ลา ลีกาเปิดศึกท้าชนพรีเมียร์ลีก เมสซี่เบียดโรนัลโด้แข้งทองคำแห่งปี

ปี 2009 เป็นปีที่วงการลูกหนังโลกมากไปด้วยสีสันไม่แพ้กับปีก่อนๆ

แต่มีความเปลี่ยนแปลงหลายอย่างเกิดขึ้น

ฟุตบอลพรีเมียร์ลีก ของอังกฤษ ยังคงเป็นลีกที่ได้รับความนิยมสูงสุด เนื่องจากสไตล์การเล่นที่ดูสนุก เปิดเกมรุกเข้าใส่กันตลอด และมีการถ่ายทอดสดไปทั่วโลก

แต่ถึงจะได้รับความนิยมสูงสุดแต่ก็ไม่ได้หมายความว่าจะเป็นลีกดีที่สุดเสมอไป

พรีเมียร์ลีก กำลังโดน "ลา ลีกา" ของสเปน ท้าทายครั้งใหญ่

ปี 2009 เป็นปีแห่งประวัติศาสตร์ของวงการฟุตบอลสเปน

บาร์เซโลน่า ทีมยักษ์ใหญ่สร้างผลงาน 3 แชมป์ในฤดูกาลเดียว แถมเป็นแชมป์รายการใหญ่ทั้งสิ้นไม่ว่าจะเป็น แชมป์ลา ลีกา, แชมป์ยูฟ่า แชม เปียนส์ลีก และแชมป์สแปนิช คิงส์ คัพ

รีล มาดริด ทีมคู่ปรปักษ์สำคัญทำสถิติซื้อนักเตะที่แพงที่สุดในโลก เมื่อทุ่มเงินกว่า 80 ล้านปอนด์ คว้าตัว คริสเตียโน่ โรนัลโด้ มาจากแมนฯ ยู

ในขณะที่ทีมชาติสเปน เจ้าของแชมป์ยูโร 2008 ก็ทำสถิติเทียบเท่าบราซิล ด้วยผลงานไม่แพ้ใคร 35 เกม

ซูเปอร์สตาร์ที่ได้รับการยอมรับว่า เป็นนักเตะที่ดีที่สุดแห่งปีก็เล่นอยู่ในสเปน

เขาก็คือ "ลิโอเนล เมสซี่" เพลย์เมกเกอร์ ทีมชาติอาร์ เจนตินาที่พาบาร์ซ่า คว้าแชมป์ลา ลีกา, แชมป์ ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก และแชมป์ สแปนิช คิงส์คัพ และล่า สุดก็คือ แชมป์สโมสรโลก จนได้รับเลือกเป็นนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของฟีฟ่า และนักเตะยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป

"เราอาจจะไม่ใช่ทีมที่ดีที่สุดในประวัติ ศาสตร์ของสโมสร แต่ผมคิดว่าเราเป็นทีมที่ดีที่สุดในฤดูกาล" เป๊ป กัวร์ดิโอล่า กุนซือบาร์ซ่า แสดงความคิดเห็น

เพราะการผงาดขึ้นมาแบบไร้เทียมทานของบาร์เซโลน่า ทำให้ "ราชันชุดขาว" รีล มาดริด อดรน ทนไม่ไหวต้องเปลี่ยนแปลงทีมครั้งใหญ่เมื่อฤดูกาล 2009-2010 เริ่มต้นขึ้น

เมื่อฟลอเรนติโน่ เปเรซ เข้ามารับหน้าที่ประธานสโมสรอีกครั้ง ได้แต่งตั้ง มานูเอล เปลเยกรินี่ ของบียาร์รีล มาแทนที่ ฮวนเด้ รามอส และอนุมัติ งบประมาณซื้อนักเตะเป็นจำนวน 250 ล้านยูโร


เงินจำนวนดังกล่าว ใช้ซื้อ โรนัลโด้ มาจากแมนฯยู (64 ล้านยูโร),กาก้า จากมิลาน (70 ล้านยูโร)

ถือเป็น "กาลาติกอส" ยุคใหม่

แต่ฤดูกาลนี้ผ่านพ้นมาครึ่งทางแล้ว บาร์เซโลน่า ยังนำเป็นจ่าฝูงอยู่ แถมในเดือนพ.ย.ยังเอาชนะรีล มาดริด 1-0

"ราชันชุดขาว" ยังมีงานต้องทำอีกมากหากต้องการทวงคืนความยิ่งใหญ่

ส่วนพรีเมียร์ลีกของอังกฤษ ก็ยังร้อนแรงหวือหวาตามสไตล์

"ผีแดง"แมนฯ ยู ของเซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ยังคงเป็นทีมที่ดีที่สุดในเกาะอังกฤษ พิสูจน์ได้จากการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกไปครองได้เป็นสมัยที่ 3 ติดต่อกัน และยังได้ทั้งแชมป์สโมสรโลก และคาร์ลิ่ง คัพ มาครองอีกด้วย ในขณะที่พ่ายเอฟเวอร์ตั้น ในเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ และพ่ายบาร์เซโลน่า ในนัดชิงชนะเลิศยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก

แต่ความเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่เกิดขึ้นหลังจากที่ "ผีแดง" คว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกฤดูกาล 2008-2009 ไปครอง เมื่อ คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ซูเปอร์สตาร์ของทีมตัดสินใจย้ายไปเล่นให้รีล มาดริด ทีมยักษ์ใหญ่ในสเปน ถึงอย่างนั้นก็ยังรักษาระดับการเล่นของตัวเองไว้ได้ดี

ทีมที่เจอปัญหาหนักก็คือ "หงส์แดง"ลิเวอร์พูล เพราะยังไม่สามารถหาความสำเร็จได้เป็นชิ้นเป็นอัน และในฤดูกาล 2009-2010 ที่ผ่านพ้นไปแค่ครึ่งทาง ลิเวอร์พูลพ่ายไปแล้ว 7 นัด อันดับรูดไปอยู่ที่ 8 ทำท่าว่าจะลุ้นลำบากในการชิงโควตาไปเตะยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาลหน้า ส่วนในฤดูกาลนี้ก็ต้องร่วงตกรอบแรก หากสถานการณ์ไม่ดีขึ้นมีสิทธิ์ที่ ราฟา เบนิเตซ จะต้องกระเด็นจากตำแหน่ง

เชลซี หลังจาก กุส ฮิดดิงก์ อำลาตำแหน่งเพื่อกลับไปคุมทีมชาติรัสเซีย และแต่งตั้ง คาร์โล อันเชล็อตติ สถานการณ์ทำท่าจะดีขึ้น แต่ผลงานในฤดูกาลใหม่ก็ยังไม่ถึงกับเปรี้ยงปร้าง โดยเฉพาะ 6 เกมล่าสุด ชนะไปเพียงนัดเดียว การไล่ล่าแชมป์พรีเมียร์ลีกยังต้องพบกับความยากลำบากต่อไป

"เรือใบสีฟ้า"แมนฯ ซิตี้ แม้มีเม็ดเงินมหาศาล มีงบประมาณในการซื้อนักเตะระดับบิ๊กเนมมาร่วมทีมมากมาย แต่เมื่อไม่มีทีท่าว่าจะประสบความสำเร็จ มาร์ก ฮิวจ์ส จึงต้องกระเด็นจากตำแหน่ง และโรแบร์โต้ มันชินี่ อดีตกุนซืออินเตอร์เข้ามารับหน้าที่แทน

พรีเมียร์ลีก ยังท้าทายและน่าสนใจเสมอ

ในขณะที่ กัลโช่ ซีรีส์ เอ ของอิตาลี สถาน การณ์ดูจะไม่เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากนัก

และไม่ใช่ปีที่ดีที่สุดอีกด้วย


ฟาบิโอ คาเปลโล่ หนึ่งในโค้ชชาวอิตาเลียนที่ดีที่สุดในยุคปัจจุบัน ตัดสินใจรับหน้าที่คุมทีมชาติอังกฤษจนสามารถกรุยทางผ่านเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก รอบสุดท้ายได้ ส่วนโจวานนี่ ทราปัตโตนี่ อดีตกุนซืออินเตอร์และทีมชาติอิตาลีก็ย้ายไปทำหน้าที่คุมทีมชาติไอร์แลนด์

คาร์โล อันเชล็อตติ อำลางานคุมทีม "ปีศาจแดงดำ" มิลาน เพื่อไปคุมทีมเชลซี นอกจากนี้ อันเดรียส บาร์ซากลี และ คริสเตียน ซักคาร์โด้ ก็ช่วยให้โวล์ฟสบวร์กคว้าแชมป์บุนเดสลีกาเป็นครั้งแรกของสโมสรอีกด้วย

ในขณะที่ยูฟ่า แชมเปียนส์ลีก ฤดูกาล 2008-2009 เป็นปีที่น่าผิดหวังของทีมจากอิตาลี เมื่อทีมระดับหัวแถวอย่าง อินเตอร์, โรม่า และยูเวนตุส ร่วงตกรอบ 2 ของศึกยูฟ่า แชมเปียนส์ ลีก กันหมด

การที่ไม่มีทีมใดในอิตาลีผ่านเข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้ายในแชมเปียนส์ ลีก เป็นครั้งแรกในประวัติ ศาสตร์

สิ่งที่น่าสนใจที่สุดยังคงเป็นการเข้ามาคุมทีม อินเตอร์ ของโฮเซ่ มูรินโญ่

แม้สไตล์การทำทีมจะเต็มไปด้วยความน่าเบื่อ แต่มูรินโญ่ ก็ได้รับการยอมรับเพราะสามารถพา "งูใหญ่" เก็บชัยชนะได้อย่างต่อเนื่อง จนทำให้แฟนบอลลืมเลือน โรแบร์โต้ มันชินี่ ไปได้อย่างรวดเร็ว

มูรินโญ่ พาอินเตอร์คว้าแชมป์กัลโช่ ซีรีส์ เอ ในฤดูกาล 2008-2009 โดยมีแต้มทิ้งห่างมิลาน และ ยูเวนตุส ถึง 10 แต้ม

และในฤดูกาล 2009-2010 ที่ปิดลงเพื่อหนีหนาวในช่วงคริสต์มาส อินเตอร์ก็ยังเป็นจ่าฝูงนำห่างทีมอันดับ 2 ถึง 8 แต้ม

และในแชมเปียนส์ ลีก ฤดูกาล 2009-2010 ก็ผ่านเข้าไปเล่นในรอบสองได้เป็นที่เรียบร้อยแล้ว

ในขณะที่ทีมชาติอิตาลี ก็กรุยทางเข้าไปเล่นในฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย ได้เป็นที่เรียบร้อยแล้วเช่นกัน

และยังเป็นทีมที่มีศักยภาพเพียงพอที่จะสอดแทรกคว้าแชมป์โลกได้เช่นกัน

ในขณะที่ฟุตบอลบุนเดสลีกาของเยอรมัน ยังคงเรียบเรื่อย ไม่หวือหวา เหมือนลีกอื่นของยุโรปอยู่เหมือนเดิม

ฤดูกาล 2008-2009 ทีมนอกสายตาอย่าง "หมาป่า" โวล์ฟสบวร์ก มาแรงแซงทางโค้ง คว้าแชมป์บุนเดสลีกาไปครองเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ของสโมสร ทั้งนี้ต้องชมผลงานการทำทีมของ เฟลิกซ์ มากัธ

มากัธ ไม่เพียงพาโวล์ฟสบวร์ก คว้าถาดแชมป์บุน เดสลีกา ยังปลุกปั้นให้ กราฟิเต้ และ เอดิน เซโก้ เป็นยอดดาวยิงด้วยการทำประตูรวมกันถึง 54 ประตู

โวล์ฟสบวร์ก ประสบความสำเร็จเกินคาด ในขณะที่ "เสือใต้"บาเยิร์น มิวนิก ล้มเหลวอย่างสิ้นเชิง จน เจอร์เก้น คลิ้นสมันน์ ต้องกระเด็นออกจากตำแหน่ง และถูกแทนที่โดย หลุยส์ ฟาน กัลล์ กุนซือชาวดัตช์

ฟาน กัลล์ เริ่มต้นฤดูกาล 2009-2010 ได้ไม่ดีนัก แต่ระยะหลังเมื่อได้ "ฟรองก์ ริเบรี่" ฟิตสมบูรณ์กลับมาลงเล่น ผลงานก็กระเตื้องขึ้นจนมีแต้มตามหลัง "ห้างขายยา"เลเวอร์คูเซ่น ที่เป็นแชมป์ครึ่งฤดูกาลแรกเพียง 2 แต้มเท่านั้น

โอกาสลุ้นแชมป์ถือว่ายังเปิดกว้างอยู่

แต่ข่าวที่ถือว่าเป็นความสูญเสียครั้งใหญ่ของวงการฟุตบอลก็คือการเสียชีวิตของ "โรเบิร์ต เอ็งเค่" นายทวารทีมชาติเยอรมันจากทีมฮันโนเวอร์ที่ฆ่าตัวตาย ซึ่งป่วยเป็นโรคซึมเศร้าเพราะการเสียชีวิตของบุตรสาวไปก่อนหน้านี้

เครดิต :
เครดิต : เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์ข่าวสด


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์