วิถี คนรักลูกหนังดังชีวิต โดย.. ยอดทอง

  หากจะสามารถสรรหา คนลูกหนัง ผู้ที่ผูกพันในวิถีฟุตบอลและรักกีฬาฟุตบอลมากที่สุดในประเทศไทย ผมว่า ชื่อของ วิทยา เลาหกุล หรือ ''โค้ชเฮง'' จะต้องติดอันดับท็อปเทน หรือบางทีอาจท็อปไฟว์ด้วยซ้ำ 


 



ผมชื่นชมเขา ด้วยรู้เห็นวิถีลูกหนังทั้งชีวิตของเขาในเส้นทางหลายทศวรรษ และที่ยกย่องที่สุดคือ เขาไม่เคยทรยศฟุตบอล ไม่เคยด่างพร้อย ในยุคที่ มะเร็งการล้มบอลระบาดในภูมิภาคบ้านเรา (วิทยารู้เยอะ เพราะเป็นบุคคลในเหตุการณ์ ทั้งยามอยู่ในสนามหรือข้างสนาม ต่างสถานะ แต่จะเล่าหรือไม่เล่าเท่านั้น)



ในยุคที่ผมเป็นนักข่าวกีฬาหนุ่ม วิทยา เลาหกุล เป็นเด็กหนุ่มจากลำพูนที่ ''ใฝ่ดี'' ในถนนลูกหนัง ติดทีมชาติมาแต่ทีมชุดเด็ก ที่มีเพื่อนร่วมทีมอย่าง วีรยุทธ สวัสดี, มาด๊าด ทองท้วม, วรวรรณ ชิตะวณิช, จุฑา ติงศภัทริย์, ภาณุวัฒน์ ร่วมฤดีกุล, แก้ว โตอดิเทพ ฯลฯ




ผมยังจำได้ กับวลีของ อาจารย์ประวิทย์ ไชยสาม ชี้ให้ดูเด็กหนุ่มผิวขาวร่างสูงใหญ่ ที่วิ่งจ๊อกรอบสนามอยู่คนเดียว แล้วบอกว่า.. ''ไอ้เฮง เด็กลำพูน มาซ้อมก่อนกลับทีหลังคนอื่น มันหายใจแต่ฟุตบอล หม่อมเจตฯ รักเอ็นดู เอาไปอยู่บ้านที่คลองประปาด้วย ไอ้นี่อนาคตไกลเพราะมันมุ่งมั่น ไม่มีถอย'' นั่นคือวันเมื่อสามสิบปีก่อน ผมวัยยี่สิบกว่าๆ ไปเตะซ้อมบอลทีมผู้สื่อข่าวกีฬา ที่สนามตำรวจดับเพลิงบรรเทาสาธารณภัย ริมแม่น้ำเจ้าพระยา หลังโรงพยาบาลวชิระ สามเสน ซึ่งเป็นสนามซ้อมของทีมราชประชายุคเรืองรอง วิทยาเป็นเด็กดาวรุ่งของทีม



วิทยาเติบโตจากการปั้นของ อาจารย์ประวิทย์ ไชยสาม ผู้ให้โอกาสแห่งชีวิตคือ พล.ต.ท. ม.ร.ว. เจตจันทร์ ประวิตร สั่งให้กุนเธอร์ กลอมป์ ติดต่อพาวิทยาไปเป็นนักเตะอาชีพที่เยอรมัน ซึ่งวิทยาก็ไปเล่นในทีม แฮร์ธ่า เบอร์ลิน เป็น ''ไทยบูม'' ยุคเดียวกับ ''ชาบูม'' ชา บุม คุน ยอดนักเตะทีมชาติเกาหลีใต้ ค้าแข้งกับ ไอน์ทรัค แฟร้งค์เฟิร์ต จาก เยอรมัน วิทยามีศักยภาพลูกหนังขนาดไปเตะหากินได้ในญี่ปุ่นกับทีม กัมบะ แม้ยุคนั้นฟุตบอลญี่ปุ่นยังไม่ถึงระดับเจลีกในปัจจุบัน แต่วิทยาก็บ่มเพาะความเป็น ''มืออาชีพ'' วิถีลูกหนัง จากประสบการณ์ผู้เล่นและการร่ำเรียนศาสตร์วิชาเพื่อเป็นโค้ชที่ดี



ผมยังประทับใจวิทยาถึงทุกวันนี้ ที่ครั้งหนึ่งเขาอธิบายเบสิกง่ายๆ โดยเขาจะบอกให้เราแตะอวัยวะบนใบหน้าที่เขาขาน เช่น บอกหูก็แตะที่หู บอกปากก็แตะที่ปาก จมูก ตา ว่าไปเรื่อย โดยเขาก็ทำตามด้วย พอผ่านมาสักระยะ เขาขานว่าตา แต่แตะที่จมูกตัวเอง



เชื่อไหมว่า ทั้งผม ทั้งโย่ง (ที่อยู่ร่วมเหตุการณ์) กับนักบอลฝึกหัดเกือบทั้งหมด แตะที่จมูก วิทยาบอกเลยว่า...นี่คือจุดอ่อนของนักเตะมือสมัครเล่น คือทำตามสิ่งที่เห็น แทนที่จะแน่วแน่ในสิ่งที่สมองได้รับคำสั่ง นักบอลที่ไม่ได้รับการฝึกให้แน่วแน่ทางจิตรับคำสั่งพร้อมปฏิบัติ จะขาดสมาธิ ที่สุดความกดดันในเกม จะทำให้เล่นตามความเคยชิน โฉ่งฉ่างตามอำเภอใจหรือตามเกมของคนอื่น ลืมคำสั่งของโค้ชไปหมด ไปไม่ถึงจุดศักยภาพของการเป็นนักเตะมืออาชีพที่ดี




ที่เล่ามานี้ เพื่อให้เห็นว่า วิทยา ''แน่น'' แค่ไหนในศาสตร์ลูกหนัง ทั้งจากหัวใจรัก จากประสบการณ์ทุกสถานภาพบนวิถีลูกหนัง จนมาเป็น ''เดอะเฮง'' วิทยา เลาหกุล ในวันนี้ และเป็นโชคดีของ ชลบุรี เอฟซี ที่ได้วิทยาเป็นสตาฟฟ์ทำทีม ซึ่งวิทยาเองก็ดูจะพอใจในความเป็น ''มืออาชีพ'' บริหารจัดการของฉลามชล



วิทยาได้สิ่งดีๆ จากฟุตบอลมาตลอดชีวิต แต่ในมุมหนึ่ง บนเส้นทางสายนี้ที่เขาเดิน ก็ย่อมเห็น สิ่งที่ไม่ดี จุดอ่อนต่างๆ ในวิถีแห่งฟุตบอลไทย ผ่านการบริหารของนายกสมาคมฯ หลายยุค (ดูเหมือนนายกฯ คนที่วิทยาเป็นปรปักษ์มาตลอดคือ อาจารย์วิจิตร เกตุแก้ว จะเพราะอะไร ต้องไปถามไถ่เอาเอง เพราะล้วนเป็นเรื่องอดีตทบซ้อนกันมาเป็นช่วงทศวรรษ ที่ต่างวาระ ต่างสถานะ จนแก่ไปตามๆ กันแหละครับ)



เพราะ ''ปม'' ประสบการณ์มุมมืดลูกหนังไทยสารพัดหลายๆ ปม ผนวกการได้เห็นมาตรฐานพื้นฐานที่เยอรมันและความก้าวหน้า ''เอาจริง'' ของญี่ปุ่นด้วยตัวเอง วิทยาในฐานะคนรักฟุตบอลด้วยชีวิต ก็ย่อมรู้สึกว่า สมาคมฯ ทำอะไรก็ห่วยไปหมด บริหารจัดการไร้คุณภาพ



คุณวรวีร์ นายกสมาคมฯ คนปัจจุบัน วิทยาก็ยังให้ทัศนะ ให้ลาออกผ่านจอโทรทัศน์ ด้วยคำพูดง่ายๆ สั้นๆ  เพียงไม่กี่วลี (ทั้งที่สิ่งที่วิทยาด่านั้น ก็รู้อยู่แก่ใจว่ามันเป็น ''รากเน่า'' มานานกี่ปีดีดัก ก่อนยุคคุณวรวีร์เป็นนายกฯ ตัวเองก็อยู่ในหน้าที่ทำงานกับสมาคมฯ ด้วย)



เพราะถูกผลักให้อยู่คนละข้างกับ  คุณวรวีร์จากวันนั้น ชื่อของวิทยา ก็เลยถูกอุปโลกน์ว่าเป็น แคนดิเดตอีกคนหนึ่งที่จะขึ้นชิงตำแหน่งนายกสมาคมฯ กับ คุณวรวีร์ (เหมือนเมื่อสามปีก่อนที่วิทยาเคยเสนอชื่อตัวเอง)




ผมเชียร์นะ เพียงขอให้เป็นไปตามครรลองและกติกา ในวาระเลือกตั้งนายกสมาคมฯ ที่เดือนมีนาคมศกหน้า ก็เพียงสามเดือนกว่าๆ เท่านั้น เพราะวิทยามีสิทธิ์ ลงสมัครเลยครับ



อยากให้วิทยาได้เป็นนายกสมาคมฯ จะได้ทราบว่า สองบ่าจะแบกรับภาระขนาดไหนในตำแหน่ง ''ขี่หลังเสือ'' นี้ อะไรที่เคยด่าว่าไว้เยอะ ต้องเข้ามาทำเองดู และจะทำได้ขนาดไหน



ไม่ต้องคิดเรื่องบริหารจัดการ เอาแค่วิถีฟุตบอลทีมชาติ หากวิทยานึกถึงตรรกะและวิถีในอดีตจากประสบการณ์ตัวเอง ไม่ว่ายามอยู่ในสนามยุคเป็นผู้เล่นหรือริมสนามในฐานะเฮดโค้ช วิทยาก็ย่อมรู้อยู่เต็มอกว่า มี ''ปม'' มากมายเท่าไหร่ ที่ทำให้ทีมชาติไทย เล่นไม่ชนะ



และมันเป็นเป็นความรู้สึกสาหัสแค่ไหน เมื่อทีมชาติแพ้ ล้มเหลว แล้วมีพลังแฟนบอลไทย ออกมาขับไล่ มึงมันห่วย




ฉันใดก็ฉันนั้นแหละครับว่า เกียรติภูมิแห่งคนที่รักฟุตบอลที่สุดในหัวใจมาช้านาน จะถูกพิพากษา โดยปราศจากการคำนึงถึงคุณค่าในมุมมองอื่น 



มันไม่ยุติธรรมปานใด


ยอดทอง

  

...................................

ใครยังอ่านของสำนักพิมพ์นี้บ้างอะครับ 

เดี๋ยวนี้ผม คนหนึ่งที่เลิกอ่านไปเลยนะครับ 

เลิกซื้อไปเเล้ว  เเค่เข้ามาดูในเน็ตเเค่นั้นเเหละครับ  

ทั้งรายวัน  รายสัปดาห์   รายเดือน  ฟุตบอลสยาม   เเฟนผี โปรเจก ด้วยครับ  

อิอิ 

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์