มุมมองที่แตกต่างในศึก แดงเดือด ภาคยังไม่จบ !!!

แดงเดือด ยังไม่จบ !!!!!!!!

ก้มหน้า..ยอมรับความพ่ายแพ้..

สิ้นเสียงนกหวีดยาว.. หน้าเริ่มซีดเผือด ร้อนผะผ่าว.. ชาไปทั้งตัว.. พร้อมกับหยั่งรู้สิ่งที่กำลังจะเกิดขึ้นเบื้องหน้า..

นั่นไงล่ะ.. มันมาแล้ว !!

หน้าต่างสนทนารีบเสนอตัวเองขึ้นหน้าจอเป็นแถบ.. เด้งมากันแล้ว.. แมนยู... มั่งล่ะ.. ทำไมเล่น .... งี้วะ มั่งล่ะ..

เอือมระอาในโลกไซเบอร์ไม่พอ นั่นไง มาอีกชุด เสียงเรียกเข้าที่คุ้นหูกระชากความสนใจของผมไปอีกรอบ..

อย่างไม่รีรอ เดอะ ค็อปเพื่อนสนิทที่นั่งลุ้นชะตากรรมของทีมข้างผม ขโมยไปกดปุ่มรับ..

ไม่รู้หรอกครับว่ามันคุยอะไรกัน.. รู้แต่ว่ามันเต็มไปด้วยรอยยิ้ม.. พร้อมกับสายตาที่มองไปแล้วเจ็บปวดปนแค้น..

ก็นี่แหละหนา.. ทำตัวเองทั้งนั้น..

หลายฝ่ายกระเซ้าหยอก หงส์ไม่มีทางชนะหรอก แพ้มาสี่นัดติด แถมจัดตัวแบบนี้ ผีเฮชัวร์..

กระทั่งกูรูและเซียนบอลหลายสำนักยังกล้าเอาชื่อเสียงที่สั่งสมมาเป็นเสมือนมีดที่จ่อคอหอยตัวเอง.. ว่าแล้วก็ฟันธงมันซะ.. ต่อแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดไปเถอะ.. ผีจะเข้าวิน.. แมนฯยูฯ ชนะ 2-0

หากแต่ลางสังหรณ์ของผมไม่เป็นเช่นนั้น.. เสียงกระซิบในสมองมันเฝ้าสะกิดผมมาหลายวันแล้ว.. ก่อนที่ศึกเร้ดไฟต์จะเริ่มขึ้นด้วยซ้ำ..

สื่อทั้งหลายต่างโหมประเด็น.. เปิดพลิกหน้าไหนก็ไม่พ้นสองตา.. บ้างให้กำลังใจเหล่าเดอะค็อปด้วยกัน.. บ้างก็โจมตีปรัชญาการทำทีมของ เอล ราฟา

เหลือบไปดูหน้าที่คุ้นเคย.. หน้าของคอลัมนิสต์สาวกหงส์ที่ต้องเปิดอ่านทุกสัปดาห์.. เฝ้าอุปมาทีมตัวเองเป็น หมาจนตรอก

นั่นล่ะน่ากลัวที่สุด.. หมาจนตรอกย่อมต้องสู้ยิบตาจนไม่กลัวตาย.. และเป็นการ สู้ ในถิ่นของมันเอง..

และบวกกับอีกสามนัดที่เคยกระทุ้งถลุงติดต่อกันมาก่อนหน้านี้.. ลางสังหรณ์ผมยิ่งชัดขึ้นในมโนภาพ..

ว่าแล้วเพื่อนตัวอวบของผม ก็ใส่เสื้อสีแดงเพลิงมาเต็มยศ.. มาทันได้ยลรายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองฟาก..

เหมือนเห็นผีไม่มีหัว.. ผมรู้ชัดชะตาของทีมตัวเอง.. ทันทีที่เห็นไมเคิ่ล คาร์ริค ยืนคู่พอล สโคลส์..

จริงอยู่ที่ความสามารถในการผ่านบอลของสองรายนี้เข้าขั้นอัจฉริยะ.. แต่จะไม่มีประโยชน์อันใดเลยเพราะเกมนี้เป็นเกมแห่งการ ชิงจังหวะ..

สุนัขจนตรอก ทั้ง 11 ตัว ตามที่กูรูหงส์ว่าไว้ ร้ายกาจอย่างที่ผมคิดเอาไว้.. เพราะเล่นไล่โหมวิ่งเข้าใส่สองกองกลางของยูไนเต็ดไม่ให้ขึ้นเกม เสมือนยิงแววตาดุร้าย พร้อมแยกเขี้ยว ขวางทุกวิถีทางไม่ให้ก้าวไปข้างหน้า..

กองกลางถูกบีบเร็ว.. แทบไม่ได้มีเวลาได้มองเพื่อน และคิดสักแวบ.. ลูคัส เลวา ที่ถูกค่อนขอดมาโดยตลอด สะบัดความไม่มั่นใจทิ้งไว้เบื้องหลัง วันนี้หนุ่มอุกฉกรรจ์จากแซมบ้า.. วิ่งไล่บอลไม่มีหยุด..

ทุกครั้งที่บอลอยู่ในการครอบครองของพลพรรคปีศาจ.. หงส์ผู้กล้าหาญจะเข้ามาบีบเกมเร็ว.. แข้งอาคันตุกะในอาภรณ์สีดำไม่มีทางเลือกอื่น.. นอกจากการคายบอลให้เร็วที่สุด ซึ่งก็แน่นอนว่า.. ขาดความเนียนและแน่นอน..

ทุกครั้งที่แข้งปีศาจหมายใจจะจ่าย.. แข้งหงส์ผู้ทุ่มเทจะเดาทาง.. และเข้ามาถึงบอลได้ก่อนทุกครั้ง..

และแน่นอน.. ในรูปแบบถนัดเช่นการใช้เกมทางด้านข้าง.. เหมือนเอล ราฟารู้ใจ.. ใช้แบ็ค ปีก และมิดฟิลด์ตัวรับรุมทีเดียวสาม.. ไฉนเลยจะไปไหนรอด.. นอกจากเสียบอล..

เป็นแบบนี้ไปตลอดครึ่งแรก.. เดอะ ค็อปจอมซี้ที่นั่งชมข้างผมกระชุ่นปลอบใจ ก็แบบนี้แหละ.. เดี๋ยวแมนฯยูฯ ก็ยิงได้..

ครึ่งแรกจบลง.. ความหนักใจเข้ามาแทนที่อย่างเต็มอก.. หากแต่ยังแอบคิดเข้าข้างทีมรัก.. ยังมีโอกาสแก้เกม พลิกเกมกลับมา..

ยูไนเต็ดประมาท..? หรือชะล่าใจเกินไปหรือไม่.. ทุกครั้งที่กองทัพจากเมอร์ซี่ย์ไซด์ได้บอล.. ไม่ไล่.. ไม่ตาม.. เอาแต่ยืนคุมเชิงในระยะห่างๆ.. พวกตัวประกบ คุมหลวม.. หลวมให้กับสุดยอดเพชฌฆาตอันดับหนึ่งของโลก..

ship หายสิครับท่านผู้ชม!!

หากสลับฝั่งกันรุก.. หงส์แดงคงไม่ปล่อยให้ตัวทำเกมอย่างเบนายูน.. เคลื่อนเกมมาอย่างอุกอาจ.. คงไม่ปล่อยให้เดิร์ก เคาท์ ทำชิ่งคืนง่ายๆ เพราะคงต้องไล่เพรซซิ่งเค้าท์ไม่ให้ทำชิ่งคืน ซึ่งนั่นก็หมายความว่า จังหวะจะเสียไป.. บอลจะไม่กลับไปเข้าเท้าเบนายูน หรืออาจจะโดนสกัดทิ้งไปได้..

เอวร่า ที่กำใบสั่งจัดการกับปีกชาวยิว.. ทำได้แค่ยืนคุมเชิงถ่วงเวลา.. คาร์ริคและสโคลส์.. ไม่ได้ระแวง.. ไม่ได้ระคายใจ.. กับช่องเล็กๆ .. ช่องแห่งความหายนะ.. ระหว่างพวกเขา.. และยอดศูนย์หน้าแห่งโลกันตร์.. เฟร์นานโด ตอร์เรส..

อาจเป็นได้ว่า หากดาร์เรน เฟล็ตเชอร์อยู่ในสนาม.. คงพาร่างอรชรแต่เปี่ยมด้วยหัวใจแห่งนักสู้.. เข้าบีบทำให้เบนายูนเสียจังหวะ.. หรือแม้แต่อันแดร์สัน มิดฟิลด์ที่อยู่ท่ามกลางฝีปากแห่งการนินทา ก็น่าจะวิ่งเข้ากดดันได้บ้าง..

แต่ทุกสิ่งทุกอย่างไม่เกิดขึ้น.. ริโอ เฟอร์ดินานด์มองไม่เห็นภูเขาน้ำแข็งแห่งความหายนะ.. ปล่อยหางเสือตัวเองให้วิ่งห่างจาก เอล นินโญ่

ทุกสิ่งเหมือนสลายไปต่อหน้าต่อตา.. โดนนำ.. รูปเกมไร้ทางสู้.. เล่นในแอนฟิลด์ จะเหลืออะไรให้หวังอีก??

เพียงพริบตา.. กระทาชายผู้เป็นเป้าแห่งแสงสีทุกอย่างในเกม.. ยุรยาตรออกมาจากม้านั่งสำรอง..

เบอร์ 7 ตระหง่านบนหน้าจอ.. พร้อมกับเสียงโห่กร่นด่าสาปแช่งอย่างมิได้นัดหมาย.. กระนั้นเซอร์ อเล็กซ์ กระชุ่นคุมเชิงไว้ก่อนเกมแล้วว่า.. คนอย่างไมเคิ่ล โอเว่น ไม่เคยกลัว

แม้จะซัดบอลตุงตาข่ายกลบเสียงที่จงเกลียดจงชังเขาไม่ได้.. กระนั้นเขาก็ทำในสิ่งที่ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ พยายามทำมาตลอด.. แต่ล้มเหลวทั้งเกม..

มือปืนเชิงสูงบัลแกเรียน.. จับบอลลั่นตลอดทั้งเกม.. จ่ายบอลเข้าเป้านับครั้งได้.. และถูกบดบี้ เข้าเร็วจากแข้งเจ้าบ้านจนหมดสภาพ..

น่าผิดหวัง..

ตัวแทนอย่างโอเว่น มีอิมแพคกับเกมเพียงแค่สองครั้ง.. นั่นคือจังหวะรับบอลในกรอบเขตโทษ ก่อนพิงอย่างเหนือชั้น และบรรจงถวายพานให้อันโตนิโอ วาเลนเซีย ซัดจูบคาน..

อีกเพียงไม่นาน.. จุดสุดยอดของเกมบังเกิด.. เมื่อเจมี่ คาร์ราเกอร์.. เข้าสกัดโอเว่น.. ไม่ให้รุกรานเข้าไปในกรอบเขตโทษ.. และมันเป็นเพียงแค่ใบเหลือง..

ผู้ตัดสินให้ถูก.. มันคือฟาว์ล แต่ใบในมือจะเป็นสีอะไร.. สุดแท้แต่ฏีกาของท่านเถิด.. แอบตะขิดตะขวงใจ แต่ไม่ขัดข้อง..

เพราะโดยรวมแล้ว.. ทั้งเกมส์.. ยูไนเต็ดไร้แรงจูงใจ.. ไม่ไล่สู้.. ไม่วิ่งเข้าหาบอล.. และ ไม่มีความกระหายในชัยชนะ..

สมควรแล้ว ที่สุดท้ายแฟนหงส์แดงจะได้มีรอยยิ้ม.. ไม่ต้องเมียงมองฟากฟ้าอย่างสิ้นหวังอีกต่อไป..

พวกเขามีชัยในแดงเดือด.. โฆเซ่ เรน่า วิ่งอย่างไร้สติมาหาดาวิด เอ็นก็อก ผู้แสดงฉากจบของเกม..

ราฟาเอล เบนิเตซ.. หาความมั่นคงเจอ.. แฟนบอล เริ่มมีความหวัง.. หลายเสียงบ่นถึงแชมป์ลีกที่เฝ้ารอมานาน.. ยังมีความหวัง.. ฤดูกาลยังเหลืออีก 28 นัด..

โทรศัพท์ทำงานตัวเป็นเกลียว.. นี่ดีนะไม่ไปดูข้างนอกบ้าน.. ถ้าดูคงกลับบ้านไม่ถูก 555 - แมนยู....ว่ะ สามนัดแล้วนะโว้ยยย!!!

แฟนเร้ด เดวิลส์คงได้แต่เก็บเอาไว้ในใจ.. เฝ้าส่งใจให้ทีมรักต่อไป.. เมื่อใดทีมชนะ.. มีความสุข.. เมื่อใดยิงเข้า.. เหมือนกับจะวิ่งไปโอบกอดเหล่าฮีโร่ที่รัก ณ บัดนั้น..

สังเวียนในยกที่สอง.. 20 มีนาคม.. โอลด์ แทร็ฟฟอร์ด.. โรงละครแห่งความฝัน..

ยูไนเต็ดจะสู้มากกว่านี้มั้ย.. เร้ด อาร์มี่จะเป็นผู้เล่นคนที่ 12 อย่างเดอะ ค็อปมั้ย..??

ภาพที่เห็นคนเครื่องจักรสีแดง.. ชูผ้าพันคอ.. ร้องเพลงชาติของสโมสร.. ที่น่าเกรงขามนั่น..

อยากให้เร้ด อาร์มี่ ร่วมร้องเพลงนั้นทั้งก่อนเกม.. ระหว่างเกม และหลังจบเกม..

หวังว่าภาพเรน่า โผกอดเอ็นก็อก จะเปลี่ยนเป็นภาพฟาน เดอร์ ซาร์ ถลาเข้ากอดฮีโร่ของผองปีศาจ..

พร้อมกับเสียงสวรรค์แห่งชัยชนะ.. ที่สนามแห่งความฝัน.. ที่โรงละครแห่งรอยยิ้ม และการฉลองชัย..


   โปรดมองและคิดตามด้วยใจที่เป็นกลางนะครับ

โดย คุณ เจี๊ยบ เคเอฟซี

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์