สิงโตเฮเก้อ!ตีเจ๊าทดเวลาโดนทีเด็ดหัวไข่ปั่นพ่าย 3-2


เกมนัดกระชับมิตร 

วันพุธที่ 29 กุมภาพันธ์ 2555 

สนาม : เวมบลีย์ 

อังกฤษ 2 : 3 ฮอลแลนด์ 

ประตู : 
0-1 ร็อบเบน น.57, 0-2 ฮุนเตลาร์ น.58, 1-2 เคฮิลล์ น.85, 2-2 ยัง น.90+1, 2-3 ร็อบเบน น.90+2 

ทีมชาติอังกฤษเปิดเวมบลีย์ต้อนรับการมาเยือนของฮอลแลนด์ในแมตช์อุ่นเครื่องที่ใครหลายคนเฝ้ารอ แต่ดูเหมือนว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงอยู่เยอะพอสมควร เพราะผู้เล่นตัวหลักๆมีปัญหาเรื่องความฟิต 

"สิงโตคำราม" ใช้เวลเบ็คยืนตัวจริงในแดนหน้าคนเดียว โดยใส่กองกลาง 5 คนซึ่งรวมกัปตันทีมหน้าใหม่อย่างปาร์คเกอร์เข้าไปด้วยและมีเจอร์ราร์ดคอยปั้นเกมในแดนกลาง 

นักเตะดาวรุ่งนอกจากเวลเบ็คแล้วก็มีสมอลลิ่งที่จับคู่กับเคฮิลล์ในแดนหลัง จอห์นสันทางกราบขวาและริชาร์ดส์ในตำแหน่งแบ็คขวา 

ฮอลแลนด์ไม่ต้องพูดถึงจัดผู้เล่นมากประสบการณ์ที่ผ่านการลงสนามมาอย่างโชกโชนลงเล่น ล้วนแล้วแต่เป็นผู้เล่นระดับสตาร์ทั้งนั้น 

ฟาน เพอร์ซี่ผ่านความฟิตสามารถลงเล่นในเกมนี้ได้ สไนจ์เดอร์จอมทัพเจ้าเก่าก็ลงสนาม เช่นเดียวกับร็อบเบนและเค้าท์ 

ครึ่งแรก 

เกมสูสีกันน่าดูชม 
ผ่านช่วง 10 นาทีแรกไป เกมนี้ยังหยั่งเชิงกันอยู่พอสมควร ในช่วงแรกๆเป็นฮอลแลนด์ที่เหมือนจะครองบอลได้มากกว่า เตะไปเตะมาอังกฤษก็เริ่มตั้งลำแล้วบุกโต้กลับคืนไปได้ แต่โอกาสซัดนั้นยังไม่เห็น เพราะจังหวะสุดท้ายหายไปเลย 

ลูก(โคตร)ถนัด!ปาร์คเกอร์ล้มตัวบล็อกสวย 
นาทีที่ 13 อันนี้ถือว่าเป็นหนึ่งในไม้ตายของปาร์คเกอร์เลยก็ว่าได้ เมื่อฮอลแลนด์มีโอกาสลุ้นประตูจากลูกยิงไกลนอกกรอบเขตโทษของสไนจ์เดอร์ที่ได้หวดเต็มๆ เพราะไม่มีใครเข้าประกบ แต่มิดฟิลด์จากท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์สก็พุ่งตัวเข้ามาบล็อกเอาไว้ได้แม่นเว่อร์ 

แฟนสิงโตเชียร์กันใหญ่ 
เห็นทีมตัวเองบุกแล้วตันๆแฟนบอลเจ้าบ้านก็เลยต้องส่งเสียงเชียร์กระตุ้นกันบ้าง เพราะทีมชาติอังกฤษแม้ว่าจะได้จังหวะบุก แต่ดูแล้วความเสียวซ่านน้อยกว่าทางฮอลแลนด์อยู่เยอะพอสมควร 

สเตเคเลนเบิร์กอ่านจังหวะเยี่ยม 
นาทีที่ 25 ต้องชมเลยจริงๆสำหรับสเตเคเลนเบิร์กในจังหวะนี้ เพราะเค้าท์ทำผิดพลาดไปโหม่งคืนหลังแบบไม่ได้เช็กว่ามีเวลเบ็ครอดักรอจนเกือบจะโดนฉกไปกิน ยังดีที่นายด่านเลือดดัตช์คอยอ่านจังหวะอยู่แล้วพุ่งออกมาสกัดบอลได้ในจังหวะชี้เป็นชี้ตายเลย 

เซฟไว้ก่อน!สิงโตเปลี่ยนหัวขิงออก 
นาทีที่ 33 ไม่รู้ว่าเจ็บหรือมีโควต้าให้เล่นเท่านี้ แต่ยังไงทีมชาติอังกฤษก็เปลี่ยนเอาเจอร์ราร์ดออกจากสนาม ก่อนที่จะส่งสเตอร์ริดจ์ลงไปเล่นแทน ดูแล้วน่าจะให้ไปยืนปีก ก่อนหุบเอายังไปเล่นมิดฟิลด์ตรงกลาง 

สิงโตเชียร์ขึ้น 
หลังจากแฟนบอลส่งเสียงกระตุ้นกัน นักเตะของอังกฤษก็ดูเหมือนจะทำได้ดีขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะในพื้นที่สุดท้ายที่ได้เสียวกันมากขึ้น ไม่ว่าจะเป็นจังหวะของจอห์นสันที่ยิงไปติดบล็อกหรือสเตอร์ริดจ์ที่กระชากไปเปิดเข้ากลาง แต่เพื่อนเข้าไม่ถึงบอล 

ปาร์คเกอร์โดนอัด-ทับไมค์อย่างจุก 
นาทีที่ 41 เห็นแล้วสงสารเบาๆในใจสำหรับปาร์คเกอร์ เพราะโดนเดอ ยองเข้ากระแทกจนเสียหลักตัวลอยไม่พอ เค้าท์ก็ตามเข้ามาดับเครื่องชนจนร่วงออกข้างสนาม เคราะห์ซ้ำดันไปหล่นทับไมค์ที่ตั้งอยู่อีก จุกกันเลยทีเดียวเชียวพี่น้อง 

จบครึ่งแรกดูแล้วอังกฤษก็เล่นกันได้ดีแบบแฟนบอลไม่ผิดหวัง เพราะนอกจากจะมีจังหวะกดดันฮอลแลนด์ที่วันนี้เกมตรงกลางเล่นอัดค่อนข้างหนักแบบต่อเนื่อง ก็ยังไม่มีการก่อข้อผิดพลาดแบบน่าตบกบาลแต่อย่างใด แต่จบครึ่งแรกก็ยังคงเสมอกันอยู่ที่ 0-0 

ครึ่งหลัง 

อังกฤษเปลี่ยนเอาแบร์รี่ออก ก่อนจะส่งมิลเนอร์ที่เป็นนักเตะจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้เหมือนกันลงไปในสนาม ส่วนฮอลแลนด์ก็ทำให้แฟนบอลอาร์เซนอลยิ้มออก เพราะจัดการพักฟาน เพอร์ซี่ที่วันนี้ผ่านความฟิตแบบแทบจะพอดีเป๊ะลงสนามและส่งฮุนเตลาห์ลงไปเล่นแทนและชาร์ลงเล่นแทนปีเตอร์ส 

สเตอร์ริดจ์ทำได้ดี 
เล่นครึ่งหลังมาแค่ 4 นาที สเตอร์ริดจ์ก็โชว์จังหวะที่ทำให้เห็นว่าทำไมเขาถึงติดทีมชาติ เมื่อเก็บบอลในกรอบเขตโทษได้ หลอกว่าจะยิงด้วยขวา ก่อนดึงบอลเข้าเท้าซ้ายแล้วตวัดยิงทันที บอลพุ่งเข้ากรอบแถมยังมุดพื้น แต่ก็ต้องชมสเตเคเลนเบิร์กที่ล้มตัวเซฟเอาไว้ได้เยี่ยมไม่แพ้กัน 

เจอทีเด็ด!หัวไข่ยิงดัตช์ได้เฮ 
นาทีที่ 57 ฮอลแลนด์มาได้ประตูขึ้นนำไปก่อน จากจังหวะที่เขาพาบอลลากใส่แดนของอังกฤษยาวถึง 60-70 หลา บวกกับฮุนเตลาร์ที่วิ่งทำทางเปิดช่องว่าง ทำให้เขาหลุดเข้าไปยิงผ่านฮาร์ทได้เฮ ฮอลแลนด์นำ 1-0 

อะไรกันเนี่ย!ดัตช์ได้เม็ดสองไวโคตร 
อีกเพียงแค่หนึ่งนาทีต่อมา อังกฤษก็เงิบไปเลย เพราะมาเสียประตูที่สองอย่างรวดเร็วติดต่อกัน เมื่อเค้าท์โยนบอลเข้ากลางไปให้กับฮุนเตลาร์ได้โขกส่งบอลผ่านฮาร์ทที่วันนี้แทบจะทำอะไรไม่ได้เลยกับประตูที่เสียไป ทีมเยือนนำห่าง 2-0 

ผีเสียว!น้องเล็กปะทะฮันเตอร์จนต้องหาม 
นาทีที่ 64 ทั้งสองทีมจำต้องมีการเปลี่ยนตัว เนื่องจากสมอลลิ่งเข้าปะทะกับฮุนเตลาร์จนทำให้รายแรกลงไปนอนหมอบกับพื้นและต้องหามออกนอกสนาม ส่วนรายหลังนั้นถึงกับเลือดแตก ก่อนที่จะมีการเปลี่ยนเอาโจนส์และลุค เดอ ยองลงไปเล่นแทนตามลำดับ 

พลาดเอง!สเตอร์ริดจ์ยิงอย่างกับคืน 
นาทีที่ 74 ปล่อยโอกาสตีไข่แตกให้หลุดลอยไปแบบเต็มๆสำหรับสเตอร์ริดจ์ เพราะลูกยิงยัดของเบนส์อุตส่าห์ไปเข้าทางของเขาที่ขยับเติมขึ้นทางเสาไกล ได้ยืนแปบอลหน้าประตูโล่งๆคนเดียว แต่โดนไม่ดี บอลเลยปลิ้นเข้ามือของสเตเคเลนเบิร์กสบายๆ 

ไข่แตก!เคฮิลล์ล้ำแต่ทำได้ 
นาทีที่ 85 หลังจากทำท่าว่าจะตีไข่แตกไม่ได้ แต่สุดท้ายก็มาทำได้สำเร็จ ในจังหวะที่เคฮิลล์เติมขึ้นสูงรับบอลที่เพื่อนแทงทะลุช่องมา แม้ว่าจะแอบล้ำหน้าอยู่ แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินไม่ตีธง เคฮิลล์ที่เป็นเซ็นเตอร์แบ็คก็เลยทะลุเข้ากรอบเขตโทษ ก่อนจะล็อคบอลหลอกกองหลังเหมือนกันหนึ่งจังหวะแล้วยิงผ่านมือของสเตเคเลนเบิร์กเข้าไปเฉย อังกฤษตามมาเป็น 2-1 

สิงห์เซ็ง!สเตอร์ริดจ์เจ็บต้องออก 
นาทีที่ 88 ถึงกับเซ็งเลยทีเดียวสำหรับแฟนบอลเชลซี เพราะต้องมาเห็นสเตอร์ริดจ์มีอาการบาดเจ็บถึงกับกระเผลกและเล่นต่อไปไม่ได้ ทำให้อังกฤษต้องส่งวัลค็อตต์ลงแทน 

เอาจนได้!พี่หนุ่มซัดตีเจ๊า 
ช่วงทดเวลาบาดเจ็บนาทีแรก แฟนบอลทั่วสนามก็เฮกันเต็มที่ เมื่ออังกฤษมาได้ประตูตีเสมอ จากจังหวะบุกกดดัน ก่อนที่โจนส์จะไหลทะลุช่องให้ยังพลิกตัวหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ยกบอลผ่านสเตเคเลนเบิร์กเข้าเสาสองไปพอดีเป๊ะ เกมเสมอกันแล้ว 2-2 

อะไรกันเนี่ย(2)!หัวไข่ยิงเอาคืนทันควัน 
ได้เฮกันยังไม่ทันจะสิ้นเสียง อังกฤษก็มาเสียประตูไปอีก จากความยอดเยี่ยมของร็อบเบนที่ได้บอลในกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะยึกยักนิดหน่อย แล้วกดสูตรปั่นไซด์ด้วยเท้าซ้าย ส่งบอลพุ่งโค้งบอลมือของฮาร์ทที่บินยังไงก็ไม่ไหว เสียบตาข่ายสวยสุดๆ ฮอลแลนด์ขึ้นนำอีกครั้ง 3-2 

จบ 90 นาทีฮอลแลนด์บุกมาเอาชนะอังกฤษคาสนามเวมบลีย์ไปด้วยสกอร์ 3-2 ในเกมกระชับมิตร ผิดหวังกันไปสำหรับแฟนๆเจ้าบ้าน 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

อังกฤษ : 
โจ ฮาร์ท, แกรี่ เคฮิลล์ 
, คริส สมอลลิ่ง(โจนส์ น.64), เลจ์ตัน เบนส์, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, แกเร็ธ แบร์รี่(มิลเนอร์ น.45), สก็อตต์ ปาร์คเกอร์, แอชลี่ย์ ยัง 
, อดัม จอห์นสัน(ดาวนิ่ง น.64), แดนนี่ เวลเบ็ค(แคมป์เบลล์ น.80), สตีเว่น เจอร์ราร์ด(สเตอร์ริดจ์ น.33(วัลค็อตต์ น.88) 

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : โรเบิร์ต กรีน, โจเลี่ยน เลสค็อตต์, แอชลี่ย์ โคล, สก็อตต์ คาร์สัน 

ฮอลแลนด์ : มาร์เท่น สเตเคเลนเบิร์ก, โจริส แมทไธเซ่น, จอห์น ไฮติงก้า, เอริค ปีเตอร์ส(ชาร์ น.45), คาลิด บูลาห์รูซ(วาร์ น.82), ไนเจล เดอ ยอง, มาร์ค ฟาน บอมเมล, อาร์เยน ร็อบเบน , เดิร์ค เค้าท์, โรบิน ฟาน เพอร์ซี่(ฮุนเตลาร์ น.45(เดอ ยอง น.64), เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์(เอ็มมานูเอลสัน น.76) 

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : ทิม ครูล, จอร์จิโน่ วิจนาลดัม, เควิน สตรูทแมน, ลูเชียโน่ นาร์ซินจ์, โอลา จอห์น, เจฟฟรี่ย์ บรูม่า 


 
 
   
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์