ประวัติฟุตบอลโลก


ประวัติฟุตบอลโลก


















อุรุกวัย 1930


ฟุตบอลโลกครั้งแรก จัดขึ้นที่ประเทศอุรุกวัย ในปี 1930 โดยมีทีมเข้าร่วมการแข่งขันทั้งหมด 13 ทีมและ อุรุกวัยเจ้าภาพเน้นเล่นในบ้าน และได้กลายเป็นแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งแรกในประวัติศาสตร์


กองหน้าอาร์เจนตินา Guillermo Stabile เป็นผู้ที่สร้างผลงานได้ดีที่สุด ในการแข่งขันอาร์เจนตินาพบกับ เม็กซิโก ชนะ 6-3 สำหรับรอบ 4 ทีมสุดท้าย ทีมฟ้า-ขาว โชว์ผลงานที่เหนือกว่า ถล่มเอาชนะ สหรัฐฯ ไปอย่างท่วมท้น 6-1


ส่วนทีมจอมโหดเจ้าภาพก็อัดยูโกสลาเวีย ไป 6-1 เช่นกัน ได้เข้ารอบชิงชนะเลิศถึงแม้ว่า นักเตะฟ้า-ขาว จะเล่นได้ดีกว่า แต่ทีมจอมโหด ก็พลิกสถานการณ์ในครึ่งหลัง กลับมาเป็นฝ่ายเอาชนะไปได้อย่างตื่นเต้น 4-2 ส่งผลให้อุรุกวัย ได้ครองแชมป์ฟุตบอลโลกเป็นทีมแรก





อิตาลี 1934


ประเทศอิตาลี เป็นเจ้าภาพในศึกเวิล์ด คัพ ครั้งที่ 2 ในปี 1934 พร้อมกับคว้าแชมป์โลกในครั้งนี้ได้สำเร็จ ขณะนั้นมีนักเตะชาวอาร์เจนตินา ไม่ยอมเข้าร่วมอิตาลีก เเละไปร่วมกับทีมอิตาลีเขาก็คือ Vittorio Pozzo เป็นผู้นำสร้างขึ้นมา


ออสเตรีย เป็นคู่แข่งที่ดีที่สุดสำหรับ อิตาลี ในรอบรองชนะเลิศ หลังพังประตูให้อิตาลีขึ้นนำไปก่อน หลังจากนั้นเจ้าถิ่นก็พยายามสกัดกั้นการบุกของออสเตรียทุกวิถีทางจนเอาชนะไปได้ในที่สุด สามารถเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ ขณะที่ เชโกสโลวาเกีย กับ เยอรมัน ที่กรุงโรม ซึ่งนักเตะเช็ก ก็โชว์ฟอร์มได้อย่างยอดเยี่ยมและถล่มทีมอินทรีเหล็ก ไปได้อย่างสบายเท้า3-1 จากนั้นเยอรมัน ก็ไปคว้าอันดับ 3 มาครอง ด้วยการเอาชนะ ออสเตรีย ที่ยังผิดหวังจากการเข้าชิงชนะเลิศ ไป 3-2 รอบชิงชนะเลิศเช็กโกสโลวะเกียมาเข้าชิงกับ อิตาลี ในช่วงต่อเวลาพิเศษอิตาลีเฉือนเอาชนะเชโกสโลวะเกีย 2-1 พร้อมกับคว้าแชมป์โลกในถิ่นของตนเองได้สำเร็จ



ฝรั่งเศส 1938


ฟุตบอลโลกครั้งที่ 3 เกิดขึ้นบนแผ่นดินยุโรป ท่ามกลางกลิ่นไอของสงครามที่ยังไม่จางหาย ฝรั่งเศสรับหน้าที่เป็นเจ้าภาพในครั้งนี้ โดย อิตาลี คว้าแชมป์โลก 2 สมัยในดินแดนของฝรั่งเศส


ในการแข่งขันครั้งนี้ก็จัดว่ามีการแข่งขันที่ดีที่สุดตลอดกาลของฟุตบอลโลกเกิดขึ้นเหมือนกันคือในการแข่งขันที่ บราซิล พบกับ โปแลนด์ นั้นเอง บราซิล ก็ได้ร่ายมนต์สะกดผู้ชมในบอร์กโดซ์ เมื่อโชว์ลีลาสไตล์แซมบ้า เอาชนะ โปแลนด์ ทีมแกร่งจากยุโรปไปได้ 6-5 หลังเสมอกันในเวลา 4-4


ในรอบรองชนะเลิศ โดยในรอบนี้ อิตาลี ชนะ บราซิล ไป 2-1 ทำให้อิตาลีได้เข้าไปชิงชนะเลิศ กับ ฮังการี ที่ผ่าน สวีเดน มาแบบง่ายๆ และอัซซูรี่ ก็พิสูจน์ตัวเองได้ว่าพวกเขามีดีพอที่จะเป็นแชมป์โลกอีกครั้ง จากชัยชนะ 4-2



สวิตเซอร์แลนด์ 1954


ในฟุตบอลโลกครั้งนี้ ทีมที่เป็นเต็ง 1 จริงๆ กลับเป็น แม็กยาร์ ฮังการี โดยก่อนหน้าทัวร์นาเมนต์จะเริ่มขึ้น พวกเขาเป็นทีมที่โชว์ฟอร์มได้อย่างเลิศหรู ด้วยการที่ไม่แพ้ใครมานาน เกมแรกนักเตะฮังกาเรียน ก็จัดการสอนบอลทีมไร้ประสบการณ์อย่าง โสมขาว เกาหลีใต้ ด้วยผลการแข่งขันที่เป็นสถิติใหม่ของศึกลูกหนังโลก รอบสุดท้าย 9-0 ส่วนเหยื่อรายต่อมาก็คือ อินทรีเหล็ก เยอรมันตะวันตก ซึ่งโดนไป 8-3


ในรอบรอบชนะเลิศฮังการีพบกับบราซิล ซึ่งหวดกันอย่างดุเดือด และ มีผู้เล่น 3 คนโดนตัดสิ้นใล่ออกสนาม เยอรมันตะวันตก ชนะ ออสเตรีย ไป 6-1 ได้เข้าไปชิงขนะเสิศ กับ ฮังการี


ในรอบชิงชนะเลิศ สภาพสนามในวันนั้นไม่เป็นใจเท่าที่ควร เพียงแค่ 8 นาทีแรก ฮังการีก็นำไปก่อนจากฝีเท้าของ ปุสกัส และซิบอร์ แต่ใน 11 นาที มักซ์ เมอร์ล็อค และเฮลมุท ราห์น ได้บอลทำสกอร์ก็มาเท่ากัน แต่ทุกอย่างก็มาถึงจุดสิ้นสุด เมื่อ ราห์น สามารถฉกบอลได้จากลันโต๊ส และลากเข้าไปถึงกรอบโทษ ก่อนที่จะตะบันผ่านมือ โกรซิคส์ เข้าไปตุงตาข่าย เป็นประตูชัยให้ทีมเยอรมันตะวันตก ไป 3-2 เป็นการได้แชมป์โลกครั้งแรกของเยอรมันและถือเป็นมหัศจจรย์การกีฬาฟุตบอลของเยอรมัน ในเยอรมนีเรียกว่าMiracle of Bern'



สวีเดน 1958


เป็นช่วงเวลาครั้งแรกของฟุตบอลโลกที่ได้มีการถ่ายทอดด้วยโทรทัศน์ เพื่อชาวแฟนลูกหนังในครั้งนี้ ได้มีการสร้างตำนานวงการลูกหนังโลก เมื่อ เด็กวัย 17 ปี ที่ชื่อ เอ๊ดสัน อรานเต้ โด นาสซิเมนโต้ หรือ เปเล่ ของทีมชาติ “แซมบ้า”บราซิล ช่วยให้ทีมคว้าแชมป์โลก มาครองได้เป็นครั้งแรก


ชุสต์ ฟองแตง ดาวยิงของฝรั่งเศส ที่ทำประตูคนเดียวถึง 13 ประตู เป็นตำแหน่งดาวซัลโว ในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ และ อังกฤษ,ไอร์แลนด์เหนือ,สกอตแลนด์ และ เวลส์ ได้ผ่านรอบคัดเลือก และ เป็นครั้งแรกและครั้งเดียวทั้งสี่ทีมได้เข้ารอบ 8 ทีมสุดท้ายเดียวกัน


สวีเดน เจ้าภาพ ที่ชนะ เยอรมันตะวันตก แชมป์เก่า 3-1 ในรอบรองชนะเลิศ ขณะที่ ฝรั่งเศส พบกับ “แซมบ้า”บราซิล เปเล่ ได้ 2 ประตูช่วยให้ทีมคว้าแชมป์โลก มาครองได้เป็นครั้งแรก ด้วยการซัดแฮตทริก ในเกมที่ชนะ ฝรั่งเศส 5-2 ในรอบรองชนะเลิศ และ ซัลโวอีก 2 ประตู ในเกมที่ชนะ สวีเดน เจ้าภาพ 5-2 ในนัดชิงชนะเลิศ



ชิลี 1962


คราวนี้ “ไข่มุกดำ” เปเล่ ไม่ได้เป็นส่วนสำคัญที่ทำให้ทีมได้แชมป์เหมือนครั้งที่ผ่านมา เมื่อได้รับบาดเจ็บในการลงสนามเพียงแค่นัดแรก กับ เม็กซิโก สุดท้าย การ์รินช่า เอาเป็นกองกลางบราซิลสร้างระบบเป็น 4-3-3


แซมบ้า ฟอร์มยังฮอตไม่หยุดแม้ว่าจะไร้ ไข่มุกดำ ไปก็ตาม โดยในรอบ 8 ทีมสุดท้าย บราซิลชนะอังกฤษไป 3-1 พร้อมกับชิลีเข้ารอบรองชนะเลิศต่อมา บราซิล ถลุง ชิลี ส่วนอีกคู่นั้น เชโกสโลวะเกีย โซโล่ ยูโกสลาเวีย 3-1 ผ่านเข้าไปชิงชนะเลิศ ด้วยแฟนบอลชิลีถึง 5,000 คนที่แห่ไปให้กำลังใจ


มานูเอล ฟรานซิสโก ดอส ซานโต๊ส หรือ การ์รินชา รับรางวัลจาก ฟีฟ่า ยกย่องให้ การ์รินชา เป็นนักเตะบราซิเลียนที่ดีที่สุดต่อจากเปเล่



อังกฤษ 1966


ฟุตบอลโลกครั้งที่ 8 จัดขึ้นที่ประเทศอังกฤษ ในปี 1966 เป็นครั้งแรกที่อังกฤษได้เป็นเจ้าภาพ และเป็นสมัยแรกและครั้งเดียวได้รับรางวัลแชมป์โลกจนถึงปัจจุบัน


ในรอบรองชนะเลิศ ขณะที่ เยอรมันตะวันตกพบกับรัสเซีย ผลการแข่งขันเป็นไปตามคาด 2-1 ส่วนอังกฤษก็พิชิตดาวรุ่งพุ่งแรงอย่างโปรตุเกสไปได้อย่างสุดมันส์ 2-1 โดย 2 ประตูของอังกฤษมาจากฝีเท้าของ บ๊อบบี้ ชาร์ลตัน ขณะที่ ยูเซบิโอ ตีไข่แตกให้โปรตุเกส


นัดชิงชนะเลิศ เมื่อ โวล์ฟกัง เวเบอร์ วิ่งสอดขึ้นมายิงจากจังหวะฟรีคิกผ่านมือ กอร์ดอน แบ๊งค์ส เข้าไปตุงตาข่ายในช่วงท้ายเกม ทำให้เสมอกัน 2-2 แล้วในช่วงต่อเวลา ทั้งสองทีมต่างโรมรันทำตูกันอย่างหนัก จนกระทั่งเทพีแห่งโชคก็หันหน้ามาทางอังกฤษ เมื่อ เจฟฟ์ เฮิร์สท์ จับลูกได้ทางขวาของกรอบโทษแล้วกระหน่ำสุดแรงเกิด บอลพุ่งกระทบคานก่อนกระดอนลงพื้นอย่างรวดเร็ว ดูแทบไม่ทันว่าเข้าหรือไม่ แต่ ก็อทท์ฟรีด ดีนส์ท อังกฤษขึ้นนำ 3-2 และมาได้ประตูตอกย้ำชัยชนะจาก เจฟฟ์ เฮิร์สท์ คนเดิม หมดเวลา อังกฤษชนะ 4-2 ผงาดคว้าแชมป์โลกเป็นสมัยแรก



เม็กซิโก 1970


บราซิล ชุดแชมป์โลกสมัยที่ 3 นี้ถือว่าเป็นที่จดจำของแฟนบอลมาตลอด


เกมในรอบ 8 ทีม สุดท้ายที่ เยอรมนีตะวันตก กลับมาล้างแค้น อังกฤษ ไป 3-2 ในรอบรองชนะเลิศ ที่ อิตาลี เสมอกับ เยอรมนีตะวันตก 1-1 ในเวลา 90 นาที ก่อนที่ในช่วงต่อเวลาพิเศษจะผลัดกันขึ้นนำ ก่อนที่ อิตาลี จะชนะไป 4-3 และนัดนี้ ฟรานซ์ เบคเคนบาวเออร์ ต้องพันผ้าไว้ที่หัวไหล่ เนื่องจากไหล่หลุดแต่ก็เล่นได้จนจบ 120 นาที


ส่วนในนัดชิงชนะเลิศ ขุนพล “อัซซูรี่” ไม่สามารถหยุดยั้งเกมรุกของ บราซิล ได้ และเป็น “แซมบ้า” ที่ไล่หวดเอาชนะไป 4-1 ทำให้ คาร์ลอส อัลแบร์โต กัปตันทีมรับถ้วย ชูลส์ ริเมต์ มาเป็นของชาวบราซิเลียนทั้งชาติ เมื่อสามารถคว้าแชมป์สมัยที่ 3 ได้ และ เป็นการปิดฉากการเล่นฟุตบอลโลกของ เปเล่ อย่างยิ่งใหญ่



เยอรมันตะวันตก 1974


ฟุตบอลโลก ปี 1974 ประเทศเยอรมันตะวันตก (ในขณะนั้น) รับหน้าที่เป็นเจ้าภาพ มีการรักษาความปลอดภัยกันอย่างเข้มงวดกว่าที่เคย เนื่องจากเกิดเหตุสลดใจ ได้มีการเปิดตัวถ้วยรางวัลใบใหม่ในชื่อ ฟีฟ่า เวิลด์คัพ และ เป็นโททัลฟุตบอลและ 20 ปีที่รอคอยของพลพรรคอินทรเหล็ก


ในรอบชิงชนะเลิศ อัศวินสีส้ม เจอศึกหนักพบ เจ้าภาพ เยอรมันตะวันตก หลังจากทัพ อินทรีเหล็ก เฉือนเอาชนะทีมชาติโปแลนด์ ในนัดตัดเชือกไปได้ชนิดเสียวหัวใจคนทั้งประเทศ 1-0 และการแข่งขันครั้งนี้ สร้างสรรค์โดยประติมากรชาวอิตาลีที่ชื่อ ซิลวิโอ แกซซานิกา ทำประตูสูงสุด 7 ลูก


นัดชิงชนะเลิศ ถูกเริ่มต้นอย่างกับบทละครเมื่อ โยฮัน ครัฟฟ์ ถูก อูลี่ เฮอเนส เตะล้มในเขตโทษตั้งแต่นาทีแรก หลังเลี้ยงหลุดเดี่ยวเข้าไปในเขตโทษ ก่อนที่ โยฮัน นีสเก้นส์จะสังหารจุดโทษผ่านมือของ เซปป์ ไมเออร์ เข้าไป โดยที่นักเตะเจ้าภาพยังไม่ได้ได้สัมผัสลูกบอลด้วยซ้ำ แต่นั่นยิ่งเหมือนกับการแหย่รังแตน เมื่อขุนพลเยอรมันทั้ง ไมเออร์ , เบ็คเคนเบาเออร์ และโฟ้กท์ส รวมพลังกันกับ เฮอเนส และ โอเวอราธ นำเยอรมันตะวันตกกลับมาสู่เกมได้ ก่อนเฉือนชนะไป 2-1 จากลูกจุดโทษของ พอล ไบรท์เนอร์ และประตูชัยจากไอลูกระเบิด แกร์ด มุลเลอร์ ส่งให้เยอรมนีคว้าแชมป์สมัยที่ 2 ไปครองต่อเมื่อ 20 ปีก่อน



อาร์เจนติน่า 1978


ฟุตบอลโลกในครั้งที่ 11 อาร์เจนติน่าได้เป็นเจ้าภาพ และทีมฟ้าขาว ชนะ ฮอลแลนด์ ได้สัมผัสแชมป์หนแรก


ในรอบที่ 2 ฮอลแลนด์ถล่มออส พบกับเยอรมัน และเสมือนกับเป็นการย้อนรำลึกถึงนัดชิงชนะเลิศเมื่อ 4 ปีที่แล้ว ที่เกมได้จบลงด้วยการเสมอกัน 2-2


เกมนัดชิงชนะเลิศ ยังไม่ทันเริ่มแข่งขัน เจ้าภาพก็ทำป่วนเมื่อขอร้องให้ เรเน่ ฟาน เดอร์ เคอร์คอฟ ถอดเฝือกที่แขนที่เป็นปูนปลาสเตอร์ออก ทำเอา รุด ครอล กัปตันทีมดัตช์ ฉุนจัดนำลูกทีมเดินออกจากสนาม แต่ แซร์โจ้ โกเนลล่า ผู้ตัดสินชาวอิตาเลียน ก็ทำให้การแข่งขันเริ่มขึ้นได้ ในช่วงต่อเวลา“ฟ้า-ขาว” ก็ชนะ 3-1 และ 2 ประตูของ มาริโอ เคมเปส ช่วยให้เขาได้รางวัลรองเท้าทองในศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้ด้วยประตู 6 ลูก



สเปน 1982


ฟุตบอลโลกสมัยนี้ อิตาลี สมควรได้รับรางวัลในสเปน และ เป็นประเทศที่ได้รับรางวัลแชมป์โลก 3 สมัย ต่อจากบราซิล


คราวนี้ อิตาลี กับ บราซิล ถูกจับให้มาอยู่กลุ่มเดียวกัน และต้องแข่งกันเองในนัดสุดท้าย หลังเก็บชัยมาได้ทั้งคู่ในเกมแรก ซึ่งเกมนี้เป็นครั้งแรกที่ชาวโลกต้องตกตะลึงกับแฮตทริกของกองหน้า ที่ใครๆ ก็มองว่าธรรมดาๆ ชื่อ เปาโล รอสซี่ ช่วยให้ อิตาลี เฉือน แซมบ้า สุดมันส์ 3-2 ผ่านเข้ารอบรองไปอีกทีม ส่วนอีก 2 ที่ได้เข้ารอบก็คือ ฝรั่งเศส และ โปแลนด์


นัดชิงชนะเลิศ อิตาลี อาศัยเกมรับสุดเหนียว ล็อกบรรดากองหน้าของเยอรมันจนกระดิกตัวไม่ออก และฉวยโอกาสโต้กลับเร็วได้ประตูออกนำห่างไปถึง 3-0 ซึ่งแน่นอนว่า 1 ประตูในนั้นต้องมีชื่อของ เปาโล รอสซี่ เช่นเคย ขณะที่ ทีมอินทรีเหล็กมาได้ประตูแก้หน้าแค่ลูกเดียว จาก พอล ไบรท์เนอร์ ทำให้ อิตาลี ผงาดคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 มาครองสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่



เม็กซิโก 1986


มาราโดน่า ซึ่งดูเหมือนว่าพระเจ้าได้สร้างเขาขึ้นมาสำหรับฟุตบอลโลกในครั้งนี้อย่างแท้จริง เมื่อ อาร์เจนตินา คว้าแชมป์โลกครั้งที่สอง


ในขณะที่ทีม อินทรีเหล็ก เยอรมันตะวันตก ภายใต้การคุมทีมของ ฟร้านซ์ เบ๊คเค่นเบาเออร์ ซึ่งทำผลงานได้ไม่ดีนัก ในการลงเตะรอบแรกกลุ่มอี เมื่อต้องเข้ารอบเป็นอันดับ 2 ของกลุ่ม ด้วยสถิติ ชนะ 1 เสมอ 1 แพ้ 1 โดยเสียตำแหน่งอันดับ 1 ของกลุ่มให้กับ เดนมาร์ก ซึ่งเอาชนะพวกเขาไปได้ 2-0 แต่ในท้ายที่สุด พวกเขาก็ได้เข้าชิงชนะเลิศ


ในรอบชิงชนะเลิศ ฟ้าขาว เล่นกับ อังกฤษ มาราโดน่า ได้สร้างตำนานการแข่งขันนัดที่โลกต้องจดจำไปตลอดกาล ในการลงดวลแข้งกับ อังกฤษ เมื่อ มาราโดน่า ทำ 2 ประตูมหัศจรรย์ ด้วยการใช้มือส่งลูกหนังเข้าสู่ก้นตาข่าย หรือที่เรียกกันว่า หัตถ์พระเจ้า ก่อนที่จะ สร้างวีรกรรมเลี้ยงบอลหลบนักเตะทีม สิงโตคำราม คนแล้วคนเล่าจากระยะกว่าครึ่งสนามเข้าไปยิงประตูที่ได้รับการยกย่องว่ายอดเยี่ยมที่สุดในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก



อิตาลี 1990


ศึกฟุตบอลโลก ปี 1990 ได้บังเกิดขึ้นที่ประเทศอิตาลี หลังจากที่พลาดหวังมาในการชิงชนะเลิศ 2 ครั้ง ติดต่อกันสำหรับทีมชาติ “อินทรีเหล็ก”เยอรมนีตะวันตก มาถึงคราวนี้ขุนพล “อินทรีเหล็ก” ได้ก้าวครองแชมป์สมัยที่ 3 เป็นที่เรียบร้อย


ซัลวาตอเร สคิลลาชี ผู้เล่นของ “อัซซูรี่” อิตาลี นั้นโผล่มาเป็นดาวยิงสูงสุดของทัวร์นาเม้นท์นี้ จากการพังประตูไป 6 ลูกได้อย่างเหลือเชื่อเพราะว่า ก่อนหน้าในการแข่งขันฟุตบอลโลก รอบสุดท้าย สคิลลาชี เพิ่งจะลงเล่นในนามทีมชาติได้ไม่กี่เกม และ ก็มาลุยบอลโลก ด้วยการเป็นตัวสำรอง แต่สุดท้ายก็ระเบิดฟอร์มจนเกือบพาทีมเข้าชิงชนะเลิศได้


เกมนัดชิงชนะเลิศ ที่แม้ว่าจะไม่ต้องดวลจุดโทษตัดสิน แต่ทีมเยอรมนีตะวันตก ต้องใช้ลูกจุดโทษของ อันเดรียส์ เบรห์เม่ เป็นการตัดสินในการคว้าแชมป์โลกสมัยที่ 3 มาครอง และ “ฟ้า-ขาว” อาร์เจนตินา ผู้ปราชัยในนัดชิงฯ กลับกลายเป็นชาติแรกในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ที่ไม่สามารถทำประตูได้ ในนัดชิงชนะเลิศ รวมทั้งมีผู้เล่นถูกไล่ออกจากสนามถึง 2 คน ด้วยกัน และทั้งสองทีมต่างก็ผ่านรอบรองชนะเลิศมาด้วยการยิงจุดโทษเมื่อ อาร์เจนตินานั้นผ่านอิตาลีเจ้าภาพ และเยอรมนี นั้นผ่าน อังกฤษมา



สหรัฐอเมริกา 1994


ศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้จัดชึ้นที่ประเทศสหรัฐอเมริกา ในครั้งนี้ถือว่า เกมการแข่งขันที่ออกมาก็จัดว่าเป็นฟุตบอลโลกที่ดีจะติดอยู่ก็เพียงแค่ ในนัดชิงชนะเลิศที่ บราซิล กับ อิตาลี เล่นกันโดยไม่มีประตูเกิดขึ้นเท่านั้น แต่ในเกมอื่นนั้นมีทั้งการถล่มประตูกัน ความตื่นเต้น น้ำตา และ เรื่องเซอร์ไพรส์ ที่เป็นบทละครได้ลงตัวเหลือเกิน


บราซิล ที่เฉือน สวีเดน มา 1-0 ในรอบรองชนะเลิศพบกับ อิตาลี ที่ผ่านบัลแกเรีย มา 2-1 นัดชิงชนะเลิศ ต้องตัดสินแชมป์กันด้วยการยิงลูกโทษตัดสิน และแล้วก็เป็น โรบี บักโจ้ ที่เล่นดีมาตลอดทั้งทัวร์นาเม้นท์ที่เป็นคนพลาดในการดวลจุดโทษ



ฝรั่งเศส 1998


ศึกฟุตบอลโลกครั้งที่ 16 จัดขึ้นในดินแดนน้ำหอม ฝรั่งเศส กลายเป็นศึกฟุตบอลโลกที่ดีที่สุดเท่าที่เคยมีมา และนัดชิงชนะเลิศเป็น บราซิล กับ ฝรั่งเศส ปรากฏว่า นักเตะตราไก่ เล่นกันได้อย่างยอดเยี่ยม ไล่อัด ทีมแซมบ้า พ่ายไปอย่างไม่เป็นท่า จากการทำ 2 ประตูของ ซีเนอดีน ซีดาน มิดฟิลด์พรสวรรค์สูง และเอ็มมานูเอล เปอตีต์ อีก 1 ลูก ฝรั่งเศสจึงคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกไปครองอย่างยิ่งใหญ่


เข้าสู่รอบรองชนะเลิศ บราซิล ลงเตะกับ ฮอลแลนด์ ที่เมืองมาร์กเซย โดย เจ้าโล้นทองคำ โรนัลโด้ กระทุ้งให้ทีมกาแฟขึ้นนำไปก่อน 1-0 แต่ พาทริก ไคลเวิร์ต ก็มาตีเสมอให้ทีม อัศวินสีส้ม ได้ก่อนหมดเวลาแค่ 3 นาที จากนั้นในช่วงต่อเวลาพิเศษ ทั้ง 2 ทีมต่างทำอะไรกันไม่ได้ ต้องยิงจุดโทษตัดสิน และเป็นนักเตะแซมบ้า ที่ได้ดีใจกันถ้วนหน้า เมื่อ แฟร้งค์ เดอ บัวร์ นักเตะดัตช์ ยิงจุดโทษพลาด ทำให้ ฮอลแลนด์ ต้องพ่ายแพ้ไป ส่วนเกมอีกคู่ โครเอเชีย เกือบทำให้แฟนบอลเจ้าถิ่นใจสลาย เมื่อยิงให้ทีมตราหมากรุก ออกนำไปก่อน 1-0 แต่ ลิลิยอง ตูราม แบ๊กขวาตัวเก่ง มาช่วยซัด 2 ประตู พาฝรั่งเศส ผ่านเข้าชิงชนะเลิศได้สำเร็จ



เกาหลีใต้-ญี่ปุ่น 2002


ศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้นัดชิงชนะเลิศ เป็น 2 ทีมยักษ์ใหญ่หน้าเดิมๆ อย่างเยอรมัน และบราซิล ที่ได้ดวลแข้งแย่งแชมป์โลก ส่วน อาร์เจนตินา ฝรั่งเศส ถล่มในรอบแรก และ อิตาลี โดน เกาหลีเหนือ ถล่มในรอบ 16 ทีมสุดท้าย


รอบก่อนรองชนะเลิศ เมื่ออังกฤษโคจรมาพบกับบราซิล ก่อนที่ทีมดังจากอเมริกาใต้ ซึ่งมี 3 อาร์ - โรนัลโด้, ริวัลโด้ และ โรนัลดินโญ่ เป็นตัวชูโรง จะผงาดครอง เอาชนะไปเมื่อมาถึงรอบตัดเชือก แม้ตุรกีจะฟอร์มดีแค่ไหนก็มิอาจต้านทานความแข็งแกร่งของบราซิลได้ สำเร็จ


กู้ชื่อโชว์ฟอร์มเป็นพระเอกในนัดชิงชนะเลิศบนแผ่นดินแดนปลาดิบ เหมาคนเดียว 2 ประตู ส่งบราซิลผงาดครองแชมป์โลกสมัยที่ 5 ด้วยชัยชนะ 2-0


เยอรมัน 2006


ในที่สุดศึกฟุตบอลโลกครั้งนี้จัดขึ้นที่ เยอรมนี ก็ได้ปิดฉากลงแล้ว ที่สนาม โอลิมปิก สเตเดี้ยม ในกรุงเบอร์ลิน ซึ่งจบลงด้วยชัยชนะของ อิตาลี ที่ฟาดแชมป์เป็นสมัยที่ 4 ของตัวเอง รวมไปถึงการปิดฉากอาชีพการค้าแข้งอันสุดคลาสสิคไปอีกแบบของ ซีเนดีน ซีดาน เพลย์เมกเกอร์จอมทัพทีมชาติฝรั่งเศส ที่โดนใบแดงไล่ออกจากสนาม จากการเอาหัวไปไถใส่ มาร์โค มาเตรัซซี่ กองหลังทีมชาติอิตาลี หลังจากนี้ ซีเนอดีน ซีดาน เลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ พร้อมกับเกิดคดี ซิซู โหม่งนักเตะกองหลังของอิตาลี มาร์โก มาเตรัซซี เข้า ภายหลังจบการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2006


อิตาลีคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกครั้งนี้ด้วยการเอาชนะฝรั่งเศสในการยิงจุด อันดับสามตกเป็นของเจ้าภาพเยอรมนีหลังเอาชนะโปรตุเกส





http://www.fm94mhz.com/


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์