ฟุตบอลสโมสรยุโรปในความทรงจำ



ใครต่อใครต่างพากันกล่าวว่ากงล้อแห่งกาลเวลากำลังทำหน้าที่หมุนให้ศึกพรีเมียร์ลีก กลับขึ้นมาเป็นลีกลูกหนังเบอร์ 1 ของโลกอีกครั้งในปัจจุบัน หลังจากที่เคยยึดบัลลังก็มาแล้วครั้งหนึ่งในช่วงปลายยุค 70 ต่อต้นยุค 80 ที่ทีมจากเมืองผู้ดี ยึดครองความเป็น 1 ได้แบบผูกขาด ชนิดเคยกวาดแชมป์ ยูโรเปี้ยน คัพ รวดเดียว 6 ปีซ้อนมาแล้ว ก่อนจะมาถึงจุดเปลี่ยนในปี 1985 เมื่อโศกนาฏกรรมที่เฮย์เซล ได้เปลี่ยนโฉมประวัติศาสตร์ลูกหนังไปตลอดกาล 
 

ห้าปีผ่านไป หลายๆ อย่างเปลี่ยนไป เมื่อความยิ่งใหญ่เปลี่ยนมือไปอยู่บนแผ่นดินรองเท้าบู๊ต ในศึก กัลโช่ เซเรีย อา แทน ปล่อยให้ฟุตบอลจากเกาะอังกฤษ กลายเป็นฟุตบอลหลงยุคไปในที่สุด
 

นับจากวันนั้น 18 ปี ผ่านไป นี่คือโฉมหน้า 7 แชมป์ ที่ทีมจากลีกเมืองผู้ดี คว้ามาครองได้สำเร็จ

                                    src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O080921J0L9K.jpg
 

1. แชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1991 - ถ้วยรางวัลใบที่ 2 จากทั้งหมดกว่า 20 ใบของ เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เพียงปีแรกที่ทีมจากเมืองผู้ดี ได้สิทธิ์คัมแบ็กกลับสู่ยุโรป เฟอร์กี้ ก็จัดการพาทัพ ปีศาจแดง ผ่านเข้าไปชิงแชมป์กับ บาร์เซโลน่า ยุคก่อสร้างดรีมทีม ภายใต้การกุมบังเหียนของ โยฮัน ครัฟส์ นักเตะเทวดา โดยพระเอกของค่ำคืนที่กรุงร็อตเตอร์ดัม เป็นใครไปไม่ได้นอกจาก สปาร์กี้ มาร์ค ฮิวจ์ส อดีตนักเตะ บาร์ซ่า เอง ที่จัดการเหมาคนเดียว 2 ประตู ให้ทีมเอาเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้ 2-1
 

รายชื่อ : เลส ซีลี่ย์ - เดนิส เออร์วิน, เคลย์ตัน แบล็คมอร์, สตีฟ บรูซ, แกรี่ พัลลิสเตอร์ - ไมค์ ฟีแลน, พอล อินซ์, ไบรอัน ร็อบสัน, ลี ชาร์ป - ไบรอัน แม็คแคลส์, มาร์ค ฮิวจ์ส

               src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O080921B6R8N.jpg
 

2. แชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ ปี 1994 - ว่ากันว่านี่คือจุดสูงสุดของตำนาน บอริ่ง อาร์เซน่อล เมื่อ จอร์จ เกรแฮม เข็น เดอะ กันเนอร์ส เข้าไปชิงแชมป์ด้วยสไตล์การเล่นที่น่าเบื่อสุดๆ โดยมีคู่แข่งเป็น ปาร์ม่า ทีมแชมป์เก่า ซึ่งอุดมไปด้วยนักเตะจอมเทคนิคอย่าง จานฟรังโก้ โซล่า, ฟาอุสติโน่ อัสปริย่า และ โทมัส โบรลิน สุดท้ายโทรฟี่แชมป์ที่กรุงโคเปนเฮเก้น ถูกตัดสินด้วยประตูโทนของ อลัน สมิธ อดีตดาวยิงทีมชาติอังกฤษ ที่โชคดีได้ลงสนามในเกมนั้น เนื่องจาก เอียน ไรต์ ดาวเตะหมายเลข 1 ของทีมเกิดติดโทษแบน พอดี
 

รายชื่อ : เดวิด ซีแมน - ลี ดิ๊กซั่น, ไนเจล วินเทอร์เบิร์น, สตีฟ โบลด์, โทนี่ อดัมส์ - พอล เดวิส, สตี มอร์โรวส์, เอียน เซลลี่ย์, พอล เมอร์สัน (เอ็ดดี้ แม็คโกลดริค น.86) - อลัน สมิธ, เควิน แคมพ์เบลล์
 
               src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O080921J2Q6K.jpg


3. แชมป์ คัพ วินเนอร์ส คัพ 1998 - เชลซี ภายใต้การไหลบ่าของทัพนักเตะต่างชาติระลอกแรกหลังกฎบอสแมน ยกระดับขึ้นมาเป็นทีมชั้นนำเต็มตัวหลังคว้าโทรฟี่ใบนี้ไปครองได้สำเร็จ จานฟรังโก้ โซล่า จารึกตำนานของตัวเขาไว้บนหน้าประวัตศาสตร์ของ สิงโตน้ำเงินคราม ด้วยการใช้เวลาไม่ถึง 1 นาทีหลังถูกเปลี่ยนตัวลงสนาม จัดการหวดบอลเต็มข้อส่งลูกหนังไปเสียบใต้คาน ของ เฟาเอฟเบ สตุ๊ตการ์ท คู่ต่อกรในเกมนั้น เป็นประตูชัย ให้ทีมเอาชนะไปในท้ายที่สุด 1-0 โดยในจังหวะนั้น โซล่า เพิ่งจะได้เอาเท้าไปสัมผัสลูกหนังเป็นครั้งแรกของเกมด้วยซ้ำไป
 

รายชื่อ : เอ็ด เดอ ฮุย - แดน เปเตรสคู, แดนนี่ แกรนวิลล์, ฟร้องค์ เลอเบิฟ, ไมเคิ่ล ดูเบอร์รี่, สตีฟ คล้าก - เดนนิส ไวส์, โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ, กุสตาโว่ โปเยต์ (เอ็ดดี้ นิวตัน น.80) - ทอเร่ อังเดร โฟล (จานฟรังโก้ โซล่า น.71), จานลูก้า วิอัลลี่

               src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O080921G9N6S.jpg

4. แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 1999 - แชมป์ชอง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่คัมป์ นู กลายเป็นหนึ่งในตำนานสุดคลาสสิกของ แชมเปี้ยนส์ ลีก ไปอีกนานแสนนาน ไม่มีใครกล้าคิดว่า บาเยิร์น มิวนิค จะไม่ได้เป็นผู้คว้าถ้วยรางวัลกลับไปนอนกอด เมื่อเข็มนาฬิกาเดินมาถึงนาทีที่ 90 แล้ว เสือใต้ ยังเป็นฝ่ายนำอยู่ 1-0 แต่แล้ว 2 ประตูของ เท็ดดี้ เชอริงแฮม และ โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ 2 ตัวสำรอง ก็พลิกทุกอย่างจากหน้ามือเป็นหลังมือ ความรู้สึกหลังจบเกม คล้ายๆ กับตอนที่ได้รู้ว่า บรูซ วิลลิส เป็น ผี ใน the sixth sense หรือ เควิน สเปซี่ เป็นโจร ใน the usual suspect เลยทีเดียว
 

รายชื่อ : ปีเตอร์ ชไมเคิ่ล - แกรี่ เนวิลล์, เดนิส เออร์วิน, ยาป สตัม, รอนนี่ ยอห์นเซ่น - เดวิด เบ็คแฮม, นิคกี้ บัตต์, เยสเปอร์ บลอมควิสต์ (เท็ดดี้ เชอริงแฮม น.67), ไรอัน กิ๊กส์ - ดไวท์ ยอร์ค, แอนดี้ โคล (โอเล่ กุนนาร์ โซลชาร์ น. 81)
 
               src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O080921J4T7M.jpg

5. แชมป์ ยูฟ่า คัพ 2001 - ยากที่จะเชื่อได้ว่าสกอร์ 5-4 คือผลการแข่งขันของศึกฟุตบอลถ้วยนัดชิงชนะเลิศ แต่มันเกิดขึ้นแล้วที่สนาม เวสต์ฟาเล่น สเตเดี้ยม ที่ดอร์ทมุนด์ ลิเวอร์พูล เป็นฝ่ายขึ้นนำ อลาเบส คู่ปรับจาก สเปนไปก่อนถึง 3-1 ก่อนจบครึ่งแรก ก่อนที่ทีมแดนกระทิงจะใช่เวลาแค่ 6 นาทีแรกของครึ่งหลังตีเสมอได้สำเร็จ ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ยิงให้ หงส์แดง นำอีกครั้ง ก่อนที่ ยอร์ดี้ ครัฟส์ จะขวิดประตูตีเสมออีกครั้งเป็น 4-4 ในนาทีที่ 89 ทำให้เกมยืดเยื้อไปจนช่วงต่อเวลาพิเศษ ก่อนที่ เดลฟี่ เกลี่ จะโหม่งพลาดเข้าประตูเอง เป็นลูก โกล์เด้น โกล์ ให้พลพรรคเดอะ ค็อป ได้เริงร่า ในนาทีที่ 117
 

รายชื่อ : ซานเดอร์ เวสเตอร์เฟลด์ - เจมี คาร์ราเกอร์, มาร์คุส บับเบิ้ล, สเตฟาน ฮองโชซ์ (วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ น. 56), ซามี่ ฮูเปีย - ดีตมาร์ ฮามันน์, แกรี่ แม็คอัลลิสเตอร์, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แดนนี่ เมอร์ฟี่ย์ - เอมิล เฮสกี้ (ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ น. 65), ไมเคิ่ล โอเว่น (แพทริค แบร์เกอร์ น. 79)

              src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O080921A1P8T.jpg
 

6. แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2005 - อีกหนึ่งตำนานของศึกฟุตบอลสโมสรยุโรป เกิดขึ้นบนแผ่นดินอิสตันบูล เมื่อ มิลาน ซึ่งนำโดย กาก้า และ อังเดร เชฟเชนโก้ จัดการสอนบอล ลิเวอร์พูล แบบบอลคนละชั้น ในช่วงครึ่งเวลาแรก กลับถูก ราฟาเอล เบนิเตซ นายใหญ่ หงส์แดง ปรับแท็กติก ปลุกทีมขึ้นจากหลุม ยิง 3 ลูกรวด ไล่ตีเสมอได้หน้าตาเฉย 3-3 ก่อนจะยื้อไปถึงการดวลฎีกา ยิงจุดโทษที่จุดโทษ ซึ่ง เจอร์ซี่ ดูเด็ก รับบทฮีโร่ของทีม เซฟลูกจุดโทษของ อังเดร ปีร์โล่ และ เชว่า พาทีมคว้าแชมป์ได้อย่างเหลือเชื่อ
 

รายชื่อ : เจอร์ซี่ ดูเด็ก - สตีฟ ฟินแนน (ดีตมาร์ ฮามันน์ น. 46), ฌิมี่ ตราโอเร่, ซามี่ ฮูเปีย, เจมี่ คาร์ราเกอร์ - ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, ชาบี อลอนโซ่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, แฮร์รี่ คีเวลล์ (วลาดิเมียร์ ซมิเซอร์ น.23), หลุยส์ การ์เซีย - มิลาน บารอส (ฌิบริล ซิสเซ่ น.85)

               src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O080921H7M2M.jpg


7. แชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก 2008 - การชิงแชมป์กันเองของ 2 สโมสรจากเกาะอังกฤษ แต่กลับต้องมาเตะที่มอสโก ยูไนเต็ด เป็นฝ่ายคว้าแชมป์ลีก ตัดหน้า เชลซี มาแล้ว 1 รายการ เมื่อ 10 วันก่อนหน้านั้น และน่าจะเป็นทีมจากกรุงลอนดอน ที่เป็นฝ่ายถอนแค้นได้สำเร็จ หาก ลูกจุดโทษของ จอห์น เทอร์รี่ กัปตัน สิงห์บลูส์ ไม่ลอยถากเสาไปแบบช็อกสายตา และความรู้สึก ผลสรุปหลังจบเกมนี้คือ แมนฯ ยู กลายเป็นดับเบิ้ลแชมป์ ส่วน เชลซี กลายเป้นทริปเปิ้ลรองแชมป์ ทุกอย่างพลิกผันเพียงการลื่นล้มครั้งเดียวเท่านั้น
 

รายชื่อ : เอ็ดวิน ฟาน เดอ ซาร์ - เวส บราวน์ (อันแดร์สัน น.120), ริโอ เฟอร์ดินานด์, เนมานย่า วิดิช, ปาทริซ เอวร่า - โอเว่น ฮาร์กรีฟส์, พอล สโคลส์ (ไรอัน กิ๊กส์ น. 87), ไมเคิ่ล คาร์ริค - คริสเตียโน่ โรนัลโด้, เวย์น รูนี่ย์ (นานี่ น.101), คาร์ลอส เตเวซ


                                                                                - ก๊องส์ -

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์