ผมบอลลีคสคัญๆ

เครดิต สยามกีฬา

บาร์เยิร์น มิวนิค ยอดทีมแห่งศึกบุนเดสบีกา เยอรมัน เริมเดินเครื่องสู่การลุ้นแชมป์ลีกอย่างเต็มตัวแล้ว หลังจากเปิดบ้านไล่ต้อน ค็อตบุส แบบไม่ไว้หน้า 4-1 ขณเดียวกันจ่าฝูงอย่าง เลเวอร์คูเซ่น กลับโดนทีมรองบ่อนอย่าง บีเลเฟลด์ เชือด 1-0 ส่วน ฮอฟเฟ่นไฮม์ ยังแรงต่อเนื่องบุกไปเชือด โคโลญจน์ สบาย 3-1 ทะยานขึ้นนำจ่าฝูงอย่างสวยงาม

สนาม
: อัลลิอันซ์ อารีน่า


''เสือใต้'' บาเยิร์น มิวนิค ส่งชุดใหญ่ ทั้ง ลูก้า โทนี่, มิโร โคลเซ่, บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ และ ฟร้องค์ ริเบรี่ ลงสนาม ส่วนทีมเยือนต้องฝากความหวังไว้ที่ ดิมิทาร์ รังเกลอฟ กับ อิวิก้า อิลิเยฟ


เริ่มต้นครึ่งแรกพี่เสือเดินเครื่องทันที นาที 3 เกือบขึ้นนำอย่างรวดเร็ว มิโรสลาฟ โคลเซ่ พาบอลข้าเขตโทษและอัดด้วยขวาลูกพุ่งไปชนเสา


นาที 12 เจ้าบ้านบุกขึ้นมาต่อ บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ เปิดบอลจากริมเส้นด้านขวาไปถึง ลูก้า โทนี่ ขึ้นโหม่งไปตรงตัว แกร์ฮาร์ด เทรมเมิ่ล


แม้จะบุกมากกว่า แต่กลายเป็นค็อตบุสที่บุกมานำก่อน นาที 25 ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษ แอร์วิน สเคล่า ปั่นอ้อมกำแพงเสียบสามเหลี่ยม 1-0


สี่นาทีต่อมาเจ้าบ้านตีเสมอจนได้ ฟรีคิกเหมือนกันระยะ 18 เมตร ฟร้องค์ ริเบรี่ อัดด้วยขวาเสียบตาข่ายสุดสวย สกอร์กลับมาเท่ากัน 1-1


พอตีเสมอได้พี่เสือลุยหนักเพิ่ม และนาที 38 มาขยับนำสำเร็จ มัสซิโม อ็อดโด้ ได้บอลทางกราบขวาเปิดเข้ากลางให้ มาร์ติน เดมิเคลิส โหม่งจมตาข่าย 2-1


ท้ายครึ่งแรก ฟิลิปป์ ลาห์ม จ่ายให้ ลูก้า โทนี่ หลุดเดี่ยว แต่ยิงไปติด แกร์ฮาร์ด เทรมเมิ่ล จบครึ่งแรกบาเยิร์นนำ 2-1


เข้าสู่ครึ่งหลังพี่เสือเริ่มโชว์ฟอร์มทันที นาที 54 ฟร้องค์ ริเบรี่ ทำชิ่งกับ ฟิลิปป์ ลาห์ม หลุดไปทางด้านซ้ายก่อนจะเปิดเข้ากลาง มิโรสลาฟ โคลเซ่ โหม่งเหน่งๆเข้าไป 3-1


ห้านาทีต่อมาสาวกพี่เสือกระโดดเฮอีก มัสซิโม อ็อดโด้ เปิดลูกเตะมุมเข้ากลางถึง ลูก้า โทนี่ จิ้มด้วยขวาเข้าไปง่ายๆ 4-1


พี่เสือยังมีเกมรุกวูบวาบกว่า นาที 76 ลูก้า โทนี่ เปิดบอลให้ ฟร้องค์ ริเบรี่ หลุดเข้าเขตโทษปั่นโค้งด้วยขวาเลยคานหวุดหวิด


ท้ายเกมเจ้าบ้านผ่อนเกมลงเรื่อยๆ จนจบ90นาที บาเยิร์น ถล่ม ค็อตบุส 4-1 คว้าสามแต้ม แซงขึ้นเป็นรองจ่าฝูงเรียบร้อย

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

บาเยิร์น : มิชาเอล เรนซิงก์ - มัสซิโม อ็อดโด้, ลูซิโอ, มาร์ติน เดมิเคลิส, ฟิลิปป์ ลาห์ม - บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, เซ โรแบร์โต้, มาร์ค ฟาน บอมเมล, ฟร้องค์ ริเบรี่ - มิโรสลาฟ โคลเซ่, ลูก้า โทนี่

สำรอง : โฮเซ่ เอร์เนสโต้ โซซ่า, โทนี่ โครส, อันเดรียส์ อ๊อตเติ้ล, คริสเตียน เลลล์, ดาเนี่ยล ฟาน บุยเต็น, ทิม โบรอฟสกี้, ฮันส์-ยอร์ก บุทท์


ค็อตบุส : แกร์ฮาร์ด เทรมเมิ่ล - อิวาน ราเดลยิช, มาริอุสซ์ คูคีลก้า, คักดาส อาตัน, ดาเนี่ยล ซีบิก - มาร์โค คัวร์ธ,ติโม โรสต์, แอร์วิน สเคล่า, สตีเว่น ริวิช - ดิมิทาร์ รังเกลอฟ, อิวิก้า อิลิเยฟ

สำรอง : เส้า เจีย อี้, บรานโก้ เยลิช, ดูซาน วาซิลเยวิช, เดนนิส โซเรนเซ่น, เอมิล ยูล่า, โทมิสลาฟ พิปลิก้า, ซาโว ปาวิเซวิช


ผู้ตัดสิน : มิชาเอล เคมป์เตอร์


  • แฟร้งเฟิร์ต ชนะ ฮันโนเวอร์ 4-0
  • โวล์ฟสบวร์ก ชนะ สตุ๊ตการ์ท 4-1
  • ชาลเก้ ชนะ กลัดบัค 3-1
  • โบคุ่ม แพ้ แฮร์ธ่า เบอร์ลิน 2-3

  • โคโลญจ์ แพ้ ฮอฟเฟ่นไฮม์ 1-3
  • บีเลเฟลด์ ชนะ เลเวอร์คูเซ่น 2-1 

    ฟุตบอล ลา ลีกา สเปน
                                                                          (นัดที่ 12 ฤดูกาล 2008/09)
                                                                     วันเสาร์ที่ 22 พฤศจิกายน 2551

                                                            เรอัล มาดริด 1 - เรเกรอาติโบ อูเอลบา 0
    สนาม :
    เอสตาดิโอ ซานติอาโก้ เบร์นาเบว, มาดริด 
     

  • แบร์นด์ ชูสเตอร์ เทรนเนอร์ชาวเยอรมันของเรอัล มาดริด ได้รับการหนุนหลังจากทางบอร์ดบริหารของสโมสรให้ทำทีมต่อไป แต่ถ้าหากไม่ชนะ อูเอลบา ทีมเยือนจากแคว้นอันดาลูเซีย ในเกมนี้ อาจกระทบกับตำแหน่งของเขาในอนาคตเช่นกัน  

     

    เกมนี้ ราชันชุดขาว ไม่มี  รุด ฟาน นิสเตลรอย, มาอามาดู ดิยาร์ร่า, รูเบน เด ลา เร้ด และ อาร์เยน ร็อบเบน ที่บาดเจ็บ ส่วน กาเบรียล ไฮน์เซ่ กองหลังชาวอาร์เจนไตน์ ติดโทษแบน เลยต้องให้ มาร์เชโล่ วิเอยร่า ที่ผ่านฟิตมาลงมาประจำการแบ็คซ้าย


     ทางด้าน เรเกรอาติโบ อูเอลบา ต้องขาด โฆเซ่ อิ๊กนาซิโอ ซาอินอส กับ เอ็นริเก้ อัลบาเรซ ที่บาดเจ็บ โดยวาง ฆาบี เกร์เรโร่ ยืนเป็นกองหน้าตัวเป้าเพียงลำพัง 

     

    เปิดฉากครึ่งแรกได้แค่ 7 นาที อูเอลบา ได้ลุ้นก่อน เมื่อ ฆาบี เกร์เรโร่ ผ่านบอลให้กับ  ฆาเบียร์ กามูนญาส ยิงด้วยซ้ายบอลเข้ากรอบ ทว่าไม่ผ่านการป้องกันของ อีเกร์ กาซียาส นายทวารเจ้าบ้าน 

     

    หลังจากนั้น 3 นาที รอยสตัน เดรนเธ่ กองกลางดัตซ์แมน ของเรอัล มาดริด เปิดบอลให้กับ เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ ซัดจากระยะ 18 หลา บอลถากเสาออกไป 

     

    เกมรุกของราชันฯ ยังน่ากลัว และ มีโอกาสได้ประตู เมื่อ กอนซาโล่ อิกวาอิน หลุดเดี่ยวเข้าไป ยิงด้วยขวาจากระยะ 18 หลา บอลจะเข้าอยู่แล้ว ทว่า นาซีฟ มอร์ริส กองหลังอูเอลบา มาเคลียร์ออกจากเส้นประตูไปได้ในนาทีที่ 11 

     

    ผ่านมาถึงนาทีที่ 18 เรอัล มาดริด บุกต่อเนื่องทีเดียว สไนจ์เดอร์ หยอดฟรีคิกเข้ามาให้กับ มิเกล ตอร์เรส โกเมซ โหม่งบอลไม่เข้ากรอบ 

     

    เกมดำเนินมาถึงนาทีที่ 26 เรอัล ฯ รุกหนักขึ้นเรื่อยๆ มิเกล ตอร์เรส ไหลบอลให้กับ เซร์คิโอ รามอส ซัดด้วยขวาบอลถูกเคลียร์ไว้ได้ 

     

    เจ้าบ้านบดหนักทีเดียว สไนจ์เดอร์ เปิดบอลให้กับ ราอูล กอนซาเลซ กัปตันทีมโหม่งเต็มๆบอลถากเสาไปในนาทีที่ 36 


     อย่างไรก็ตาม เรอัล มาดริด มาได้ประตูขึ้นนำจนได้ในนาทีที่ 38 จากจังหวะที่ โฆเซ่ มาเรีย กูตี ผ่านบอลให้กับ เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ ยิงด้วยซ้ายบอลไปแฉลบผู้เล่นของอูเอลบา เข้าประตูไปให้ ราชันชุดขาว นำก่อน 1-0 เมื่อหมดครึ่งเวลาแรก 

     

    มาเล่นกันต่อในครึ่งหลังได้แค่ 7 นาที เจ้าบ้านลุยแหลก  รอยสตัน เดรนเธ่ แตะจากซ้ายเข้ากลาง สไนเดอร์ ดีดไปในกรอบให้ กอนซาโล่ อิกวาอิน สอดไปดีดบอลข้าม อาเซียร์ ริเอสโก้ นายทวารของอูเอลบา แต่ลูกไม่ตรงเป้าหลุดเสาแรก

     

    เกมขยับมาถึงนาทีที่ 58 อูเอลบา ได้ลุ้นบ้างเมื่อ กาซียาส ออกมาคว้าบอลหลุดมือ เฆซุส บาสเกซ เก็บได้แล้วพยายามยิง แต่บอลดันขลุกขลิกแล้วไปชนกับ กามูนญาส เพื่อนร่วมทีมทิ้งโอกาสตีเสมอน่าเสียดาย


     ผ่านมาถึงนาทีที่ 73 ราชันฯ ยังบุกเข้าใส่อย่างหนัก ราอูล กอนซาเลซ ยิงซ้ำด้วยซ้ายจากระยะแค่ 6 หลา บอลหลุดกรอบออกไปอย่างไม่น่าเชื่อ 

     

    ทีมเยือนยังสู้ ยาโก้ บูซอน ดันขึ้นมาเปิดบอลให้กับ อาเดรียน ซัดด้วยเท้าซ้ายถูกสกัดออกมาได้ในนาทีที่ 81 

     

    สองนาทีให้หลัง  มาดริด น่าได้เพิ่มอีกลูก รอยสตัน เดรนเธ่ หยอดจากซ้ายไปหน้าประตู โฆเซ่ กูตี โดดโขกเน้นๆไม่หลาไปโดน ริเอสโก้ โชว์ซูเปอร์เซฟปัดมือเดียวออกมา ราอูล ตามซ้ำก็โดนสกัดได้ เวลาที่เหลือแลกกันสนุกแต่สุดท้ายไม่มีประตูเกิดขึ้นอีก จบเกม 90 นาที เรอัล มาดริด เบียดชนะไปได้แค่ 1-0 เท่านั้น 

     รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม 
     

    เรอัล มาดริด : อีเกร์ กาซียาส - มิเกล ตอร์เรส โกเมซ, เซร์คิโอ รามอส, เปเป้, มาร์เซโล่ วิเอยร่า - โฆเซ่ มาเรีย กูตี, เฟอร์นานโด กาโก้, เวสลี่ย์ สไนจ์เดอร์ - กอนซาโล่ อิกวาอิน, ราอูล กอนซาเลซ (กัปตันทีม), รอยสตัน เดรนเธ่ 
     
    สำรอง: เยอร์ซี่ย์ ดูเด็ค (ผู้รักษาประตู) - มิเชล ซัลกาโด้, คริสโตฟ เม็ตเซลเดอร์, ราฟาเอล ฟาน เดอร์ ฟาร์ท, ฮาเวียร์ ซาวิโอล่า, ฆาบี การ์เซีย, อัลเบร์โต้ บวยโน่ 
     
    เรเกรอาติโบ อูเอลบา: อาเซียร์ ริเอสโก้ - ยาโก้ บูซอน, นาซีฟ มอร์ริส, เบโต้ เซเวโร่, โฆเซ่ มานูเอล กาซาโด้ - ฆาเบียร์ ฟวยโก้, เฆซุส บาสเกซ - ฆาเบียร์ กามูนญาส, ซิซินิโอ กอนซาเลซ ซิซี, ค็องก้า อกาเล่ - ฆาบี เกร์เรโร่ 
     
    สำรอง: โรเบร์โต้ กาโก้ (ผู้รักษาประตู) - ไอตอร์ ตอร์นาบาก้า, ราฟาเอล บาร์เบร์, เออร์เซ่น มาร์ติน, อันเดรส ลามาส, อาเดรียน โกลุนก้า



  • เซบิย่า เสมอ บาเลนเซีย 0-0
  • บียาเรอัล แพ้ รีล บายาโดลิด 0-3 

    อินเตอร์ มิลาน 1 - ยูเวนตุส 0
    สนาม :
    ซาน ซีโร่
     

  • อินเตอร์ มิลาน แชมป์เก่าเปิดซาน ซีโร่ ปะทะ ยูเวนตุส ในบิ๊กแมตช์กัลโช่ เซเรีย อา นัดที่ 13 เกมนี้ โชเซ่ มูรินโญ่ กุนซืออินเตอร์ ส่ง อาเดรียโน่ กองหน้าชื่อดัง กลับมาลงเล่นตัวจริงครั้งแรกในรอบหลายเกม โดยยืนคู่กับ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่เจอกับทีมเก่า ส่วนยูเว่ ขาดคีย์แมนหลายคน ทว่าทีมยังมีกองหน้าอย่าง อเมารี กับ อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ 

     

    เกมครึ่งแรกผ่านไปเพียง 4 นาที ยูเวนตุส ต้องตัดสินใจเปลี่ยนตัวแบบไม่มีทางเลือกเมื่อ ติอาโก้ เมนเดส เกิดอาการหัวเข่าบิดจากการเข้าปะทะกับ เดยัน สแตนโกวิช มิดฟิลด์อินเตอร์ จนเล่นต่อไม่ไหวจำต้องส่งเอา เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ กองกลางดาวรุ่งลงเล่นแทน

     

    จากนั้นนาที 13 อินเตอร์มีลุ้นจากจังหวะที่ เดยัน แสตนโกวิช เปิดบอลให้ อาเดรียโน่ โถมตัวโหม่งบอลตรงกรอบแต่ว่า อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์ ยังป้องกันได้ทัน

     

    นาที 23 ยูเวนตุสได้บอล มาร์โก มาร์คิออนนี่ ได้บอลหลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ ซุลเลย์ มุนตารี่ กองกลางเจ้าถิ่นวิ่งเข้าไปขวางขณะที่ มาร์คิออนนี่ ทิ้งตัวเพื่อเอาจุดโทษ แต่ว่านิโกล่า ริซโซลี่ ผู้ตัดสินไม่เป่าให้ ยูเว่ ได้ลูกจุดโทษแต่อย่างใด

     

    อินเตอร์ ได้ลูกฟรีคิกเยื้องไปทางซ้ายนาที 30 หลังจากซลาตัน อิบราฮิโมวิช โดน นิโกล่า เลกร็อตตาเญ่ทำฟาวล์ แล้วก็เป็น ดั๊กลาส ไมค่อน รับหน้าที่ปั่นโค้งลูกเกือบมุดใต้คาน แต่อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์ เทคตัวปัดบอลออกเส้นหลังไปได้

     

    และแล้วนาที 32 อินเตอร์น่าได้ประตูขึ้นนำเมื่อ นิโกล่า เลกร็อตตาเญ่ จับบอลพลาดมาเข้าทางซลาตัน อิบราฮิโมวิช ที่เลี้ยงบอลไปเข้าในกรอบเขตโทษ ก่อนตัดสินใจยิงที่เสาไกล ทว่าบอลผ่านเสาออกเพียง 1 หลาเท่านั้น

     

    ในช่วงท้ายครึ่งแรกยูเว่มามีลุ้นบ้างจากจังหวะที่ เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ ปั่นโค้งจากนอกกรอบเขตโทษ บอลเกือบพุ่งเสียบใต้คาน ทว่า ฮูลิโอ เซซาร์ ผู้รักษาประตู ไม่เสียสมาธิ กระโดดปัดบอลทิ้งได้ทัน จบครึ่งแรก ทั้งสองทีมเสมอกันอยู่ 0-0

     

    มาถึงครึ่งหลัง ทั้งสองทีมยังไม่เปลี่ยนผู้เล่นสำรอง ทว่า มาร์โก มาร์เตราซซี่ กองหลังเจ้าถิ่นโดนใบเหลือง หลังจากเข้าเสียบสกัด อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ กองหน้ายูเว่อย่างน่าเกลียด และจากนั้นไม่นาน วอลเตอร์ ซามูเอล ปราการหลังงูใหญ่โดนใบเหลืองเช่นกัน หลังจากทำฟาวล์ อเมารี

     

    นาที 50 เดยัน สแตนโกวิช กองกลางอินเตอร์หาจังหวะยิงไกล แต่บอลไปติดบล็อคของ นิโกล่า เลกร็อตตาเญ่ กองหลังยูเว่สกัดทิ้งออกเส้นหลังไป และนาที 65 เจ้าถิ่นได้บอลอีกครั้ง เดยัน สแตนโกวิช เปิดให้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ยิงด้วยเท้าซ้ายในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายไปติด อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์ ผู้รักษาประตู 


     จนกระทั่งนาที 73 อินเตอร์ มิลานได้ประตูนำ 1-0 จากความผิดพลาดของกองหลังยูเวนตุส ซลาตัน อิบราฮิโมวิช ได้บอลก่อนจ่ายให้ ซุลเลย์ มุนตารี่ ยิงด้วยเท้าซ้ายระยะเผาขนตุงตาข่าย 


     หลังจากเสียประตู ยูเว่แก้เกมส่ง วินเชนโซ่ ยากวินต้า ลงเล่นแทน อเมารี นาที 77 และนาที 81 ยูเว่เกือบตีเสมอได้ เมื่อ พาเวล เนดเว็ด เปิดลูกเตะมุมเข้ามาที่เสาแรก อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่ ยิงไปติด ฮูลิโอ เซซาร์ นายทวารเซฟได้บนเส้นประตูอย่างหวุดหวิด จบเกม อินเตอร์ มิลาน เฉือนชนะ ยูเวนตุส 1-0 ส่งผลให้ อินเตอร์ จ่าฝูงมี 30 คะแนน หลังจากแข่งไป 13 นัด ทิ้งห่าง เอซี มิลาน รองจ่าฝูง 4 คะแนนด้วยกัน แต่ปีศาจแดง-ดำเตะน้อยกว่า 1 นัด 

     รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม
     

    อินเตอร์ มิลาน : ฮูลิโอ เซซาร์, ไมค่อน, มาร์โก มาเตรัซซี่, วอลเตอร์ ซามูเอล, ฮาเวียร์ ซาเน็ตติ, เอสเตบัน กัมบิอัสโซ่, ซุลเลย์ มุนตารี่, เดยัน สแตนโกวิช, ปาทริค วิเอร่า, ซลาตัน อิบราฮิโมวิช,อาเดรียโน่
     
    สำรอง : ฟรานเชสโก้ ตอลโด้, หลุยส์ ฟิโก้, ปาทริค วิเอร่า, ฮูลิโอ ครูซ, นิโกลัส บูร์ดิสโซ่, ริคาร์โด้ กวาเรสม่า, อเลสซานโดร มันชินี่

     ยูเวนตุส : อเล็กซ์ แมนนิงเกอร์, ซเดเน็ก กรีเกร่า, นิโกล่า เลกร็อตตาเญ่, จอร์โจ้ คิเอลลินี่, คริสเตียน โมลินาโร่, มาร์โก มาร์คิออนนี่, โมโม่ ซิสโซโก้, ติอาโก้ เมนเดส, พาเวล เนดเวด, อเลสซานโดร เดล ปิเอโร่, อเมารี คาร์วัลโญ่

     สำรอง : อันโตนิโอ คิเมนติ, โอลอฟ เมลเบิร์ก, เมาโร คาโมราเนซี่, วินเชนโซ่ ยากวินต้า, เคลาดิโอ มาร์คิซิโอ, เปาโล เด เชเย่, เซบาสเตียน โจวินโก้



  • ฟิออเรนติน่า ชนะ อูดิเนเซ่ 4-2

  • เครดิต :
     

    ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
    กระทู้เด็ดน่าแชร์