกมรุกฟอร์มตก สร้างโอกาสยิงประตูน้อยไปและพอมีโอกาสก็ดันทำไม่ได้เสียอีก

หงส์แดงพึ่ง สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด อยู่คนเดียวจึงไม่แปลกที่เสมอมา 4 นัดติดรวมทุกถ้วย โดย 4 นัดนี้กองหน้ายิงไม่ได้ซักประตู

ลิเวอร์พูลกำลังเข้าโค้งอันตราย ถ้าประคองไม่อยู่ก็มีสิทธิแหกลงข้างทาง หมดสภาพเต็งแชมป์เอาง่ายๆ

แฟนๆ คงจับตา ราฟา เบนิเตซ อยากให้เขาทำอะไรก็ได้เพื่อปลุกทีมกลับมา ตรงนี้ผมว่าราฟาทำไปเกือบหมดแล้ว ทั้งปรับเปลี่ยนผู้เล่นใหม่ ใช้แทคติคสารพัด แต่ลิเวอร์พูลก็ยังไม่ชนะอยู่นั่นแหละ

ทางออกสุดท้ายจึงเหลือแค่หานักเตะใหม่เข้ามาเพิ่มความหลากหลายและต้องทำด่วนจี๋ก่อนปิดตลาดปลายเดือนนี้

ที่ผ่านมามันเหมือนกุนซือหงส์แดงไม่ค่อยสนใจ เพราะย้ำอยู่เสมอว่า แฮปปี้กับทีมที่มีอยู่ แต่ในเมื่อสถานการณ์เปลี่ยน ราฟา เบนิเตซ ก็ต้องคิดให้หนักว่าจะยืนกรานต่อหรือดิ้นไปหาอะไรใหม่ๆ เข้ามาช่วยดี

แต่บอกตามตรงว่า มาคิดตอนนี้ก็ช้าไปมาก จนแทบทำอะไรไม่ได้แล้ว

ไม่อยากนึกเลยพับผ่าว่าถ้าลิเวอร์พูลวืดแชมป์ขึ้นมาจริงๆ จะมีแพะเดือดร้อนซักกี่ตัว (คน)

ราฟาคิดช้า ทำช้าและหลายครั้งคิดมากเกินไป เจ้าของทีม ทอม ฮิคส์ จอร์จ จิลเล็ตต์ ไม่ได้เรื่องทั้งคู่เพราะเอาแต่จะขายทีม, ลูคัส เลว่า ลูกรักกุนซือแววดีจริงแต่ดันเป็นตัวซวย ลงเมื่อไหร่บรรลัยเมื่อนั้น ฯลฯ

เรื่องพวกนี้จะเป็นหัวข้อด่าชัดขึ้นเรื่อยๆ เว้นแต่ว่าหงส์แดงสามารถฮึดสู้ ลุกขึ้นมาสร้างจุดเปลี่ยนด้วยการเอาชนะ เชลซี ให้ได้ในวันอาทิตย์

เกม "ลิเวอร์พูล-เชลซี" รวมทั้ง "แมนฯยู-เอฟเวอร์ตัน" ซึ่งเลื่อนขึ้นมาเตะวันเสาร์ จะเป็นอีกจุดสำคัญของการลุ้นแชมป์แน่นอน

ปีศาจแดงเล่นก่อน ถ้าชนะจะโยนความกดดันมหาศาลให้คู่ "หงส์-สิงโต" ต้องฟัดกันเพื่อเอา 3 แต้ม ใครแพ้ขึ้นมาก็แทบจะหมดหวังแถมมีสิทธิแพแตกอีกต่างหาก

ความจริงเอฟเวอร์ตันดีพอจะเป็นตัวแปรสำคัญได้นะครับ ท็อฟฟี่มีแดนกลางที่เล่นดุดัน ผลงานก็แจ๋วไม่แพ้ในลีกมา 7 นัดติดเข้าไปแล้ว

ไม่ง่ายสำหรับแมนฯยูหรอกแต่ถ้ายังชนะได้สวยๆ อีก ความมั่นใจของปีศาจแดงก็ทะลุฟ้า รวมทั้งยังไปขยี้หัวใจลิเวอร์พูลกับเชลซีซ้ำด้วย

สองทีมหลังคะแนนเท่ากัน สภาพก็เหี่ยวพอๆ กัน เชลซียังดีหน่อยที่ได้ ซาโลมง กาลู มาช่วยสร้างสีสัน ส่วนหงส์แดงต้องลุ้นสถานเดียวว่าเมื่อไหร่ ตอร์เรส จะคืนฟอร์ม

ไม่อยากพูดว่ามันควรต้องเป็นนัดนี้, ลิเวอร์พูลซึมต่อไม่ได้แล้วจริงๆ

โปรแกรมแข่งพรีเมียร์ลีก

วันเสาร์ที่ 31 มกราคม สโต๊ก-แมนฯซิตี้, มิดเดิ้ลสโบรช์-แบล๊คเบิร์น, อาร์เซน่อล-เวสต์แฮม, แอสตัน วิลล่า-วีแกน, โบลตัน-สเปอร์ส, ฟูแล่ม-ปอร์ทสมัธ, ฮัลล์-เวสต์บรอมวิช, แมนฯยู-เอฟเวอร์ตัน วันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ นิวคาสเซิล-ซันเดอร์แลนด์, ลิเวอร์พูล-เชลซี

โปรแกรมถ่ายทอดสดทางทรูวิชั่นส์

คืนวันเสาร์ที่ 31 มกราคม เวลา 19.45 น. สโต๊ก-แมนฯซิตี้ (คลับแชนแนล แอล ช่อง 107, คลับแชนแนล เอ ช่อง 110) เวลา 22.00 น. อาร์เซน่อล-เวสต์แฮม (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59, คลับแชนแนล เอ ช่อง 110), แอสตัน วิลล่า-วีแกน (ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61, คลับแชนแนล ซี ช่อง 109), โบลตัน-สเปอร์ส (ทรูสปอร์ต 5 ช่อง 63), ฟูแล่ม-ปอร์ทสมัธ (ทรูสปอร์ต เอ็กซ์ตร้า 2 ช่อง 67, คลับแชนแนล เอ็ม ช่อง 106), ฮัลล์-เวสต์บรอมวิช (ทรูวิชั่นส์ 99 ช่อง 99), มิดเดิ้ลสโบรช์-แบล๊คเบิร์น(ทรูสปอร์ต เอ็กซ์ตร้า 1 ช่อง 66, คลับแชนแนล แอล ช่อง 107) เวลา 01.00 น. แมนฯยู-เอฟเวอร์ตัน (ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61, คลับแชนแนล เอ็ม ช่อง 106) เวลา 02.30 น. ยูเวนตุส-กายารี่ (ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61) เวลา 04.00 น. นูมานเซีย-รีล มาดริด (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59) คืนวันอาทิตย์ที่ 1 กุมภาพันธ์ เวลา 20.30 น. นิวคาสเซิล-ซันเดอร์แลนด์ (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59, คลับแชนแนล เอ็ม ช่อง 106, คลับแชนแนล แอล ช่อง 107) เวลา 21.00 น. อินเตอร์-โตรินโน่ (ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61), โบโลญญ่า-ฟิออเรนติน่า (ทรูสปอร์ต 5 ช่อง 63) เวลา 23.00 น. ลิเวอร์พูล-เชลซี (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59) เวลา 23.00 น. ราซิ่ง-บาร์เซโลน่า (ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61) เวลา 01.00 น. บาเลนเซีย-อัลเมเรีย (ทรูสปอร์ต 1 ช่อง 59) เวลา 02.30 น. ลาซิโอ-เอซี มิลาน (ทรูสปอร์ต 3 ช่อง 61)

เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์