สิงโตบู่!เจ๊ามอนเตฯจืดชืด 0-0

สิงโตบู่!เจ๊ามอนเตฯจืดชืด 0-0

สิงโตคำราม อังกฤษเปิดสนามเวมบลีย์ต้อนรับการมาเยือนของทางมอนเตเนโกรด้วยฟอร์มสุดบู่ ไม่สามารถเจาะแนวรับเข้าไปทำประตูได้ แถมยังไม่ได้จุดโทษจากการทำแฮนด์บอลของผู้เล่นทีมเยือนอีก สรุปว่าเสมอกันไป 0-0 โดยเกมนี้ใบเหลืองว่อนถึง 9 ใบ

ยูโร 2012 รอบคัดเลือกกลุ่ม G

วันอังคารที่ 12 ตุลาคม 2553


อังกฤษ 0 : 0 มอนเตเนโกร

ประตู :


ริโอ เฟอร์ดินานด์สวมปลอกแขนกัปตันทีมชาติอังกฤษลงสนามเวมบลีย์เพื่อรับการมาเยือนของทีมชาติมอนเตเนโกร ตามที่ฟาบิโอ คาเปลโล่กุนซือของทีมได้ตัดสินใจ หลังชั่งใจอยู่พักใหญ่ว่าควรจะให้เฟอร์ดินานด์ หรือสตีเว่น เจอร์ราร์ดที่ทำผลงานได้ดีกันแน่

ซึ่งปราการหลังจากแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจะลงเล่นคู่กับทางโจเลี่ยน เลสค็อตต์ เนื่องจากจอห์น เทอร์รี่ และฟีล จาเกียลก้ามีอาการบาดเจ็บถอนตัวไปก่อนหน้าเกมนี้แล้ว

โจ ฮาร์ทที่มั่วปลิ้นก่อนเข้าแคมป์ สิงโตคำราม ยังคงไ้ด้รับความไว้วางใจในการเป็นมือหนึ่งของทีมอยู่ แต่เชื่อว่าคงจะโดนสวดมาไม่น้อย

วันนี้ปีกทั้งสองข้างของอังกฤษจี๊ดจ๊าดไม่แพ้กันทั้งแอชลี่ย์ ยัง และอดัม จอห์นสัน ซึ่งฝ่ายหลังนั้นกำลังทำผลงานได้ดีจับจิตจับใจแฟนบอล และแน่นอนว่าคนถนัดซ้ายยืนปีกขวา ส่วนที่ถนัดขวาก็ไปยืนปีกซ้าย

ปีเตอร์ เคร้าซ์ได้รับโอกาสลงเล่นคู่กับเวย์น รูนี่ย์ในแดนหน้า เนื่องจากดาร์เรน เบนท์ที่ใครๆต่างก็คาดว่าจะได้ลงตัวจริงในเกมนี้มีอาการบาดเจ็บจนต้องถอนตัวไป

แอบแปลกใจไม่น้อยสำหรับทางฝากฝั่งของมอนเตเนโกรที่คว้าชัยชนะมา 3 นัดรวด แต่ในเกมนี้ไม่มีชื่อของเมียร์โก วูซินิชที่คาดว่าจะเป็นตัวแสบของทางฝั่งเจ้าบ้านทั้งตัวจริงตัวสำรองเลย ซึ่งน่าจะทำให้งานของอังกฤษเบาลงกว่าเดิมไม่มากก็น้อย

ครึ่งแรก

ซู๊ดดด!เปรตแหย่ไม่โดน
เริ่มเกมมาได้ 3 นาที อังกฤษก็ขอลุ้นเสียวก่อนเลย จากจังหวะที่สตีเว่น เจอร์ราร์ดจัดการเปิดบอลยาวทะลุไปแดนหน้าให้กับปีเตอร์ เคร้าซ์พุ่งเข้าชาร์จในกรอบเขตโทษ แต่ขายาวๆของเคร้าซ์แหย่บอลไม่โดน ทำให้ลูกพุ่งหลุดออกหลังไป

เกมยังต่อกันไม่ติด
ผ่าน 10 นาทีแรก เกมของทั้งคู่ถือว่ายังต่อไม่ติดเท่าไร พอแดนกลางได้บอลจะบุกขึ้นหน้าก็จ่ายติด จ่ายเสียจังหวะยังไม่พอดีด้วยกันทั้งสองฝั่ง โอกาสยิงเลยยังไม่มีให้เห็น

เปรตโหม่งข้ามคานเฉย
นาทีที่ 16 เป็นโอกาสลุ้นประตูเหน่งๆครั้งแรกของทางทีมชาติอังกฤษ จากจังหวะฟรีคิกไกลทางฝั่งซ้ายของสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดที่กระแทกบอลยาวไปทางเกล็น จอห์นสันที่รออยู่ฝั่งขวา ก่อนตักบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษ ปีเตอร์ เคร้าซ์สูงเด่นเป็นสง่ากว่าใครเพื่อนขึ้นเทคตัวโหม่งบอลคนเดียว แต่คุมน้ำหนักไม่อยู่ บอลลอยข้ามคานออกไป

หมูเอ้ยหมู........
นาทีที่ 22 เห็นได้ชัดเลยว่าเวย์น รูนี่ย์ยังคงไม่สามารถเรียกฟอร์มของตัวเองกลับมาได้ หลังจากรับบอลตรงกลางสนามมีโอกาสจี้เลี้ยงกระชากไปหน้ากรอบเขตโทษ หรือจ่ายทะลุช่องให้กับปีเตอร์ เคร้าซ์ที่วิ่งทำทางไปอีกด้าน แต่เจ้าตัวกลับแตะบอลไปข้างหน้าแบบงงๆ ก่อนจะโดนกองหลังของมอนเตฯสกัดไปได้แบบสบายๆ

ยังเลื้อยกระชากใบเหลือง
3 นาทีต่อมา แอชลี่ย์ ยังโชว์ลีลาการลากเลื้อย แตะบอลหลบผู้เล่นของมอนเตเนโกรได้สองคน ก่อนที่จะสลับแตะบอลล็อกหนีซูโดวิชพร้อมจะหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่โดนขวางเอาดื้อๆ ผู้ตัดสินจึงเป่าฟาวล์ และแจกใบเหลืองให้แก่ซูโดวิช

AJ กระชากเปิดติดนิดเดียว
นาทีที่ 31 อดัม จอห์นสันได้โชว์สปีดของตัวเองกระชากหนีมิลาน โยวาโนวิช(คนละคนกับอยู่ที่ลิเวอร์พูล)หลุดไปถึงสุดเส้นหลังในกรอบเขตโทษ แต่จังหวะไหลบอลเข้ากลางไปติดกองหลังของทางมอนเตเนโกรเสียก่อน

สองช๊อต!AJ ฟรีคิกได้เสียว
อีก 2 นาทีต่อมา ก็เป็นทางอดัม จอห์นสันที่เริ่มจะมีส่วนร่วมกับเกมมากขึ้น จากจังหวะฟรีคิกระยะไกล เจ้าตัวพกความมั่นใจเต็มกระเป๋าก่อนวิ่งไปปั่นเต็มข้อ บอลพุ่งข้ามกำแพงเหมือนจะเสียบเข้าเสาแรก แต่โค้งมากไปนิดหลุดออกหลังไป

แดนหน้าเหมือนไม่รู้ใจ
เข้าสู่ช่วงท้ายครึ่งแรก แม้อังกฤษจะต่อบอลครองบอลกันได้ดีกว่าทางฝั่งทีมเยือน แต่พอบอลไปถึงหน้ากรอบเขตโทษของมอนเตเนโกร ก็ทำบอลเสีย จ่ายบอลกันพลาด เหมือนไม่เข้าใจจังหวะกันเท่าที่ควร

ช่วงทดเวลาเกล็น จอห์นสันมีโอกาสวิ่งหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา จากลูกจ่ายงัดข้ามกองหลังของสตีเว่น เจอร์ราร์ด แต่แบ็ค หงส์แดง เหมือนตัดสินใจไม่ค่อยตีป้ายบอลเข้ากลางติดกองหลัง แม้เวย์น รูนี่ย์จะตามไปเก็บตกแล้วยิงได้ แต่ทั้งหลัก และจังหวะไม่ดี ทำให้ไม่ยากที่ผู้รักษาประตูจะเซฟเอาไว้ได้

ผู้ตัดสินพ่นนกหวีดหมด 45 นาทีแรก พร้อมกับเสียงโห่ไม่พอใจของบรรดาแฟน สิงโตคำราม ที่ทีมชาติตัวเองยังเสมอกับทางมอนเตเนโกรอยู่ 0-0

ครึ่งหลัง

สิงโตเงียบ
ผ่าน 10 นาทีของครึ่งหลังไป ทีมชาติอังกฤษนิ่งสนิท จะมีได้ลุ้นนิดหน่อยก็ช่วงต้นๆที่โดนทางผู้เล่นของมอนเตเนโกรอัดหนักๆจนได้ฟรีคิก แต่ก็ไม่สามารถสร้างสรรค์โอกาสได้ดีนัีก

หมูยิงติดเซฟ
นาทีที่ 59 ทีมชาติอังกฤษต่อบอลสวยๆให้หายง่วงได้บ้างแล้ว จากจังหวะที่อดัม จอห์นสันจ่ายบอลให้สตีเว่น เจอร์ราร์ดแทงบอลทะลุพรวดเดียวไปในกรอบเขตโทษ เวย์น รูนี่ย์วิ่งเติมเข้าไปยิงตามน้ำที่เสาแรก แต่ติดเซฟของทางโบโซวิช แม้บอลจะกระฉอกแต่ก็ยังตามตะครุบไว้ได้ทัน

ยังพุ่งโดนเหลือง
อีก 1 นาทีต่อมา แอชลี่ย์ ยังก็มาโดนใบเหลืองข้อหาพุ่งล้มจะเอาจุดโทษ ในจังหวะที่เขาแตะบอลหลบกองหลังของมอนเตเนโกรเข้าไปในกรอบเขตโทษได้แล้ว พอเห็นตัวมาซ้อนเลยพยายามจะพุ่งเอาตัวไปกระแทกแล้วล้ม ผู้ตัดสินเลยวิ่งมาแจกใบเหลืองให้ทันที

เซ็ตพีชหวังไม่ได้เลย
นาทีที่ 65 ลูกตั้งเตะของทางทีมชาติอังกฤษก็ยังคงไม่สามารถหวังผลอะไรได้ เหมือนอย่างที่ผ่านมาตลอดทั้งเกม เพราะแอชลี่ย์ ยังเหมือนว่าจะเรดาห์เท้าเบี้ยวไปหน่อย เปิดหลุดออกหลังแทบทุกเม็ด

เดวี่ส์มาแล้ว!ถอดเปรตออก
นาทีที่ 70 ฟาบิโอ คาเปลโล่ตัดสินใจถอดเอาปีเตอร์ เคร้าซ์ออก แล้วส่งเควิน เดวี่ส์ลงประเดิมสนามเป็นเกมแรกในนามนักเตะทีมชาติอังกฤษ ต้องมาคอยดูกันว่าหัวหอกจากโบลตันจะแผลงฤทธิ์ได้หรือไม่ในช่วงเวลาที่เหลือ

หมูอัดติดเซฟเฉย
อีก 3 นาทีต่อมา อังกฤษน่าได้ประตูขึ้นนำอย่างแรง จากจังหวะที่บอลขลุกขลิกอยู่ในกรอบเขตโทษของมอนเตเนโกรแล้วไปเข้าทางเวย์น รูนี่ย์ที่ีวิ่งมาอัดเหน่งๆ แต่โบโซวิชยื่นแขนปัดออกไปได้ทัน

ไรท์จิ๋วลงลาก
นาทีที่ 74 อังกฤษเปลี่ยนเอาฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์ลงสนามแทนแอชลี่ย์ ยังที่วันนี้ลากเลื้อยได้ดี แต่จังหวะสุดท้ายถือว่าไม่แม่นเท่าไร

สิงโตไม่ได้จุดโทษ!!!
นาทีที่ 77 ผู้ตัดสินวันนี้เหมือนจะตัดสินใจไม่เข้าทางของเจ้าบ้านเลยสักนิด เมื่อทางมิลาน โยวาโนวิชของมอนเตเนโกรพลาดเห็นไปยื่นท่อนแขนพักบอลลงในกรอบเขตโทษ แต่ทางผู้ตัดสินเฉย รวมทั้งไลน์แมนที่อยู่เห็นเหตุการณ์อยู่ใกล้ ๆ ด้วย

เกือบพัง!มอนเตฯยิงชนคาน
นาทีที่ 83 อังกฤษเกือบจะพังพาบคาบ้านเสียแล้ว จากจังหวะที่มิลาน โยวาโนวิชเติมขึ้นไปหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะพักบอลแล้ววอลเล่ย์ด้วยซ้ายเต็มๆ แม้บอลจะไม่แรงมาก แต่ก็พุ่งโค้งย้อยข้ามโจ ฮาร์ทก่อนจะชนเข้ามาคานอย่างจัง ถ้าต่ำกว่านี้หน่อย งานนี้ผู้ดีมีน้ำตาตก

ช่วงท้ายเกมแกเร็ธ แบร์รี่มีโอกาสที่จะทำประตู แต่ก็ถูกทางผู้รักษาประตูของมอนเตเนโกรป้องกันเอาไว้ได้

จบ 90 นาที อังกฤษเสมอกับมอนเตเนโกรไป 0-0 แบ่งกันไปทีมละแต้ม ทำให้อังกฤษมีแต้มเพิ่มเป็น 7 คะแนน ยังคงอยู่ที่อันดับสองเหมือนเดิม ส่วนทางมอนเตเนโกรรั้งจ่าฝูงของกลุ่มเหนียวแน่นมี 10 คะแนน แถมยังไม่เสียประตูเลยด้วย

และแน่นอนที่ขาดไม่ได้ก็คือเสียงโห่ระงมของทางแฟนบอลเมืองผู้ดีที่ผิดหวังกับผลการแข่งขันในวันนี้

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

อังกฤษ :
โจ ฮาร์ท,โจเลี่ยน เลสค็อตต์,ริโอ เฟอร์ดินานด์,แอชลี่ย์ โคล,เกล็น จอห์นสัน,สตีเว่น เจอร์ราร์ด,แกเร็ธ แบร์รี่ ,แอชลี่ย์ ยัง (ไรท์-ฟิลลิปส์ น.74),อดัม จอห์นสัน,ปีเตอร์ เคร้าซ์(เดวี่ส์ น.69),เวย์น รูนี่ย์

มอนเตเนโกร : มิอาเดน โบโซวิช,มาร์โค บาซ่า ,มิโอแดร็ก ซูโดวิช ,มิลาน โยนาโนวิช,สเตฟาน สาวิช ,มิทาร์ โนวาโควิช(คาสเซลาน น.62),บรานโค บอสโควิช(เบซิราจ น.82),มิโลราด เปโควิช,ไซม่อน วูเซวิช ,เอลซาด เซโรติช,ราโดเมียร์ ยาโลวิช(เดลิบาซิส น.77)























 

สนับสนุนข่าวโดย www.sport4x.com

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์