วิเอรา กับค่าตัว 455ล้าน

ชุดรองแชมป์โลก 2006 ของทีม ม้าลาย ยูเวนตุส ที่โดนพิพากษาให้ตกชั้นลงไปอยู่ซีรีบีจากคดีล้มบอล มาร่วมทัพสมใจแล้ว ด้วยค่าตัว 6.5 ล้านปอนด์ (455 ล้านบาท) โดยเซ็นสัญญาเป็นเวลา 4 ปีด้วยกัน พร้อมกันนี้ยังถือเป็นการหักอก ผีแดง แมนฯยู ดังเป๊าะ เนื่องจากยอดทีมดังพรีเมียร์ลีกก็ต้องการมิดฟิลด์รายนี้ไปร่วมทีมเช่นกัน

ศึกลูกหนังกัลโชซีรีเอ จะมีการเลื่อนเปิดการแข่งขันฤดูกาลหน้า 2006/07 ออกไปอีก 2 สัปดาห์ จากเดิมที่จะเริ่มฟาดแข้งในวันอาทิตย์ที่ 27 ส.ค. ไปเป็นวันที่ 9 หรือ 10 ก.ย.นี้ เนื่องจากผลพวงจากคดีล้มบอลที่ยังคงวุ่นวายไม่รู้จบอยู่ในเวลานี้

ที่ถูกปรับให้ตกชั้นลงไปเล่นในซีรีบีฤดูกาลหน้า พร้อมกับถูกตัดแต้มนั้น ยังคงดิ้นรนอุทธรณ์เฮือกสุดท้ายต่อคณะกรรมการโอลิมปิกของอิตาลี หรือ โคนี ส่งผลให้ต้องรอผลอุทธรณ์เสียก่อน ซึ่งจะทราบผลแน่ชัดในช่วงปลายเดือนสิงหาคมนี้ ทำให้ศึกกัลโชซีรีเอต้องเลื่อนเปิดฤดูกาลใหม่ไปอีก 2 สัปดาห์ คาดว่าศึกกัลโชซีรีเอฤดูกาลใหม่ 2006/07 จะเริ่มขึ้นในวันที่ 9 หรือ 10 ก.ย.นี้ ก่อนที่จะไปสิ้นสุดในวันที่ 25 พ.ค. ปี 2007

มิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสของยูเวนตุส ก็ได้บทสรุปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว เมื่อ งูใหญ่ อินเตอร์ มิลาน แชมป์ กัลโชซีรีเอฤดูกาลที่ผ่านมา จัดการคว้าตัวพาทริก วิเอรา กองกลางทีมชาติฝรั่งเศสชุดรองแชมป์โลก 2006 ของยูเวนตุส มาร่วมทัพสมใจเรียบร้อยแล้ว ด้วยค่าตัว 6.5 ล้านปอนด์ (455 ล้านบาท)

วิเอรา มิดฟิลด์วัย 30 ปี ตกลงเซ็นสัญญาร่วมทีมงูใหญ่เป็นเวลา 4 ปี ซึ่งเขานับเป็นผู้เล่นตัวหลักรายล่าสุดของยูเวนตุส ที่ทิ้งทีมม้าลายไปอยู่กับทีมอื่น ต่อจากฟาบิโอ คันนาวาโร กับเอเมอร์สัน ที่ย้ายไปอยู่กับเรอัล มาดริด และจิอันลูกา ซัมบรอตตา กับลิลิยง ตูราม ที่ย้ายไปอยู่กับบาร์เซโลนา หลังจากยูเว่ถูกปรับตกชั้นลงไปเล่นในซีรีบีฤดูกาลหน้า พร้อมกับโดนตัดแต้มอีก 17 คะแนน จากการพัวพันในคดีล้มบอล

ถือเป็นการหักอก ผีแดง แมนฯยู ที่อยากได้ตัวมิดฟิลด์ทีมชาติฝรั่งเศสรายนี้ไปร่วมทีมเช่นกัน หลังจากก่อนหน้านี้สื่อเมืองผู้ดีตีข่าวว่า วิเอราเปิดใจอยากย้ายไปร่วมทีมแมนฯยู ทั้งที่เพิ่งอำลาทีม ปืนใหญ่ อาร์เซนอลไปแค่ฤดูกาลเดียว

ด้วยค่าตัว 13.7 ล้านปอนด์ (959 ล้านบาท) เมื่อเดือน ก.ค. ปี 2005 หลังจากอยู่โยงรับใช้ทีมปืนใหญ่มานานถึง 9 ปี และเคยนำอาร์เซนอลคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกได้ถึง 3 สมัย และแชมป์เอฟเอคัพอีก 4 สมัย ระหว่างที่เขาค้าแข้งในถิ่นไฮบิวรี


แหล่งที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยรัฐ