สิงโตหรือลูกแกะ by..ชู้ตเอาต์


...เกิดอะไรขึ้นกับอังกฤษ ?

 




 


         เป็นคำถามโลกแตกที่แม้แต่ตอนนี้ ฟาบิโอ คาเปลโล่ ยังหาคำตอบไม่ได้ว่า เหตุใด ''สิงโต'' ที่เคยคำรามโฮกๆ ในรอบคัดเลือก ถึงแปรสภาพเป็น ''ลูกแกะ'' เชื่องๆ ในช่วงเวลาห่างกันแค่ไม่กี่เดือน แถมยังเป็นเวทีที่สำคัญที่สุดเสียด้วย





 นั่นเป็นคำจำกัดความสั้นๆ จากคนข่าวรุ่นใหญ่ ดร.จานคาร์โล กาลาว็อตติ หัวหน้าข่าว นสพ.กัซเซ็ตต้า เดลโล่ สปอร์ต ประจำลอนดอน ผู้ไปปักหลักอยู่กับแคมป์อังกฤษ นอกจากนั้นยังเคยเป็นที่ปรึกษาของ ''ดอน ฟาบิโอ'' ตอนมา


รับงานใหม่ๆ




 หลากหลายสาเหตุถูกหยิบยกมาพูดถึง แต่ที่ คาร์โล เน้นอย่างมากเกี่ยวกับอังกฤษชุดนี้ก็คือ ''ใจ'' ครับ




 เรื่องฝีเท้านั้นไม่ใช่ปัญหาใหญ่สำหรับอังกฤษแน่ แต่ที่ทำให้มันแย่เหมือนที่เห็นกันนี้ เขาบอกว่ามาจากสภาพจิตใจมากกว่าที่ทำให้ ''สิงโตคำราม'' ไม่ประสบความสำเร็จอะไรอีกตลอด 44 ปีที่ผ่านมา




 ...ถ้าอังกฤษ ทำลายกำแพงด้านจิตใจและเอาชนะสโลวีเนียในเกมสุดท้ายของกลุ่มได้ที่พอร์ท เอลิซาเบธ พวกเขาอาจปลดปล่อยความกดดันที่อยู่บนบ่าทั้งสอง และเดินหน้าต่อไปเรื่อยๆ




 แต่ก็อีกละครับ คนข่าวจากแดนมะกะโรนี มองว่า เวย์น รูนี่ย์ ตอนนี้อยู่ในสภาพแค่ 50 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น นั่นเป็นเพราะหัวหอกแมนฯ ยูไนเต็ด คัมแบ็กเจ็บข้อเท้าเร็วเกินไปตอนเดือนมีนากับบาเยิร์น มิวนิค




 พอมาบอลโลกแล้วเล่นไม่ได้ดั่งใจ เจ้ารูนเลยพานวิ่งเตลิดเปิดเปิง แสดงความอึดอัดออกมาด้วยการยิงทิ้งขว้าง ทุกอย่างที่เคยทำได้กับเพื่อนร่วมทีมมันไม่ลงล็อกเอาเสียเลย


 


 แฟร้งค์ แลมพาร์ด เป็นอีกคนหนึ่งที่โดนสับโขกหนัก โดยจอมทัพเชลซีเป็นอีกคนหนึ่งที่ผิดฟอร์มจากฤดูกาลอันยาวนานกับสโมสร ขณะที่ สตีเว่น เจอร์ราร์ด คงลืมหยิบฟอร์มเก่งมาจากแอนฟิลด์
 



 หนักยิ่งกว่านั้น คาเปลโล่ ยังหาทางปรับเปลี่ยนให้ลูกแกะตัวนี้กลับกลายเป็นสิงโตที่เคยคำรามลั่นไม่ได้ ทั้งที่เคยทำให้เห็นมาก่อนเช่นในรอบคัดเลือกที่บุกไปเหยียบจมูกโครเอเชียถึงถิ่น




 ปัญหาของอังกฤษนั้นไม่ได้เพิ่งเกิดขึ้นเฉพาะแค่บอลโลก หากต้องย้อนหลังไปถึงช่วงต้นปี กรณีของ จอห์น เทอร์รี่ โดนปลดจากตำแหน่งกัปตันด้วยคดีฉาวส่วนตัว ซึ่งเป็นการตัดสินใจโดยตรงของคาเปลโล่เอง




 ตามมาด้วยคดีปริศนาเมื่อ ''ดอน ฟาบิโอ'' เซ็นสัญญาเปิดเว็บไซต์ให้เรตติ้งนักเตะตัวเองกับสปอนเซอร์รายนึงในช่วงบอลโลก กระทั่งโดนกดดันหนักจากสื่ออังกฤษและสมาคมฟุตบอลที่ไม่เห็นด้วย กุนซือชาวอิตาเลียนเลย


ต้องบอกเลิกโครงการในที่สุด




 นอกจากนั้นยังมีสัญญาการคุมทีมที่ยังคลุมเครือ ไปจนถึงการประกาศรายชื่อที่ล่าช้าไม่ทันใจสื่อในวันสุดท้ายของเส้นตายฟีฟ่า ซึ่งส่วนหนึ่งก็มาจากความรับผิดชอบของเอฟเอ




 คาเปลโล่ ยังเสี่ยงเลือกกองหลังอย่าง เล็ดลี่ย์ คิง ติดทีมทั้งที่มีปัญหาบาดเจ็บเรื้อรัง ตามมาติดๆ ด้วยอาการเดี้ยงของ ริโอ เฟอร์ดินานด์ ก่อนเริ่มทัวร์นาเมนต์จนต้องเรียก ไมเคิ่ล ดอว์สัน มาสำรองด่วน




 แถม คิง ยังเล่นได้แวบเดียวในนัดแรกกับสหรัฐฯ ก่อนเปลี่ยนให้ เจมี่ คาร์ราเกอร์ ลงแทนในช่วงครึ่งหลัง เท่ากับเสียไปสองคนฟรีๆ




 อังกฤษโชคไม่ดีหน่อยที่คาร์ราเกอร์ สะสมครบสองเหลืองต้องติดโทษแบนในเกมสุดท้ายกับสโลวีเนีย ซึ่งหมายถึงการเปลี่ยนคู่เซนเตอร์เป็นหนที่สาม มาเป็น แม็ทธิว อัพสัน ของเวสต์แฮม ยืนคู่กับเทอร์รี่




 ความผิดพลาดของ โรเบิร์ต กรีน ที่ปล่อยให้อเมริกาตีเสมอแบบเหลือเชื่อ ยังเป็นแรงบีบให้ คาเปลโล่ หันหลังกลับไปมอบโอกาสกลับไปให้ เดวิด เจมส์ คัมแบ็กเป็นมือหนึ่งอีกครั้ง หลังเสียตำแหน่งให้ พอล โรบินสัน ในบอลโลกที่


เยอรมนี รวมทั้งกรีนในช่วงตั้งแต่รอบคัดเลือกสู่แผ่นดินแอฟริกา




 ว่าไปแล้วทั้งหมดก็ต้องรับผิดชอบร่วมกัน ไล่ตั้งแต่ คาเปลโล่ ที่ตกเป็นข่าวว่าระบบ 4-4-2 ของเขาไม่เป็นที่พอใจสำหรับลูกทีมเท่าไหร่ ไปจนถึงการเรียกร้องให้ดึง โจ โคล ที่ไม่ได้เล่นสักนาทีในรายการนี้กลับมาติดทีมตัวจริง




 ตัวนักเตะระดับสตาร์ในทีมก็ต้องรับผิดชอบเช่นกันละครับ ในเมื่อพวกเขาเป็นคนที่ลงไปเล่นในสนาม แต่ดูท่าทางกล้าๆ กลัวๆ ร้อนรนจนผิดพลาดไปหมด




 มันก็เหมือนที่คาเปลโล่ยอมรับเมื่อหลายวันก่อน ลูกทีมของเขาเล่นเหมือนกลัวพลาดกันเอง ขณะที่คำสัมภาษณ์ของ เทอร์รี่ แบบติดตลกถึงความขัดแย้งภายในทีม แต่กลายเป็นข่าวพาดหัวใหญ่ในวันรุ่งขึ้นอีก




 ร้อนถึงคาเปลโล่ ต้องออกมาเคลียร์สถานการณ์คับขันที่เทอร์รี่ ปูดเรื่องข้างในทีมให้คนนอกรู้ แทนที่จะมาปรึกษาหารือกับตนก่อน




 สุดท้ายกัปตันทีมเชลซี ต้องออกมายอมรับว่า ''พูดมาก'' ไปหน่อย




 สภาพของอังกฤษก่อนลงเตะนัดชี้ชะตากับสโลวีเนียก็เป็นอย่างที่เห็น แรงกดดันทำให้อะไรมันผิดเพี้ยนไปหมด ไหนจะมีคำพูดของแต่ละคนที่พ่นกันออกมาคนละทีสองที เลยทำให้สื่อที่บ้านที่จ้องจับผิดอยู่แล้ว มีประเด็นเล่น


งานอย่างสนุกมือ




 สื่ออังกฤษเป็นแบบนี้จริงๆ ครับ คุณสามารถปั้นให้ใครเป็นซูเปอร์สตาร์ในเวลาเพียงแค่ข้ามคืน แต่ถ้าพลาด ส่วนใหญ่จะโดนซ้ำจนจมธรณีได้ในชั่วข้ามคืนเช่นกัน




 ตัวอย่างในอดีตที่ตกเป็นเหยื่อของสื่ออังกฤษเมื่อทีมผิดพลาดในทัวร์นาเมนต์ใหญ่ รายแรกที่จำกันได้ดี คริส ว้อดเดิ้ล กับ สจ๊วร์ต เพียร์ซ ที่สังหารจุดโทษพลาดในเกมตัดเชือกบอลโลก 90 อดเข้าชิงบอลโลกกับอาร์เจนตินา




 เล่นเอาสองคนนี้ไม่เป็นผู้เป็นคนอยู่หลายปี โดยเฉพาะเพียร์ซที่โดนรุมแขวะจนถึงตอนธงในศึกยูโร 96 บนแผ่นดินเกิด




 คงจำภาพ ''ไอ้โซโค'' แผดเสียงร้องอย่างสะใจตอนดวลลูกโทษกับสเปนได้นะครับ แบ็กซ้ายแข้งหนักคนนี้เหมือนได้ปลดปล่อยความกดดันที่สะสมมานานถึง 6 ปีเต็มเลยทีเดียว




 รายต่อมาก็คือ แกเร็ธ เซาธ์เกต ตอนพลาดจุดโทษนัดตัดเชือกทัวร์นาเมนต์เดียวกัน ที่อาสาเป็นยิงแบบซัดเดนเดธแต่ไม่ผ่าน อันเดรียส์ ค็อปเค่นายด่านสุดท้ายของเยอรมนี




 รุ่งเช้า เซาธ์เกต กลายเป็นแพะรับบาปไปเต็มๆ มีคนสาปแช่งให้ลงนรก รวมทั้งเสียงโห่ฮาป่ายามลงสนามนอกรัง วิลล่า พาร์ค เกือบทั้งฤดูกาลถัดมา ร้ายหนักขนาดมีพ่อค้าหัวใสเชิญ เซาธ์เกต ไปสวมถุงคลุมหัวนั่งกินพิซซ่าในร้าน


ด้วยความอับอายก็มีมาแล้ว




 เหยื่อของสื่ออังกฤษรายต่อมาที่ถือว่าโด่งดังที่สุดคือ เดวิด เบ็คแฮม นั่นเอง




 ใบแดงของเขาในเกมรอบก่อนรองฯ กับอาร์เจนตินา กลายเป็นชนวนให้อังกฤษตกรอบจากมุมมองของสื่ออังกฤษ และจุดให้กระแสแอนตี้ เบ็คแฮม ระบาดไปทั่วอังกฤษ จนดูเหมือนเขาจะได้รับการต้อนรับด้วยเสียงปรบมือเพียง


แห่งเดียวที่โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด เท่านั้น




 ต่างคนต่างมีวิธีรับมือกับเสียงก่นด่าแตกต่างกันออกไป แต่กว่าจะผ่านมาได้ก็ต้องบอกว่ากระอักอย่างไม่ต้องสงสัย




 ''แพะ'' รายต่อมาก็คือ ฟิล เนวิลล์ ที่ทำฟาวล์นักเตะโรมาเนียเสียจุดโทษจนตกรอบแรก ยูโร 2000 ก็โดนรุมอัดหนักไม่แพ้เพื่อนเบ็คส์




 ผมจำได้แม่นเลยครับว่า วินาทีนั้นนักข่าวอังกฤษทั้งอัฒจันทร์ตะโกนว่า ''อย่านะ... อย่านะ!'' ตอนที่กองหลังแมนฯ ยูไนเต็ด วิ่งเบียดกับคู่แข่งเข้าไปในเขตโทษ




 จากนั้นไม่กี่วินาที เขาก็ทำในสิ่งที่หลายคนภาวนาอย่าให้เกิดอยู่ในใจ ด้วยการทิ้งตัวสกัดทำฟาวล์จน ยอน กาเนีย สังหารลูกโทษเข้าไปก่อนหมดเวลาเป็น 3-2 ส่งอังกฤษกอดคอตกรอบกับเยอรมันแบบสุดช้ำ




 มาจนถึง เวย์น รูนี่ย์ โดนใบแดงในบอลโลก 2006 แต่หนนี้ ''รูน'' โชคดีที่มี คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาเป็นแพะแทน จากคดี ''วิ้งค์'' ตอนที่โรนัลโด้ หันมาขยิบตาให้เพื่อนและสตาฟฟ์โค้ชข้างสนาม เลยโดนเหมาเอาว่าตั้งใจทำให้เพื่อน


ร่วมสโมสรโดนไล่ออก




 โรนัลโด้ โดนรุมด่าหนักจากทั่วทุกสารทิศ แต่เขาทำในเรื่องที่ยอดเยี่ยมกว่าใคร เพราะนอกจากก้มหน้าสู้จนสร้างผลงานมหัศจรรย์กับทีมปีศาจแดง ปีกโปรตุกีสยังซิวแชมป์ยุโรปและรางวัลต่างๆ มากมายในปีถัดมาเป็นการตอบโต้


แบบสุดสะใจ




 แม้แต่ตอนตกรอบคัดเลือกยูโร 2008 คาบ้าน อดีตกุนซือ สตีฟ แม็คคลาเรน ก็โดนด่าหนัก ข้อหายืนกางร่มหนีฝนอยู่ข้างสนามเหมือนกัน




 ไม่ต้องสงสัยว่าหากอังกฤษมีอันเป็นไปบนผืนแผ่นดินแอฟริกา สื่ออังกฤษจะเปิดฉากเล่นงานใครบ้างที่มีส่วนทั้งหมด ไล่ตั้งแต่ตัว คาเปลโล่ ที่คุมทีมฟอร์มดีมาตลอด หรือสตาร์ดังทั้งหลายอย่าง รูนี่ย์, เจอร์ราร์ด, แลมพาร์ด ไปจน


ถึงจอห์น เทอร์รี่




 ดีไม่ดีอาจย้อนหลังไปถึง โรเบิร์ต กรีน ตั้งแต่เกมแรกโน่น




 อะไรจะเกิดมันก็ต้องเกิดละครับ แต่ถ้าผ่านด่านสำคัญนี้เข้ารอบไปสำเร็จ บางทีเราอาจจะได้เห็นสิงโตตัวนี้กลับมาคำรามกึกก้อง พร้อมหัวใจที่ห้าวหาญอีกครั้งก็เป็นได้



ชู้ตเอ๊าต์


Credits : www.siamsport.co.th


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์