บราซิลกับสิ่งที่ต้องพิสูจน์

ฟุตบอลคอนเฟดเดอเรชันส์ คัพ 2009 กำลังจะเดินทางมาถึงจุดสิ้นสุดแล้ว ซึ่งคู่ชิงชนะเลิศในครั้งนี้เป็นการหวนกลับมาเจอกันอีกครั้งของแชมป์เก่า บราซิล กับสหรัฐอเมริกา ที่พาตัวเองมาถึงจุดนี้ได้แบบที่ไม่มีใครอยากเชื่อ



อย่างไรก็ดีในนัดชิงที่จะจัดกันที่สนาม โคคา-โคลา ปาร์ค หรือ เอลลิส ปาร์ค ทุกคนก็เชื่อว่า บราซิล ไม่น่าจะมีปัญหาในการ สอนบอล สหรัฐฯ เหมือนที่อัดมา 3-0 ในรอบแรก


ยิ่งดุงก้า ได้เห็นบทเรียนจากความพ่ายแพ้แบบช็อกโลกของสเปน ที่โดนหักเขาหยุดสถิติไร้พ่ายตลอดกาลเอาไว้ที่ 35 นัด ย่อมเชื่อได้ว่าอย่างไรเสีย บราซิล คงไม่ยอมพลาดแบบหมูๆเช่นนั้นแน่


แต่ด้วยความเคารพต่อสหรัฐฯ ทีมของบ็อบ แบรดลีย์ ก็ดูจะเริ่มมาถูกทางเหมือนกัน และน่าจะหาทางหนีทีไล่ไม่ให้โดนต้อนตือกันเหมือนในเกมนัดแรกที่พบกันในรอบแบ่งกลุ่ม


นัดนั้น บราซิล เหนือกว่าทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของทักษะการเล่น (แน่นอนอยู่แล้ว!) ระบบการเล่น และความแข็งแกร่งของนักเตะบราซิล ที่บดขยี้จนนักเตะจากแดนคาวบอยกลายเป็นเด็กอมมือ


รวมถึงประเด็นสำคัญที่สุดสำหรับเกมวันนั้นคือการที่นักเตะ สหรัฐฯ เกิดอาการ หงอ นักเตะแซมบ้าขึ้นมาจนทำให้แข้งขาอ่อนไปหมด


ตรงนี้ก็ต้องดูกันว่าเมื่อ สหรัฐฯ กลับมามี ความมั่นใจ อีกครั้ง จะทำให้มี อเมริกันดรีม ภาคสอง ได้หรือเปล่า?


อันนั้นก็ว่ากันไป


แต่สำหรับบราซิล พวกเขามีงานใหญ่ที่ต้องทำมากกว่าแค่การกำราบบอลได้ใจอย่าง สหรัฐฯ ให้แดดิ้นในนัดชิงคอนเฟดฯ


โทรฟี่ใบนี้มันแค่ของรางวัลปลอบใจสำหรับทีมใหญ่อย่างพวกเขา


เวลานี้ค่อนข้างชัดเจนว่า ดุงก้า ได้ค้นพบ ทีม ที่เขาจะใช้งานในฟุตบอลโลกปีหน้าแล้ว และค้นพบระบบการเล่นที่สมบูรณ์สำหรับทีมบราซิล ชุดนี้


ลืมคำว่า 4 มหัศจรรย์ เหมือนในฟุตบอลโลก 3 ปีก่อนได้เลย เพราะตอนนี้ระบบการเล่นแบบ 4-2-3-1 คือคำตอบสำหรับทีมชาติบราซิล ที่ลงตัวที่สุดทั้งแนวรับและแนวรุก


การค้นพบที่สำคัญของ ดุงก้า อยู่ที่การค้นพบว่า เฟลิเป้ เมโล่ และ รามิเรซ คือสองนักเตะใหม่ที่จะเข้ามาเติมเต็มทีมได้อย่างดี


ความจริงแล้วในระบบ 4-2-3-1 ของบราซิล มันไม่เชิงจะเป็นระบบ 4-2-3-1 เหมือนที่เป็นกระแสนิยมของทีมส่วนใหญ่ทั่วโลก ที่จะมีคู่กองกลางตัวรับยืนเป็น หน้าด่าน ให้แนวรับและปล่อยหน้าที่ในการทำเกมให้กับอีก 3 เพลย์เมคเกอร์คอยเดินเกมไป


โจนาธาน วิลสัน นักเขียนชื่อดังของอังกฤษ วิเคราะห์เอาไว้ว่าระบบ 4-2-3-1 ของบราซิล ดูจะเป็นระบบ ไดมอนด์ มากกว่า โดยที่จอมเก๋า จิลแบร์โต้ ซิลวา จะยืนเป็น กันชน หน้าแผงกองหลังให้


ขณะที่ เฟลิเป้ เมโล่ กับ รามิเรซ จะเขยิบสูงขึ้นไปในอีกระนาบหนึ่ง โดย เมโล่ จะยืนอยู่ทางซ้าย และรามิเรซ จะยืนอยู่ทางขวา ซึ่งสองคนนี้ก็จะไม่ได้ยืนเสมอกันเสียทีเดียว คล้ายๆกับว่าถ้านับ จิลแบร์โต้ เป็นเลข 1 เมโล่ ก็จะกระเถิบไปอีกนิดแล้วนับ 2 ส่วนรามิเรซ ก็จะนับ 3


หรือพูดให้ง่ายกว่านั้นคือการนับ 1-2-3 ที่ว่านี้คือการเริ่มนับของกองกลางที่เป็นตัวรับแท้ๆอย่าง จิลแบร์โต้ ไปที่ เมโล่ ซึ่งเป็นกองกลางตัวรับแต่มีความสามารถในการพาบอลขึ้นไปเล่นเองได้ด้วยเป็น ก่อนจะต่อด้วย รามิเรซ ที่เป็นตัวรุกแต่สามารถเล่นเกมรับได้ด้วย


ส่วนเลข 4 คือ กาก้า ที่เป็นศูนย์กลางในเกมรุกของทีม ซึ่งมีอิสระที่จะสามารถไปที่ไหนในสนามก็ได้ ขณะที่โรบินโญ่ จะยืนอยู่ริมเส้นฝั่งซ้าย ไว้ใช้ในเกมโต้กลับเร็วเป็นหลัก


ด้วยระบบนี้ ได้เติมเต็มความแข็งแกร่งในแนวรับของบราซิล ให้มีความเหนียวแน่นขึ้น ทำให้ ลูซิโอ กับคู่กองหลังไม่ว่าจะเป็น ฮวน หรือลุยเซา ไม่ต้องเจองานหนักเกินไป และโชคดีที่ พ.ศ.นี้ บราซิล มีจอมหนึบอย่าง ชูลิโอ เซซาร์ ช่วยเฝ้าเสาด้วย ทำให้โดนเจาะตาข่ายยากยิ่งขึ้น


แต่ขณะเดียวกัน มันก็ดูมองว่าเป็นการลดทอนความน่าอัศจรรย์ใจในเกมรุกไป โดยเวลานี้บราซิล เหลือสีสันในเกมรุกแบบจัดจ้านแค่จาก กาก้า และโรบินโญ่ ที่เป็นสองตัวเดินเกมสำคัญเท่านั้น ซึ่งถ้าสองคนนี้เล่นไม่ออก ต่อให้เป็นแซมบ้าก็เถอะ งานเข้า ได้เหมือนกัน


เพราะกองหน้าที่มีในทีมไม่ว่าจะเป็น หลุยส์ ฟาเบียโน่, อเล็กซานเดร ปาโต้ หรือนิลมาร์ ไม่มีความสามารถที่จะเดินเกมได้ด้วยตัวเอง


ส่วนนักเตะแดนกลางรายอื่นๆส่วนใหญ่ ก็ไม่ค่อยมี จินตนาการ ในการเล่นเท่าไหร่ ส่วนใหญ่จะเน้นหนักไปที่ความแข็งแกร่ง เฉียบขาดมากกว่า ไม่ว่าจะเป็น ชูลิโอ บาปติสต้า, เคลแบร์สัน, เอลาโน่ หรือ โจซูเอ


งานใหญ่สำหรับดุงก้า ที่จะต้องทำหลังจากจบคอนเฟดฯ หนนี้ ไม่ว่าทีมจะเป็นแชมป์หรือไม่ก็ตามก็คือการหาส่วนผสมที่ลงตัวมากกว่านี้


อาจจะต้องมีการเติมนักเตะอย่าง ดีเอโก้ หรือ อเล็กซ์ (คนละคนกับกองหลังแข้งโหดของเชลซี) เข้ามาบ้าง


อย่างไรก็ตาม เรารู้แล้วว่าบราซิล ชุดนี้ดีและใกล้เคียงกับความสมบูรณ์แบบ และเหลือเศษอีกเล็กน้อยที่ ดุงก้า จะต้องค้นหาคำตอบให้ได้


เพื่อแชมป์โลกสมัยที่ 6 ในปีหน้า ที่พวกเขาต้องการสัมผัสมันอีกครั้ง


ข่าวจาก MSN FOOTBALL

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์