มวยเหมา 10 ทอง

มวยปินส์ทำป่วนไม่ยอมขึ้นสังเวียน

อ้างโดนโกง นักชกไทยไม่สนกวาดเรียบ 10 เหรียญทองซีเกมส์ สร้างประวัติศาสตร์หน้าใหม่ “ทวีป” ไม่สนเชื่อตัดสินใสสะอาด “ไอบ้า” ลับดาบรอเชือดปินส์


มวยสากลสมัครเล่น ประเภทชาย

ชิงชัย 10 เหรียญทอง ที่โรงยิมเนเซี่ยมเทศบาลเมืองปัก จ.นครราชสีมา ซึ่งขุนพลเสื้อกล้ามทีมชาติไทย ผ่านเข้าชิงชนะเลิศทั้ง 10 รุ่น โดยทาง ดร.ซี เค วู ประธานสหพันธ์มวยสากลสมัครเล่นนานาชาติ (ไอบา) ได้ให้เกียรติมามอบเหรียญรางวัลให้กับนักกีฬาด้วย ท่ามกลางบรรยากาศที่คึกคัก เนื่องจากมีบรรดากองเชียร์ชาวโคราช กว่า 5,000 คน แห่เข้ามาให้กำลังใจนักชกไทยจนทะลึกสังเวียนเลยทีเดียว


ในรอบชิงชนะเลิศครั้งนี้ได้เกิดเหตุที่ไม่คาดคิดขึ้น

เมื่อการชกดำเนินมาถึงคู่ที่ 3 ในรุ่นฟลายเวท 51 กก. สมจิตร จงจอหอ แชมป์เก่าขวัญใจชาวไทย พบกับ คาสโตร ก็อดฟรีย์ จากฟิลิปปินส์ นั้น ปรากฎว่า นักชกแดนตากาล็อก แสดงความไม่มีน้ำใจนักกีฬาออกมาด้วยการขอยอมแพ้ตั้งแต่ยังไม่ทันชก เช่นเดียวกับคู่ที่ 4 รุ่นแบนตั้มเวท 54 กก. ที่ คันแทนเชีย จูเนล จากฟิลิปปินส์ ขอยอมแพ้ วรพจน์ เพชรขุ้ม ฮีโร่เหรียญเงินโอลิมปิกเกมส์ 2004 ไปอีกรุ่น สร้างความไม่พอใจให้กับแฟนมวยชาวโคราชที่ต่างส่งเสียงโห่ไล่กระหึ่มโรงยิมเนเซี่ยม


หลังจากเกิดเหตุการณ์ดังกล่าว
 
พล.อ.ทวีป จันทรโรจน์ นายกมาคมมวยสากลสมัครเล่นฯ, ดร.ซี เค วู, มร.แมนนี โลเปซ นายกสมาคมมวยสากลของฟิลิปปินส์ และ พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ประธานคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ ก็เข้ามาหารือกันอย่างเร่งด่วน โดยใช้เวลาเคลียร์ปัญหาเกือบ 1 ชั่วโมง ก่อนที่ทางฟิลิปปินส์จะยอมขึ้นชกในรุ่นที่เหลือต่อไป
  
อย่างไรก็ตาม

เหตุการณ์ก็ยังออกมาในรูปแบบเดิม เพราะแม้ว่านักมวยฟิลิปปินส์จะยอมขึ้นชก แต่ก็ชกไม่เต็มที่และจะขอยอมแพ้หลังการชกผ่านพ้นไปแค่ยกที่ 1 หรือยกที่ 2 เท่านั้น โดยรุ่นที่ทางฟิลิปปินส์ชกแบบไร้ศักดิ์ศรีก็คือ รุ่นเฟเธอร์เวท 57 กก. สายลม อาดี กับ ทาคูยัน ออร์ลันโด จูเนียร์, รุ่นไลท์เวท 60 กก. พิชัย สาโยธา กับ ลาดอน โจกิน, รุ่นมิดเดิ้ลเวท 75 กก. สุริยา ปราสาทหินพิมาย กับ ไทซอน จูนี และ รุ่นไลท์เฮฟวี่เวท 81 กก. อังคาร ชมพูพวง กับ ทาบังโครา แม็กซิมิโน


ผู้สื่อข่าวรายงานว่า

การที่ทีมมวยฟิลิปปินส์ ขึ้นสังเวียนแต่ขอยอมแพ้นักชกไทยแบบดื้อๆ นั้น ทางฟิลิปปินส์ ถูกไทยโกงมาตั้งแต่การแข่งขันมวสากลสมัครเล่นหญิง รอบชิงชนะเลิศ แล้ว และการประท้วงเงียบด้วยการขอยอมแพ้ของฟิลิปปินส์ครั้งนี้ เป็นการตัดสินใจของนักกีฬาทั้งหมด โดยนักชกตากาล็อกได้ประชุมกันเมื่อคืนวันที่ 12 ธ.ค.ที่ผ่านมา 
  
อย่างไรก็ตาม

ก่อนการแข่งขันจะเริ่มขึ้น ทางผู้บริหารของสมาคมมวยฟิลิปปินส์ ได้ส่งข้อความผ่านโทรศัพท์มือถือไปยังนักข่าวฟิลิปปินส์ทุกคน ว่า ซีเกมส์ครั้งนี้สมาคมมวยสากลสมัครเล่นของฟิลิปปินส์ จะขอถอนทีมแน่นอน เพราะไม่พอใจการตัดสินของไทย ที่โกงฟิลิปปินส์ ขณะที่ มร.ลิเบอร์เรโต เรบา ผู้จัดการทีมมวยฟิลิปปินส์ ยืนยันว่า การประท้วงของฟิลิปปินส์ครั้งนี้เป็นความคิดของนักกีฬา ไม่เกี่ยวกับเจ้าหน้าที่แต่อย่างใด


ทางด้าน “บิ๊กอ๊อด” พล.อ.ยุทธศักดิ์ ศศิประภา ที่มาให้กำลังใจนักชกไทย กล่าวว่า

ฟิลิปปินส์ทำเช่นนี้ก็เพราะว่ากลัวไม่ได้เหรียญทอง เขากลัวเสียศักดิ์ศรี หลั งจากที่ทีมมวยหญิงแพ้ให้กับนักกีฬาไทยอย่างราบคาบ อย่างไรก็ตาม ทาง มร.โมนิโก ประธานผู้ตัดสินกีฬามวยสากลของฟิลิปปินส์ ซึ่งเป็นเพื่อนซี้ของตน ได้มาขอโทษแทนนักชกฟิลิปปินส์แล้ว พร้อมกับยืนยันว่า ทางผู้ใหญ่ของฟิลิปปินส์สั่งให้นักกีฬาทำเช่นนี้ ส่วนทาง “ไอบ้า” จะมีบทลงโทษประการใดต่อฟิลิปปินส์หรือไม่นั้น เป็นเรื่องของ “ไอบ้า” ไม่เกี่ยวกับสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ แต่ทางสหพันธ์กีฬาซีเกมส์ จะมีการประชุมเรื่องนี้อย่างแน่นอน โดยตนจะเสนอให้ที่ประชุมมนตรีซีเกมส์ ตั้งกฎหรือมาตรการขึ้นมาควบคุมและป้องกันไม่ให้เหตุการทำนองนี้เกิดขึ้นอีก ซึ่งไม่เฉพาะกับกีฬามวยสากลสมัครเล่น เท่านั้น แต่ยังรวมถึงกีฬาชนิดอื่นๆ ด้วย
  
ขณะที่ สมจติร จงจอหอ

 
เจ้าของเหรียญทองซีเกมส์ 5 สมัยซ้อน กล่าวอย่างมีอารมณ์ว่า ทีมฟิลิปปินส์ไม่น่าจะทำแบบนี้เลย เพราะตอนที่ทีมไทยเดินทางไปแข่งขันซีเกมส์ ครั้งที่ 23 ที่ฟิลิปปินส์ เมื่อสองปีที่แล้วเราก็ยอมชก ทั้งๆ ที่โดนโห่ไล่หนักกว่านี้อีก แต่เราก็ชกต่อ นี่แสดงให้เห็นว่าพวกเขาไม่มีสปิริตอย่างแท้จริง และไม่ให้เกียรติกับประเทศไทยอย่างแรงด้วย
  
ส่วน มนัส บุญจำนงค์ กล่าวว่า

ดีใจมากที่ได้ชกในซีเกมส์ครั้งนี้และจะเป็นซีเกมส์ครั้งสุดท้ายของตน โดยตนตั้งใจว่าจะใช้แมทช์นี้ทดสอบสภาพร่างกายด้วยซึ่งก็ถือว่ามีความพร้อมมาก ส่วนคู่ชกจากฟิลิปปินส์รายนี้เป็นนักมวยตัวเก๋า โดยเขายอมลดน้ำหนักจาก 69 กก. ลงมาชกรุ่น 64 กก. เพราะว่าอยากชกกับตนสักครั้ง ส่วนตัวเองหลังจากนี้จะเก็บตัวฝึกซ้อมเพื่อเตรียมแข่งขันรอบคัดเลือกโอลิมปิกเกมส์ ที่ประเทศจีน ต่อไป


สรุปผลการแข่งขันมวยสากลสมัครเล่น ประเภทชาย

รอบชิงชนะเลิศ มีดังนี้ พินเวท 45 กก. แก้ว พงษ์ประยูร ชนะ สีคราม วงศ์ประโคม จากลาว  24-3 คะแนน ส่วนที่ 3 วิเซลา บิลล์ (ฟิลิปปินส์)/ซูราติ มาร์เทน (อินโดนีเซีย)/ไลท์ฟลายเวท 48 กก. อำนาจ รื่นเริง ชนะ อาซิซี โมฮัมหมัด อาซิซี (มาเลเซีย) 16-7 คะแนน ส่วนที่ 3 โนทิน โหลาปติพร (ลาว)/พาบิลา อัลเบิร์ต (ฟิลิปปินส์)/ฟลายเวท 51 กก. สมจิตร จงจอหอ ชนะ คาสโตร ก็อดฟรี จากฟิลิปปินส์ (ฟิลิปปินส์ขอยอมแพ้) ส่วนที่ 3 เหวียน ตรอง แด็ท (เวียดนาม)/อับดุล คาริม โมฮัมหมัด อาลี (มาเลเซีย)
  
แบนตั้มเวท 54 กก. วรพจน์ เพชรขุ้ม ชนะ คันแทนเชีย จูเนล จากฟิลิปปินส์ (ขอยอมแพ้)  ส่วนที่ 3 สายลักษณ์ จันทสอน (ลาว)/เวียต ตรัน กว๊อก (เวียดนาม)/เฟเธอร์เวท 57 กก. สายลม อาดี ชนะ ทาคูยัน ออร์ลันโด จูเนียร์ จากฟิลิปปินส์ 19-3 คะแนน (ขอยอมแพ้หลังหมดยกที่ 2) ส่วนที่ 3 โซ ยาน นัง (พม่า)/คาไล เอ็ดดี (มาเลเซีย) ซึ่งนักชกฟิลิปปินส์/ไลท์เวท 60 กก. พิชัย สาโยธา ชนะ ลาดอน โจกิน จากฟิลิปปินส์ 8-2 (ขอยอมแพ้หลังหมดยกที่ 1) ส่วนที่ 3 ไรฟาย ลูบิส มิฟตาห์ (อินโดนีเซีย)/เพาลัส เพานาเดส (มาเลเซีย)/ไลท์เวลเตอร์เวท 64 กก. มนัส บุญจำนงค์ ฮีโร่เหรียญทองเอเธนส์เกมส์ ชนะ เซมิลลาโน แลร์รี (ฟิลิปปินส์) 10-4 คะแนน, ส่วนที่ 3 นันทลัต สายวงศ์ (ลาว)/คีย์เกน อามานูปันโย เอริโก (อินโดนีเซีย)

เวลเตอร์เวท 69 กก.นนท์ บุญจำนงค์ ชนะอาร์เอสซี ฟาคาน โมฮัมหมัด (มาเลเซีย) ยกที่ 3 ส่วนที่ 3 เตรือง เคา วัน (เวียดนาม)/เพชร วงศ์ทาพันธุ์ (ลาว)/มิดเดิ้ลเวท 75 กก. สุริยา ปราสาทหินพิมาย เจ้าของเหรียญทองแดงโอลิมปิกเกมส์ 2004 ชนะ ไทซอน จูนี จากฟิลิปปินส์ 9-0 (ขอยอมแพ้หลังจบยกแรก) ส่วนที่ 3 ตรอง ฮัว ดัก (เวียดนาม)/เฮง ฮิน เซย์ (กัมพูชา)/ไลท์เฮฟวี่เวท 81 กก. อังคาร ชมพูพวง ชนะ ทาบังโครา แม็กซิมิโน จากฟิลิปปินส์ (ขอยมแพ้หลังจากหมดยกแรก) ส่วนที่ 3 ศรีสุพรรณ ลาวิไลแสง (ลาว)/ยูนุส เพน มูฮัมหมัด (อินโดนีเซีย)


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์