ปอมปีย์เฉือนคาร์ดฟฟ์ 1-0 ซิวแชมป์เอฟเอคัพ

 เอ็นวานโก คานู กองหน้าตัวเก๋าซัดประตูชัยในครึ่งแรกช่วยให้ ปอมปีย์ ปอร์ทสมัธ เฉือนชนะ เดอะ บลูเบิร์ดส คาร์ดิฟฟ์ ซิตี 1-0 ผงาดคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ อังกฤษ ประจำฤดูกาล 2007/08 ไปครอง
       
       ศึกฟุตบอล เอฟเอ คัพ อังกฤษ นัดชิงชนะเลิศ
       ปอร์ทสมัธ 1-0 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี
 แฮร์รี เรดแนปป์ กลับมาใช้ขุนพล ปอมปีย์ ปอร์ทสมัธ ชุดเต็มสูบอีกครั้งเพื่อหวังคว้าแชมป์สมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ให้แก่สโมสร อย่างไรก็ตาม ไม่สามารถส่ง เจอร์เมน เดโฟ ลงเล่นได้เนื่องจากติดคัพไท แต่ก็มี เอ็นวานโก คานู เป็นความหวังในการทำประตู ด้าน เดฟ โจนส์ ส่งผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดให้ คาร์ดิฟฟ์ ซิตี โดยมี จิมมี ฟลอยด์ ฮัสเซลแบงค์ คอยค้ำแดนหน้าและก็ให้ พอล แพร์รี ทำเกมรุกอยู่ด้านหลัง
ก่อนเริ่มเกมการแข่งขันสมาคมฟุตบอลอังกฤษ (เอฟเอ) ให้เกียรติ คาร์ดิฟฟ์ ซีตี สโมสรของเวลส์ ด้วยการเปิดเพลงชาติให้ก่อนจากนั้นค่อยมีการขับขานเพลงชาติอังกฤษตามมา เริ่มเกมแม้จะเป็นรองบ่อนจากเดอะแชมเปี้ยนชิป แต่ เดอะ บลูเบิร์ดส เดินเกมบุกสู้กับ ปอร์ทสมัธ ทีมกลางตารางพรีเมียร์ชิปแบบไม่กลัวศักดิ์ศรี นาทีที่ 12 คาร์ดิฟฟ์ เกือบได้เฮเมื่อ โจ เล็ดลีย์ แทงทะลุช่องให้ พอล แพร์รี อาศัยความเร็วเบียด โซล แคมป์เบลล์ เข้าไปจิ้มแต่เป็น เดวิด เจมส์ ที่บล็อกบอลออกมา
       
       แต่ถึงครึ่งทางของครึ่งแรกพอดี ปอร์ทสมัธ น่าจะขึ้นนำเป็นที่สุดเมื่อ เฮอร์มัน ไฮดาร์สสัน เติมเกมมาทางซ้ายก่อนไหลให้ ซุลเลย์ มุนตารี ปาดต่อเข้าเขตโทษให้ เอ็นวานโก คานู อาศัยความสามารถเฉพาะตัวลากหลบ ปีเตอร์ เอ็นเคิลแมน แต่มุมมันแคบทำให้ดาวยิงทีมชาติไนจีเรียซัดบอลไปกระแทกเสาออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย อีกสีนาทีถัดมา คาร์ดิฟฟ์ สวนกลับไปด้วยลูกฟรีคิก ปีเตอร์ วิตติงแฮม เปิดด้วยซ้ายเข้ากลางให้ โรเจอร์ จอห์นสัน ขวิดบอลข้ามคานไปแบบได้ลุ้น
       
       อย่างไรก็ตาม ถึงนาทีที่ 37 แฟนๆ ปอมปีย์ ได้เฮกันลั่นเวมบลีย์เมื่อ จอห์น อูตากา เติมขึ้นมาทางขวาก่อนเปิดบอลเข้ากลาง เอ็นเคิลแมน ผิดพลาดปัดบอลมาให้ คานู ยิงจ่อๆ ส่งลูกหนังเข้าไปซุกก้นตาข่ายให้ ปอร์ทสมัธ ขึ้นนำ 1-0 พอโดนไปก่อน คาร์ดิฟฟ์ พยายามสวนกลับขึ้นมาทันควันช่วงทดเจ็บ เกล็นน์ ลูเฟนส์ เติมขึ้นมาเล่นลูกเตะมุมและก็งัดบอลข้ามหัวผู้เล่นปอร์ทสมัธเข้าไปแต่ ไมค์ ดีน ผู้ตัดสินไม่ให้ประตูแก่ คาร์ดิฟฟ์ เนื่องจากเห็นว่าปราการหลังชาวดัตช์ทำแฮนด์บอลเสียก่อนและก็จบ 45 นาทีแรก

  เปิดฉากครึ่งหลัง คาร์ดิฟฟ์ เดินหน้าบุกหาประตูคืนทันทีและฟรีคิกของทีมก็เกือบได้ผล วิตติงแฮม โยนบอลไปเสาสองให้ จอห์นสัน ได้โหม่งแฉลบตัว แคมป์เบลล์ ออกหลังไป นาทีที่ 52 ปอร์ทสมัธ อาศัยจังหวะสวนกลับขึ้นมา มุนตารี ปาดบอลต่อให้ คานู ได้ยิงบอลแฉลบแผงหลัง เดอะ บลูเบิร์ดส ออกไปเช่นกัน หนึ่งชั่วโมงผ่านไป เดฟโจนส์ ปรับเปลี่ยนตัวให้ คาร์ดิฟฟ์ ด้วยการส่ง อารอน แรมซีย์ มิดฟิลด์ดาวรุ่งที่ได้รับการจับตามองจาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ลงมาหวังพลิกเกมแทน วิตติงแฮม
       
       อย่างไรก็ดี ปอร์ทสมัธ ยังตั้งรับกันได้เหนียวแน่นและก็หาโอกาสสวนกลับขึ้นไป นาทีที่ 70 เดวิด นูเจนท์ ซึ่งลงมาเป็นสำรองให้ทีมได้โอกาสสะบัดเกือกยิงด้วยขวากะให้แสกหน้า เอ็นเคิลแมน เข้าไปแต่คราวนี้อดีตนายทวาร แอสตัน วิลลา ไม่ยอมพลาดอีกแล้ว อีกเจ็ดนาทีถัดมาโอกาสเป็นของ คาร์ดิฟฟ์ บ้างแต่ แรมซีย์ โขกลูกเตะมุมกระดอนพื้นเชิดคานออกไป เข้าสู่ช่วงท้ายเกม เดอะ บลูเบิร์ดส โหมเฮือกสุดท้ายแต่ ปอร์ทสมัธ ยันเอาไว้ได้จนครบ 90 นาทีและก็คว้าแชมป์เอฟเอ คัพ สมัยที่ 2 ในประวัติศาสตร์ทีม เป็นครั้งแรกในรอบ 69 ปีพร้อมคว้าสิทธิไปลุยยูฟ่า คัพ ในฤดูกาลหน้า
       
       รายชื่อ 11 ผู้เล่นตัวจริงของทั้งสองทีม
       ปอร์ทสมัธ : เดวิด เจมส์ , เกล็น จอห์นสัน , โซล แคมป์เบลล์ , ซิลแว็ง ดิสแต็ง , เฮอร์มัน ไฮดาร์สสัน , ลาสซานา ดิยาร์รา , จอห์น อูตากา , เปโดร เมนเดส , ซุลเลย มุนตารี , นิโก ครันจ์ชาร์ , เอ็นวานโก คานู
       
       คาร์ดิฟฟ์ : ปีเตอร์ เอ็นเคิลแมน , เควิน แม็คนัลห์ตัน , โรเจอร์ จอห์นสัน , เกล็นน์ ลูเฟนส์ , โทนี คาปัลดี , สตีเฟน แม็คเฟล , กาวิน เร , ปีเตอร์ วิตติงแฮม , โจ เล็ดลีย์ , พอล แพร์รี , จิมมี ฟลอยด์ ฮัสเซลแบงค์


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์