 |
เท่าที่บอกได้ตอนนี้คือ อะไรจะเกิดก็ต้องเกิด แฟนบอลอย่างเราๆ แค่รอดูอย่างเดียวว่าจะมีเรื่องประหลาด เหลือเชื่อ หรือหักมุมกว่านี้อีกหรือเปล่า
แมนฯยูไนเต็ดที่ใครๆ ก็รู้ว่าเซียนขนาดไหนในการประคองตัวเข้าเส้นชัยช่วง 3 เดือนสุดท้าย กำลังอยู่บนจุดเสี่ยง โอกาสได้กับไม่ได้แชมป์ไม่ต่างกัน ทั้งที่สองสัปดาห์ก่อนยังคุมเกมได้ทุกอย่าง ไหนจะนำห่าง 7 แต้ม แข่งน้อยกว่า 1 นัด ฟอร์มในสนามก็แจ่มแจ๋วจนมองไม่ออกว่าสถานการณ์จะพลิกไปตรงกันข้ามได้ยังไง
แต่หลังเกมแพ้ฟูแล่ม 0-2 ความได้เปรียบของปีศาจแดงก็เหลือน้อยเต็มที ยิ่งเมื่อเทียบกับลิเวอร์พูลที่คัมแบ๊คกลับมาอย่างเทพ ยิ่งชัดเจนว่าสองทีมนี้กำลังเดินสวนทางกันเห็นๆ
แน่นอนว่าจุดเริ่มต้นอยู่ที่เกมปราบผี 14 มีนาคม แต่มาตรฐานระดับแมนฯยูไม่น่าแกว่งขนาดนี้นะครับ
ผมตกใจกับฟอร์มในครึ่งแรกของนัดแพ้ฟูแล่ม ถึงจะเหลือ 10 คนและโดนนำ ปีศาจแดงก็ไม่ควรเละตุ้มเป๊ะถึงขั้นเล่นไม่ได้ ไปไม่เป็น ออกบอลส่งเดช ทำอะไรก็พลาดหมดอย่างที่เห็น
แล้วเมื่อผลสุดท้ายคือ แพ้ 0-2 ผู้เล่นโดนไล่ออก 2 คน มันก็เหมือนโดนกระทืบซ้ำ จากที่เจ็บในนัดแพ้ลิเวอร์พูล คราวนี้อาจถึงขั้นเข้า ICU ได้เลย
นักเตะสูญเสียความเชื่อมั่น เสียสมาธิ มิหนำซ้ำยังโดนแบนในนัดต่อไป 3 คนทั้ง เนมานย่า วิดิช เวย์น รูนี่ย์ พอล สโคลส์ ไม่รวม เบอร์บาตอฟ ที่เจ็บยังลูกผีลูกคน บรรยากาศในค่ายแมนฯยูจึงอึมครึมน่าดู ต้องการยาแรงมาช่วยชีวิตโดยด่วน
ตรงนี้คือ ความท้าทายยากสุดเท่าที่ เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เคยเจอมา ท่านเซอร์ต้องใช้ช่วงเบรกทีมชาติ 2 สัปดาห์สมานแผลให้ได้ แมนฯยูต้องหยุดเลือดด้วยการปรับสภาพจิตใจกันใหม่ ไม่ตื่น ไม่กลัว กลับมาเริ่มต้นอีกครั้งในเกมหน้ากับ แอสตัน วิลล่า
อย่างน้อยตัวเองยังได้เปรียบนำ 1 แต้ม แข่งน้อยกว่า 1 นัดแล้วโปรแกรมของลิเวอร์พูลเองก็ไม่ใช่ง่าย แถมมีภาระในแชมเปี้ยนส์ลีกเหมือนกัน อะไรๆ จึงยังไม่แน่นอน และไม่นิ่งในเร็วๆ นี้
หงส์แดงอาจจะเปรี้ยงปร้างแต่ก็ยังมีห่วงเรื่องสภาพร่างกายของ เฟร์นานโด ตอร์เรส กับ สตีเว่น เจอร์ราร์ด รวมทั้งตัวเลือกในแนวรุกที่มีน้อยกว่า การจะชนะทุกนัดที่เหลือในลีกและลุ้นแชมป์ยุโรปไปด้วย ย่อมเป็นงานหนักอย่างไม่ต้องสงสัย
ทำใจสบายๆ แล้วรอลุ้นกันต่อดีกว่าครับ
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
