บิ๊กแมตช์ สิงห์น้ำเงินชนหงส์แดงแย่งโอกาสชิงเอฟเอคัพ

"บิ๊กแมตช์" สิงห์น้ำเงินชนหงส์แดงแย่งโอกาสชิงเอฟเอคัพ

โดย ผู้จัดการออนไลน์ 21 เมษายน 2549 16:07 น.

ถึงวันศุกร์ทีไรก็ได้เวลากลับมาพบกันกับคอลัมน์ บิ๊กแมตช์ กันอีกเช่นเคย โดยสัปดาห์นี้ขอพาคุณผู้อ่านไปพบการดวลกันของคู่ปรับยุคน้ำมันแพง สิงโตน้ำเงินคราม เชลซี ทีมจ่าฝูงพรีเมียร์ลีก จะพบกับ หงส์แดง ลิเวอร์พูล ทีมอันดับ 3 ของตารางคะแนน ในการฟาดแข้งของศึกเอฟเอ คัพ รอบรองชนะเลิศ ที่สนามเป็นกลาง โอลด์ แทรฟฟอร์ด ในเวลา 23.15 น. ของวันเสาร์ที่ 22 เมษายน 2549

แฟร้งค์ แลมพาร์ด หัวใจของเชลซี

โดย เชลซี มีเกียรติประวัติในการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ มาแล้วถึง 3 ครั้ง คือ
ครั้งที่ 1 ในปี 1970 เอาชนะ ลีด ยูไนเต็ด ในนัดรีเพลย์ 2-1 หลังจากนัดแรกเสมอกันมา 2-2
ครั้งที่ 2 ในปี 1997 เอาชนะ มิดเดิ้ลสโบรช์ 2-0
ครั้งที่ 3 ในปี 2000 เอาชนะ แอสตัน วิลล่า 1-0

เส้นทางในการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ ปี 2006 ของ เชลซี
รอบ 3 วันที่ 7 มกราคม 2549 เชลซี ชนะ ฮัดเดอร์สฟิลด์ 2-1
รอบ 4 วันที่ 28 มกราคม 2549 เอฟเวอร์ตัน เสมอ เชลซี 1-1
รอบ 4 (นัดแข่งใหม่) วันที่ 8 กุมภาพันธ์ 2549 เชลซี ชนะ เอฟเวอร์ตัน 4-1
รอบ 5 วันที่ 19 กุมภาพันธ์ 2549 เชลซี ชนะ โคลเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 3-1
รอบควอเตอร์ไฟนัล วันที่ 22 มีนาคม 2549 เชลซี ชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 1-0

ส่วน ลิเวอร์พูล สามารถประสบความสำเร็จในการคว้าแชมป์เอฟเอ คัพ ได้ถึง 6 สมัย คือ
ครั้งที่ 1 ในปี 1965 เอาชนะ ลีด ยูไนเต็ด ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 2-1
ครั้งที่ 2 ในปี 1974 เอาชนะ นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด 3-0
ครั้งที่ 3 ในปี 1986 เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน 3-1
ครั้งที่ 4 ในปี 1989 เอาชนะ เอฟเวอร์ตัน ในช่วงต่อเวลาพิเศษ 3-2
ครั้งที่ 5 ในปี 1992 เอาชนะ ซันเดอร์แลนด์ 2-0
ครั้งที่ 6 ในปี 2001 เอาชนะ อาร์เซนอล 2-1

เส้นทางในการแข่งขันฟุตบอลเอฟเอ คัพ ปี 2006 ของ ลิเวอร์พูล
รอบ 3 วันที่ 7 มกราคม 2549 ลูตัน ทาวน์ แพ้ ลิเวอร์พูล 3-5
รอบ 4 วันที่ 29 มกราคม 2549 ปอร์ทสมัธ แพ้ ลิเวอร์พูล 1-2
รอบ 5 วันที่ 18 กุมภาพันธ์ 2549 ลิเวอร์พูล ชนะ แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1-0
รอบควอเตอร์ไฟนัล วันที่ 21 มีนาคม 2549 เบอร์มิงแฮม ซิตี้ แพ้ ลิเวอร์พูล 0-7

มาว่ากันที่ฟอร์มโดยรวมของทีมสิงโตพันล้านกันก่อน โดยผลงานในลีก 5 นัดหลังสุด มีสะดุดเพียงนัดเดียวด้วยผลเสมอ เบอร์มิงแฮม ซิตี้ 0-0 ขณะที่สามารถคว้าชัยชนะได้ถึง 4 เกม เก็บได้ 13 คะแนน จาก 15 คะแนนเต็ม

ด้านทีมดังจากแอนฟิลด์ ก็อยู่ในฟอร์มการเล่นที่ยอดเยี่ยม เมื่อผลงานในลีก 5 นัดหลังสุดสามารถเก็บชัยชนะรวดเดียว คว้ามาได้ 15 คะแนนเต็ม ยิงไป 10 ประตู แถมเสียไปเพียงแค่ 2 ประตูเท่านั้น

ขณะที่ความพร้อมของตัวผู้เล่น เกมนี้ทีมดังจากลอนดอนอยู่ในสภาพที่ค่อนข้างฟูลทีม ไร้ปัญหานักเตะบาดเจ็บ และติดโทษแบนในเกมนี้ ด้านทีมสีแดงจากเมืองเหนือยังคงขาด เบาเดอไวน์ เซนเด้น ปีกผมทองที่ได้รับบาดเจ็บยาว ขณะที่หัวหอกตัวเก่งที่ซัดประตูมา 2 นัดติดต่อกันอย่าง ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ ก็ติดปัญหาลงเล่นช่วยทีมรักไม่ได้ เนื่องจากเคยลงเล่นฟุตบอลรายการนี้กับต้นสังกัดเก่า เรือใบสีฟ้า แมนเชสเตอร์ ซิตี้ มาแล้วนั่นเอง

สตีเว่น เจอร์ราร์ด ลมหายใจของลิเวอร์พูล

สถิติการเจอกันระหว่างทั้งสองทีม
ในฟุตบอลลีก : เชลซี ชนะ 43 ครั้ง, ลิเวอร์พูล ชนะ 57 ครั้ง และ เสมอกัน 26 ครั้ง
ในเอฟเอ คัพ : เชลซี ชนะ 5 ครั้ง, ลิเวอร์พูล ชนะ 3 ครั้ง และ เสมอกัน 0 ครั้ง

ผลงานการเจอกันของทั้งสองทีมทั้งหมด 8 ครั้งในถ้วยเอฟเอ คัพ
วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 1932 รอบควอเตอร์ไฟนัล ลิเวอร์พูล แพ้ เชลซี 0-2
วันที่ 6 มกราคม 1962 รอบ 3 ลิเวอร์พูล ชนะ เชลซี 4-3
วันที่ 27 มีนาคม 1965 รอบรองชนะเลิศ ลิเวอร์พูล ชนะ เชลซี 2-0
วันที่ 22 มกราคม 1966 รอบ 3 ลิเวอร์พูล แพ้ เชลซี 1-2
วันที่ 3 มกราคม 1978 รอบ 3 เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 4-2
วันที่ 13 กุมภาพันธ์ 1982 รอบ 5 เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 2-0
วันที่ 26 มกราคม 1986 รอบ 4 เชลซี แพ้ ลิเวอร์พูล 1-2
วันที่ 26 มกราคม 1997 รอบ 4 เชลซี ชนะ ลิเวอร์พูล 4-2

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีมที่คาดว่าจะลงสนาม
เชลซี (4-4-2) : ปีเตอร์ เช็ก, เฌเรมี่, ริคาร์โด้ คาวัลโญ่, จอห์น เทอร์รี่, วิลเลี่ยม กัลล่าส์, โคล้ด มาเกเลเล่, มิคาเอล เอสเซียง, แฟร้งค์ แลมพาร์ด, โจ โคล, ดิดิเยร์ ดร็อกบา และ เฮอร์นาน เครสโป
ลิเวอร์พูล (4-4-2) : โฮเซ่ มานูเอล เรน่า, สตีฟ ฟินแน่น, เจมี่ คาร์ราเกอร์, ซามี่ ฮูเปีย, ยอห์น อาร์เน่ รีเซ่, สตีเว่น เจอร์ราร์ด, ชาบี้ อลอนโซ่, โมฮัมเหม็ด ซิสโซโก้, แฮร์รี่ คีเวลล์, เฟร์นานโด มอริเอนเตส และ ปีเตอร์ เคร้าช์

เกมฟุตบอลถ้วยน็อคเอ้าต์นัดนี้มีความหมายสำหรับทั้งสองทีมมาก เชื่อว่ารูปเกมคงเป็นไปอย่างอึดอัดแน่นอน โดยเหล่าบรรดาเกจิลูกหนังทั้งไทยและเทศต่างเชื่อว่าหากทีมใดก็ตามสามารถซัดประตูขึ้นนำได้ก่อนย่อมพร้อมที่จะปิดเกมพร้อมชัยชนะได้ทันที่ ซึ่งแม้จะทั้งสองทีมจะมีโอกาสพบกันบ่อยครั้งในช่วงหลัง แต่ปัญหาหนักของทีม หงส์แดง ที่ราฟาเอล เบนิเตซ กุนซือต้องแก้ไขให้ได้คือความเฉียบคมในการปิดสกอร์ เพราะหลายนัดที่เจอกัน ลิเวอร์พูล แสดงให้เห็นหลายครั้งว่าแท็คติก และตัวผู้เล่นไม่ได้เป็นรองว่าที่แชมป์พรีเมียร์ลีกเลย เพียงแต่ความคมกริบในแผงกองหน้าทั้งสองทีมนั้นต่างกันไกล ยิ่งเกมนี้ไม่มี ร็อบบี้ ฟาวเลอร์ หัวหอกปลาสเตอร์ที่เคยลงเล่นถ้วยนี้ให้กับ แมนฯ ซิตี้ ในฤดูกาลนี้มาแล้วคงยากเย็นไม่น้อยในการทำประตูสิงห์บลูส์

ขณะที่ โฮเซ่ มูรินโญ่ กุนซือเชลซี ยังมีงานใหญ่รออยู่ในการล้ม ปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ในวันเสาร์ที่ 29 เมษายนนี้ เพื่อคว้าแชมป์พรีเมียร์ชิพ ให้ได้เด็ดขาดเสียที ดังนั้นเกมนี้ กองเชียร์ทีมดังจากแอนฟิลด์อาจจะแอบหวังได้บ้างว่าสมาธิของลูกทีมสิงโตน้ำเงินครามอาจจะวอกแวกไปบ้าง แต่ต้องไม่ลืมว่านักเตะเชลซีล้วนมีความเป็นมืออาชีพสูง จึงไม่ง่ายที่ หงส์แดง จะฝ่าด่านหินด่านนี้ ยิ่งช่วงหลังลูกทีมของ เบนิเตซ ดูเหมือนจะแพ้ทางเด็กๆ ของมูรินโญ่อีกด้วย....แต่อย่าไปเอาอะไรแน่นอนกับฟุตบอลนัดเดียวอย่าง เอฟเอ คัพ เพราะอะไรก็เกิดขึ้นได้

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์