บอลไทยเกี่ยวอะไรกับพรีเมียร์ลีก

บอลไทยเกี่ยวอะไรกับพรีเมียร์ลีก





 










ฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีก ดิวิชั่น 1 จบลงไปเรียบร้อยแล้ว เอฟเอ คัพ ก็ได้แชมป์แล้ว ลีกภูมิภาคดิวิชั่น 1 ก็กำลังเล่นมินิลีกกันอยู่กำลังจะจบเร็วๆ นี้เหมือนกันถือว่าปีนี้ฟุตบอลภายในประเทศของเราเข้ารูปเข้ารอย ปิดฉากในช่วงเวลาที่ใกล้ๆ กันกำลังจะเป็นไปตามโปรแกรมที่สอดคล้องกับเอเอฟซี และฟีฟ่ากำหนด ช่วงนี้แฟนบอลไทยคงจะเหงาไม่น้อยจากที่รอคอยวันเสาร์ อาทิตย์ที่จะไปเชียร์ทีมรักก็ต้องพักไป 4-5 เดือน




ไม่รู้ว่าแฟนๆบอลไทยคิดเหมือนผมหรือเปล่าว่าฟุตบอลลีกบ้านเราปีนี้เริ่มต้นสวย เกมก็สนุก แฟนบอลก็ตอบรับกันตรึมแต่ตอนจบดูห้วนๆ ขาดๆ อะไรไปหน่อย





ผมว่าเราขาดบทสรุปที่ดีนั่นคือการยกย่อง ชื่นชมการทำหน้าที่ของนักเตะ โค้ช ผู้จัดการทีมตลอดทั้งฤดูกาลที่ผ่านมา ซึ่งในต่างประเทศเวลาที่บอลลีกซึ่งห้ำหั่นกันตลอดทั้งปีจบลง มักจะมีการสรุปผลงานในรูปแบบของการมอบรางวัลยอดเยี่ยมต่างๆ อย่างระดับโลกมีรางวัลบัลลงดอร์ ที่เป็นความฝันของนักเตะทั้งโลกที่จะได้สัมผัสสักครั้ง รางวัลเหล่านี้ไม่มีเงินทองให้แต่สร้างความภาคภูมิใจแบบครั้งหนึ่งในชีวิต





การจัดงานมอบรางวัลแบบนี้ถ้าไม่ใช่องค์กรอย่าง สมาคมฟุตบอลฯ, บริษัทไทยพรีเมียร์ลีก จัดขึ้นก็น่าจะเป็นหน่วยงานเอกชน หรือ สื่อที่มีความพร้อมลงมือจัดขึ้นสักครั้งเพื่อเป็นบรรทัดฐานของวงการฟุตบอลเมืองไทย





ผมเคยไปร่วมงานมอบรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของประเทศในอาเซียนมา 2 แห่งที่สิงคโปร์ ใช้ชื่องานว่า เอสลีก อวอร์ดส์ ที่เวียดนามชื่องาน โกลเดนบอล





ทั้ง 2 งานจัดในรูปแบบคล้ายๆกันที่สิงคโปร์จัดในห้องส่งของสถานีโทรทัศน์แห่งหนึ่ง มีการประกาศรางวัลนักเตะยอดเยี่ยมเอสลีก, ดาวซัลโว, ทีมยอดเยี่ยม, นักเตะที่ได้รับความนิยมจากแฟนบอลที่ใช้โหวตทางอินเทอร์เน็ต ที่เวียดนามจัดขึ้นที่หอประชุมแห่งหนึ่งมีการถ่ายทอดทางโทรทัศน์เหมือนกัน รางวัลก็คล้ายๆ กันมีทีมชาย-หญิงยอดเยี่ยม, นักเตะยอดเยี่ยมประจำปี, ดาวซัลโว ประมาณนี้





ประเทศเพื่อนบ้านของเราจัดงานลักษณะนี้จนกลายเป็นประเพณีไปเลยว่าหลังลีกจบลงสัก 1 สัปดาห์ บรรดานักเตะ, โค้ชทีมสโมสรต่างๆ เตรียมลุ้นรางวัลกันว่าใครจะได้รางวัลอะไรบ้าง พอวันงานมาถึงนักเตะก็จะใส่สูทหล่อๆเต็มยศพาครอบครัวลูกเมียไปร่วมงานกาลาดินเนอร์ รับมอบรางวัล สื่อทุกสื่อก็จะไปรวมตัวกันที่นั่น เป็นความภาคภูมิใจของพวกเขาที่เหน็ดเหนื่อยมาตลอดทั้งปี ทั้งสองที่จัดได้อบอุ่น น่าประทับใจมาก





ถ้าจำไม่ผิดนักเตะไทยเราเคยได้รับรางวัลจาก 2 ประเทศนี้ 3 คน สุรชัย จตุรภัทรพงศ์ กับ เทิดศักดิ์ ใจมั่น เคยได้เอสลีก อวอร์ดส์ และ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง เคยได้รางวัลโกลเดนบอลที่เวียดนาม





ถ้ามีการจัดขึ้นผมว่าค่าใช้จ่ายต่างๆก็ไม่ได้มากมายนัก เราจัดแบบง่ายๆเป็นกันเอง เป็นการชื่นชมในหมู่ครอบครัวฟุตบอลไทยของเรา สปอนเซอร์เรื่องรางวัลต่างๆ ก็น่าจะหาได้ เป็นการสร้างฟุตบอลไทยพรีเมียร์ลีกให้มีสตอรี่ มีเรื่องราวที่สมบูรณ์แบบมากขึ้น





แต่เมื่อไม่มีการจัดขึ้นผมขอนุญาต เลือกโกลเดนบอล ในมุมมองของผมละกันทีมยอดเยี่ยม แน่นอนต้องยกให้ทีมแชมป์อย่างเมืองทองฯ ยูไนเต็ด ผลงานชัดเจน 3 ปี 3 แชมป์





นักเตะยอดเยี่ยม ผมให้ ซูมาโฮโร่ ยาย่า ดาวเตะเมืองทอง ที่มีสีสันและสร้างผลงานให้กับทีมอย่างเป็นชิ้นเป็นอัน





โค้ชยอดเยี่ยม แน่นอนตามผลงานของทีมก็ต้อง อรรถพล ปุษปาคม ดาวซัลโว อานนท์ สังสระน้อย ซิวไปตามผลงาน สโมสรพัฒนายอดเยี่ยม เอาไปเลยในแง่ของการบริหารจัดการและพัฒนาสู่อาชีพ ราชนาวี-ระยอง


 

นักเตะดาวรุ่ง ตัดสินยากเหลือเกินระหว่าง จีระวัฒน์ มัคคะรมย์ ของท่าเรือ กับ กวิน ธรรมสัจจานันท์ ของเมืองทองฯ สุดท้ายฟันธงให้จีระวัฒน์ละกัน





รางวัลยอดเยี่ยมแต่ละตำแหน่ง ผู้รักษาประตูยอดเยี่ยม กวิน ธรรมสัจจานันท์ (เมืองทองฯ), กองหลังยอดเยี่ยม ณัฐพร พันธุ์ฤทธิ์ (เมืองทองฯ), กองกลางยอดเยี่ยม อาทิตย์ สุนทรพิธ (ชลบุรี), กองหน้ายอดเยี่ยม ธีรศิลป์ แดงดา (เมืองทองฯ)





นอกจากรางวัลที่ผมว่ามาแล้ว บ้านเราก็น่าจะมีการคัดเลือกผู้ตัดสินยอดเยี่ยม เพื่อเป็นกำลังใจให้กับสิงห์เชิ้ตดำที่ทำหน้าที่ได้ดี หลังจากรับก้อนอิฐมาตลอดทั้งปีแล้วก็ควรจะมีดอกไม้ให้บ้าง นักเตะฟุตซอลยอดเยี่ยม นักฟุตบอลหญิงยอดเยี่ยม ฯลฯ





ผู้คนเหล่านี้ล้วนแล้วแต่เป็นส่วนหนึ่งของวงการฟุตบอลไทย เป็นส่วนหนึ่งของลีกบ้านเราตลอดทั้งปีที่ผ่านมา ผมฝันอยากจะเห็นงานแบบนี้เกิดขึ้นสักครั้งในเมืองไทย ถ้าปีนี้ไม่ทันปีหน้าก็ได้ครับ





คนเราบางที เงินก็ไม่สำคัญไปกว่า กล่อง...เกียรติยศ ความภูมิใจเงินหาซื้อไม่ได้เสมอไป

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์