“นับถอยหลัง” พิพากษาคดีประวัติศาสตร์

“นับถอยหลัง” พิพากษาคดีประวัติศาสตร์ “ ใครฆ่าห้างทอง ”

ศึกสายเลือดตระกูล 'ธรรมวัฒนะ'!ศาลยกฟ้อง 'นพดล' คดีฆ่า 'ห้างทอง'

ศาลอาญา มีคำพิพากษาคดีการเสียชีวิตของ นายห้างทอง ธรรมวัฒนะ อดีต ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชากรไทย ให้ยกฟ้อง นายนพดล ธรรมวัฒนะ น้องชายร่วมสายเลือด ที่ตกเป็นจำเลยว่าฆ่าพี่ชายตนเอง เนื่องจากศาลเห็นว่าหลักฐานของโจทก์ขัดแย้งกันเอง ไม่ชัดเจน ไม่มีน้ำหนักเพียงพอให้เชื่อได้ว่าการเสียชีวิตของผู้ตายเกิดจากการฆาตกรรม

ถือเป็นการปิดฉากคดีอันสลับซับซ้อนซ่อนเงื่อนมากที่สุดคดีหนึ่งใน ประวัติศาสตร์การพิจารณาคดีที่เข้าสู่กระบวนการยุติธรรมเมืองไทย !!

ด้วยคดีที่มีผู้คนมากมายเข้ามาเกี่ยวข้อง ทั้งพี่น้อง เขย สะใภ้ นายตำรวจ ผู้จัดการมรดก แพทย์ ฯลฯ ร่วมโลดแล่นอยู่ใน “แผ่นฟิล์มชีวิต” ที่คนเขียนบทกำหนดให้เป็นหนังแนวฆาต กรรมสยองขวัญ สุดท้ายพระเอกตายตอนจบ จึงมีคนเปรียบเปรยเรื่องราวของตระกูล “ธรรมวัฒนะ” ดั่งนวนิยายเรื่องหนึ่ง ซึ่งน่าติดตามยิ่งกว่ามหากาพย์ฟอร์มยักษ์หลายภาคจบเสียอีก

ปมการเสียชีวิตของนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ ที่ถูกนำไปโยงกับมรดกเลือดของตระกูล “ธรรมวัฒนะ” อุบัติขึ้นเมื่อ 8 ปีก่อน เมื่อเวลา 03.35 น.ของวันที่ 6 กันยายน 2542 เสียงปืนดังสนั่นหวั่นไหวขึ้นภายใน “บ้านธรรมวัฒนะ” ตั้งอยู่ข้างตลาดยิ่งเจริญ ย่านสะพานใหม่ เลขที่ 299/9 หมู่ 7 ถนนพหลโยธิน แขวงอนุสาวรีย์ เขตบางเขน กรุงเทพมหานคร เมื่อตำรวจ สน.บางเขน ไปถึง ก็พบร่างไร้วิญญาณของนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ เสียชีวิตอยู่บนเก้าอี้ไม้บุผ้าสีฟ้า สภาพแรกที่พบศพ “ห้างทอง” อยู่ในท่ากึ่งนั่งกึ่งนอน ศีรษะห้อยพาดอยู่กับขอบพนักพิงเก้าอี้ ปลายขาทั้งสองข้างชี้เหยียด ตรงไปข้างหน้า ลำตัวพาดอยู่บนเก้าอี้ แขนซ้ายวางพาดอยู่บริเวณเท้าแขนข้างลำตัว แขนขวาวางพาดอยู่กลางลำตัว มือขวาแตะกุมด้ามอาวุธปืนแบบรีวอลเวอร์ .38 สีดำ 1 กระบอก ซึ่งห้อยอยู่บนด้านหน้าโคนขาซ้าย ศีรษะมีรอยกระสุนปืน

ทีมสืบสวนชุดแรก ภายใต้การควบคุมดูแลของ พล.ต.อ.พรศักดิ์ ดุรงควิบูลย์ รอง ผบ.ตร. พล.ต.ท.สมบัติ อมรวิวัฒน์ ผู้ช่วย ผบ.ตร. พล.ต.ท.วรรณรัตน์ คชรักษ์ ผบช.น. พล.ต.ต.จงรัก จุฑานนท์ รอง ผบช.น. พล.ต.ต.จักรทิพย์ กุญชร ณ อยุธยา ผู้ช่วย ผบช.น. (ยศและตำแหน่งในขณะนั้น) ได้สืบสวนสอบสวน นำพยานบุคคล และพยานหลักฐาน ผลการตรวจที่เกิดเหตุของกองพิสูจน์หลักฐาน และผลการชันสูตรศพของสถาบันนิติเวชวิทยามาประกอบการพิจารณา ก่อนปิดสำนวนลง โดยสรุปว่า “เป็นการกระทำอัตวินิบาตกรรม” หรือการฆ่าตัวตายด้วยอาวุธปืนที่อยู่ในที่เกิดเหตุ !!

อย่างไรก็ตาม การตายของ “ห้างทอง” ไม่ใช่ศพแรกของตระกูลธรรมวัฒนะ แต่เป็นศพที่ 4 ที่ต้องสังเวยมรดกเลือด หลังจากศพแรกเกิดขึ้นเมื่อวันที่ 30 กันยายน 2525 น.ส.กุสุมา ธรรมวัฒนะ น้องสาวของนายห้างทอง ถูกลอบยิงเสียชีวิต ต่อมาวันที่ 6 พฤษภาคม 2533 นางนัยนา ตามประกอบ น้องสาวคนที่ 6 ถูกอุ้มไปฆ่าอย่างทารุณถึง จ.กาญจนบุรี ปีถัดมา “ผู้ใหญ่แดง” นายเทอดชัย ธรรมวัฒนะ พี่ชายคนโตของตระกูล ก็ถูกอุ้มหายไปในวันที่ 25 สิงหาคม 2534 ทำให้ทายาทกองมรดก “ธรรมวัฒนะ” ที่เหลือทุกคน ต่างภาวนาให้ “ห้างทอง” เป็นศพสุดท้าย และขอให้คำสาปร้ายที่เกิดกับตระกูลจบสิ้นลงเสียที

เรื่องราวของตระกูลธรรมวัฒนะเริ่มเลือนหายไปจากความสนใจของผู้คน แต่แล้วคดีก็ถูกรื้อออกมาพิสูจน์หาความจริงอีกครั้ง เมื่อ นางนฤมล มังกรพาณิชย์ น้องสาวนายห้าง ทอง ต้องการจะขอพระราชทานเพลิงศพให้พี่ชาย แต่ในกรณีการฆ่าตัวตายจะไม่สามารถดำเนินการได้ นางนฤมลจึงได้ขอให้ ดร.เอ เดรียน แม็ททิว ทอนตัน ลินาเคอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านดีเอ็นเอทางคราบเลือดจากประเทศอังกฤษ มาตรวจสอบภาพถ่ายสภาพศพของ นายห้างทองก่อนถูกเคลื่อนย้าย และ ดร.เอ เดรียนได้ฟันธงว่า “ห้างทอง” ถูกฆาตกรรม

เมื่อความเห็นของผู้เชี่ยวชาญฟากอังกฤษ สวนทางกับการสรุปสำนวนของตำรวจไทย ผู้คนในสังคมจึงเริ่มหันกลับมามองคดีนี้อีกครั้ง คณะกรรมการสืบสวนกรณีการเสียชีวิตของนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ ถูกตั้งขึ้นใหม่ โดยหัวหน้าทีมคนสำคัญคือ พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผู้บังคับการกองปราบปราม ในขณะนั้น และ แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รักษาการผู้อำนวยการสำนักงานนิติวิทยาศาสตร์

การผ่าพิสูจน์ศพ “ห้างทอง” ครั้งที่ 2 เกิดขึ้นเมื่อวันที่ 16 พฤศจิกายน 2547 โดยทีมแพทย์ชุดผ่าพิสูจน์ สรุปความเห็นว่าพบพิรุธ หลายประการ ทั้งประเด็น การกระเซ็นของหยดเลือด การตกของอาวุธปืน เศษอาหารที่หลงเหลืออยู่ในกระเพาะอาหาร พฤติการณ์ของนายห้างทองก่อนตาย พฤติการณ์การเก็บหลักฐานของชุดสอบสวนเก่า การเร่งปิดสำนวนคดี การทดลองยิงกะโหลกจำลองพิสูจน์วิถีกระสุน ฯลฯ ทั้งหลายทั้งปวง ทำให้ทีมสืบสวนชุดที่ 2 เชื่อว่าการตายของ “ห้างทอง” มีเงื่อนงำ เป็นฆาตกรรมอำพราง และผู้ต้องสงสัยมากที่สุดก็หนีไม่พ้นบุคคล ที่อยู่กับ “ห้างทอง” เป็นคนสุดท้าย!!

นั่นคือ นายนพดล ธรรมวัฒนะ น้องชายร่วมสายเลือดเดียวกัน ที่ยืนยันมาตลอดว่า “พี่ห้างทอง” เครียดจัด จนต้องลงมือปลิดชีพตัวเอง !!?

วันที่ 31 ตุลาคม 2546 พนักงานสอบสวนกองปราบปรามขออนุมัติศาลออกหมายจับนายนพดล ธรรมวัฒนะ ในคดีฆาต กรรมนายห้างทอง ท่ามกลางการปฏิเสธเสียงแข็งของเจ้าตัว และยิ่งเพิ่มความสงสัยของประชาชนเข้าไปอีก เมื่อนายจังหวัด ธรรมวัฒนะ บุตรชายของ “ห้างทอง” ออกมายืดอก ออกตัวแทน “นพดล” ว่า อาตัวเองไม่ได้ฆ่าพ่อ จากนั้นไม่นาน “จังหวัด” ได้ยื่นเรื่องขอถอดถอนนายปริญญา ธรรมวัฒนะ นางนฤมล มังกรพาณิชย์ และนางคนึงนิตย์ ธรรมวัฒนะ ผู้เป็นทั้งน้าและอาของตนเอง แต่เป็นพี่น้องฝ่ายตรงข้ามนายนพดล ออกจากการเป็นผู้จัดการมรดก และระงับการขอพระราชทานเพลิงศพพ่อบังเกิดเกล้า

เรื่องราวเริ่มเขม็งเกลียวมากขึ้น เมื่อการสืบสวนความจริงการเสียชีวิตของ “ห้างทอง” ก็เป็นจุดเริ่มต้นของปมขัดแย้งระหว่าง “คุณหญิงพรทิพย์” กับนายนพดล ต่อมานายนพดล ได้ยื่นฟ้อง “คุณหญิงหมอ” ทั้งคดีหมิ่นประมาท และเรื่องจรรยาบรรณแพทย์อีกหลายคดี

ต่อมาวันที่ 23 มกราคม 2547 นายนพดลถูกอัยการยื่นฟ้องเป็นจำเลยต่อศาลอาญา ฐานฆ่านายห้างทอง พี่ชายตนเองโดยเจตนาและไตร่ตรองไว้ก่อน โดยในการนำสืบพยานของฝ่ายโจทก์พนักงานอัยการนำพยานหลายสิบปาก รวมทั้ง ดร.เอเดรียน แพทย์หญิงคุณหญิงพรทิพย์ พนักงานสอบสวนกองปราบปราม รวมทั้งนางนฤมล มังกรพาณิชย์ นายปริญญา ธรรมวัฒนะ และนางมัลลิการ์ หลีระพันธ์ ขึ้นเบิกความต่อศาล เพื่อพิสูจน์ความผิดนายนพดล โดยใช้พยานหลักฐานซึ่งเป็นผลพิสูจน์ทางนิติวิทยาศาสตร์เป็นหลัก เพื่อชี้ให้ศาลเชื่อว่าการเสียชีวิตของ “ห้างทอง” เกิดขึ้นจากการฆาต กรรม

ขณะที่ฝ่ายนายนพดล ก็นำสืบต่อสู้ด้วยวิธีการทางนิติวิทยาศาสตร์เช่นกัน จนนำมาสู่การผ่าพิสูจน์ศพ “ห้างทอง” อีกเป็นครั้งที่ 3 เมื่อวันที่ 11 มกราคม 2549 ด้วยฝีมือของทีมแพทย์นิติเวชผู้ชำนาญการจากหลากหลายสถาบัน ซึ่งบทสรุปการผ่าพิสูจน์ครั้งนี้ คณะแพทย์เห็นว่าการตายของ “ห้างทอง” ไม่ใช่การฆาตกรรม นอกจากนี้จำเลยยังมีพยานปากสำคัญ คือ ดร.เฮนรี่ ลี ผู้เชี่ยวชาญด้านคราบเลือดจากประเทศสหรัฐอเมริกา เบิกความหักล้างผลการวิเคราะห์ของดร.เอเดรียน อีกด้วย โดยการสืบพยานโจทก์ และจำเลยในคดีนี้ใช้เวลายาวนานกว่า 3 ปี

8 ปีเต็มกับการเสียชีวิตปริศนาของ “ห้างทอง” ศพต้องถูกแช่แข็งอยู่ในโลงเย็นเพื่อรอการผ่าพิสูจน์ถึง 3 รอบ และได้รับพระราชทานเพลิงศพเมื่อวันที่ 19 พฤศจิกายน 2549 ในที่สุดปริศนาที่ว่า ใครฆ่าห้างทอง? หรือเขาเป็นผู้ปลิดชีพตนเอง? ศาลยุติธรรมก็ได้มอบคำตอบให้กับสังคมแล้ว ส่วนพนักงานอัยการจะยื่นคดีอุทธรณ์หรือไม่? แล้วผลจะลงเอยอย่างไร? ก็คงต้องติดตามในมหากาพย์เรื่องยาวนี้ในภาคต่อไป!!.


**นายห้างทองไม่ได้ยิงตัวตาย

สาเหตุที่ทำให้เชื่อว่าเป็นการฆาตกรรมมีข้อสังเกต 13 ประเด็น

1.รอยร้าวที่กลางกระหม่อมยาว 11 เซนติเมตร ที่เกิดจากการทุบด้วยของแข็งก่อนที่จะถูกยิงตาย ซึ่งบาดแผลดังกล่าวตรวจพบในการผ่าชันสูตรศพครั้งที่ 2

2. ตามที่จำเลยอ้างว่าขณะเกิดเหตุเดินไปชงอาหารเสริมเนสวีต้า ห่างจากจุดเกิดเหตุประมาณ 15 เมตร จำเลยได้ยินเสียงคล้ายประทัด ใช้เวลาเดินกลับมาที่จุดเกิดเหตุประมาณ 40 วินาที ซึ่งเจ้าหน้าที่ตำรวจได้ทดลองยิงปืนในห้องเพื่อจำลองภาพ ปรากฏว่าได้ยินเสียงปืนดังชัดเจน แสดงว่าจำเลยให้การไม่ตรงกับความจริง

3. พบเขม่าดินปืนที่หลังมือผู้ตายน้อยกว่าในฝ่ามือ ซึ่งถือว่าเป็นเรื่องที่ผิดปกติ แสดงว่านายห้างทองไม่ได้กำปืนยิงตัวเอง

4. หลังนายห้างทองเสียชีวิต เขม่าปืนจะกระจายไปทั่วห้อง เมื่อตรวจคราบเขม่าที่มือจำเลย พบว่ามีจำนวนน้อยกว่าปกติ แสดงว่ามีการชำระล้างเพื่อทำลายหลักฐาน

5. เมื่อแกนสมองถูกทำลาย ปืนจะต้องล่วงลงพื้น ไม่ใช่กำปืนไว้

6. รอยคราบเลือดที่ผิดธรรมชาติ ทั้งที่ หน้าผาก ข้อพับแขนซ้าย และที่มือซ้ายของผู้ตายคล้ายกับมีคนไปสัมผัส

7. คราบเลือดที่พบบนพรมด้านซ้ายไม่สามารถระบุที่มาได้ อาจเกิดจากการที่บุคคลอื่นเข้าไปจัดศพแล้วเหยียบย่ำลงบนพรม

8. เลือดที่พบด้านซ้ายมีจำนวน 40-100 ซีซี ต้องใช้เวลาประมาณ 4-5 นาที แต่จำเลยใช้เวลาเดินไปพบศพเพียง 40 วินาที จึงไม่ตรงกับข้อเท็จจริง

9. เศษอาหารในกระเพาะอาหารของนายห้างทอง พบเพียงเศษส้มเช้ง แต่ไม่พบเศษบะหมี่กึ่งสำเร็จรูป หรือชมพู่ ตามที่จำเลยอ้างว่านายห้างทองรับประทานเข้าไปก่อนเสียชีวิต

10. รอยนิ้วมือแฝงของบุคคลอื่นที่ขวดน้ำเปล่า จากการตรวจรอยนิ้วมือของพยานที่เกี่ยวข้องแล้วไม่ตรงกับใครเลย

11. พบรอยนิ้วมือของผู้ตายและจำเลยที่กระป๋องโค้กของผู้ตาย แต่น้ำในกระป๋องมีอยู่เต็ม แสดงว่ามีการสร้างหลักฐาน

12. ท่านั่งของนายห้างทองหลังถูกยิง เป็นท่าที่ผิดปกติ เอนตัวไปด้านหลัง แล้วเหยียดขาไปข้างหน้า ทั้งที่ก่อนเกิดเหตุ จำเลยเห็นนายห้างทองนั่งอยู่ในท่าปกติ

13.จำเลย (นายนพดล)อ้างว่าเปิดประตูเข้าไปในห้อง เห็นศพของนายห้างทองจึงร้องตะโกนบอกคนในบ้านว่านายห้างทองยิงตัวตาย ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้เดินเข้าไปดูศพอย่างใกล้ชิด แล้วทราบได้อย่างไรว่านายห้างทองยิงตัวตาย




เอเดรียนยันผลพิสูจน์ห้างทองถูกฆ่า

วันเดียวกัน เมื่อเวลา 14.00 น. ดร.เอเดรียน แม็ทธิว ทอนตัน ลินาเคอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านคราบเลือดชาวสก็อตแลนด์ และพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รองผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ เดินทางมาให้สัมภาษณ์ในรายการ คมชัดลึก ออกอากาศทางช่องทีทีวี 1 โดยมีนายสุทธิชัย หยุ่น รับหน้าที่เป็นผู้ดำเนินรายการ ซึ่งการสัมภาษณ์ดำเนินไปอย่างเป็นกันเองโดยใช้เวลากว่า 2 ชั่วโมง

ด้าน ดร.เอเดรียน กล่าวว่า หลังจากที่ได้รับภาพถ่ายจากพ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ ได้ทำการวิเคราะห์ลักษณะการกระจายตัวของเลือดจากรูปถ่าย ซึ่งเป็นรูปถ่ายที่สมบูรณ์ทีเดียว ทั้งนี้ การวิเคราะห์คราบเลือด การกระจายตัวของเลือดเป็นหลักการทางฟิสิกซ์ และจากการที่ได้ดูจากรูปถ่ายแล้วก็สามารถสรุปได้ว่านายห้างทางไม่ได้ฆ่าตัวตาย โดยไม่ต้องไปดูศพ หรือสถานที่เกิดเหตุจริง

การกระจายตัวของเลือดในที่เกิดเหตุขัดกับหลักแรงโน้มถ่วงของโลก โดยเฉพาะบริเวณเลือดทางด้านหัวไหล่ เพราะนายห้างทอง นอนศรีษะหงายไปด้านหลังเลือดจะไหลมาด้านหน้าไม่ได้ ต้องไหลตามแรงโน้มถ่วงของโลก ส่วนปืนนั้นก็ถูกนำมาวางอยู่บนตักเพราะรอยเลือดที่อยู่บริเวณปืนมีลักษณะที่แตกต่างไปจาการการกระเซ็นจากแรงกด ดร.เอเดรียน กล่าว








หมอพรทิพย์ ยันห้างทองถูกตีกะหม่อมก่อนถูกยิง
พ.ญ. คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ ยืนยันกรณีพบรอยกระแทกบนกะโหลกศีรษะของนายห้างทอง ว่า จากการผ่าชันสูตรศพนายห้างทองครั้งแรกก็พบว่า มีรอยร้าวเกิดขึ้นบริเวณกะหม่อมกลางกะโหลก เป็นแนวยาวตามขวางกะโหลก ก่อนที่จะเริ่มมีการผ่ากะโหลกไม่ใช่เป็นรอยร้าวที่เป็นผลมาจากอุบัติเหตุในการผ่าชันสูตรของแพทย์ ซึ่งปกติในการยิงปืนฆ่าตัวตาย ลูกกระสุนจะพุ่งเจาะกะโหลกแตกเไปเรื่อยๆ จนหมดอำนาจการทำลาย เว้นแต่ว่าจะพุ่งไปชนรอยแตกหรือรอยแยกของวัตถุที่เกิดขึ้นตัดขวางทิศทางยิง กระสุนลูกปืนจะหยุดนิ่ง ซึ่งในกรณีกะโหลกของนายห้างทอง เป็นกรณีที่สอง คือ เราพบว่า รอยแตกจากกระสุนลูกปรายหยุดนิ่งอยู่บริเวณรอยแตกร้าวกลางศีรษะ ดังนั้นถ้าบอกว่า เป็นการงัดแตกจึงไม่ใช่ เพราะการงัดกะโหลกเกิดขึ้นทีหลังยิง นอกจากนี้ เรายังพบรอยช้ำที่หนังศีรษะ ซึ่งเป็นรอยถูกตีด้วยวัตถุของแข็งไม่มีคม สามารถพบเห็นได้ชัดเจนเมื่อถลกหนังศีรษะออกมา
รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ กล่าวว่า สาเหตุที่ การผ่าชันสูตรครั้งแรกไม่พบ รอยแตกของกะโหลกและรอยช้ำที่หนังศีรษะ ก็เพราะ การชันสูตรครั้งนั้นมุ่งที่ประเด็นการฆ่าตัวตายทำให้มีการมองข้ามรายละเอียดเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ ไป ขณะที่การชันสูตรครั้งที่สองนั้น เรากระทำด้วยความละเอียดทุกขั้นตอน โดยเฉพาะเราได้นำหัวกะโหลกเรซินหัวสุดท้ายมาทำการทดลองด้วยการตีด้วยท่อนไม้หุ้มผ้าลงไปบริเวณกลางกระหม่อมแล้วยิงในทิศทางมุมกดลงกกหูด้านขวา ทแยงลงไปทางไปหน้า ก็พบว่า เป็นรอยร้าวและบาดแผลเดียวกับกะโหลกของนายห้างทองที่เอ็กซเรย์พบ
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตรวจพบรอยบาดแผลถูกตีที่ศีรษะนั้นแสดงว่า นายห้างทองหมดสติก่อนจะถูกฆาตกรรม พ.ญ. คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า ไม่ทราบ เพราะทางสถาบันนิติวิทยาศาสตร์ มีหน้าที่แค่หาและเก็บหลักฐานทางวิทยาศาสตร์ว่า เกิดอะไรขึ้นกับศพบ้าง ส่วนการที่นายห้างทองจะถูกใครตี เพื่อให้สลบ หมดสติ หรือ จะตีเพื่อวัตถุประสงค์อื่นใด ไม่ใช่หน้าที่ของแพทย์นิติเวช แต่เป็นภาระของพนักงานสอบสวนจะต้องค้นหาให้ได้ข้อเท็จจริง แต่เท่าที่ทราบคือ ทางท่านผู้การกองปราบฯ ได้เรียกตัวเจ้าหน้าที่นิติเวช เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐาน และผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์จากภายนอกมาให้สอบปากคำขยายผลเสร็จไปแล้ว ซึ่งทำให้ได้ข้อสรุปชัดเจนมากขึ้น แต่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้
ผู้สื่อข่าวถามอีกว่า ถ้านายห้างทองหมดสติก่อนตาย แสดงว่าต้องมีคนจับมือนายห้างทองยิงหัวตัวเองเพื่ออำพรางคดี พ.ญ. คุณหญิงพรทิพย์ กล่าวว่า จากการชันสูตร เราไม่พบว่า มีใครจับมือนายห้างทอง ส่วนทำไมเขม่าดินปืนนั้นถึงมาจับอยู่ที่มือของนายห้างทองได้นั้นก็เป็นรายละเอียดในสำนวน เปิดเผยได้เพียงอาจจะเกิดจากการจับมือนายห้างทองยิงใส่วัตถุอื่นเพื่อให้มีเขม่าดินปืนติดอยู่ หรือจัดทำขึ้นได้ภายหลังเพราะสารเขม่าดินปืนอย่าง Antimony Barium และตะกั่ว สามารถจะหาได้ง่ายในบรรยากาศทั่วๆ ไป ธรรมดา ในปุ๋ยก็มี ในดินก็มี และปัจจุบันในปืนดีๆ บางทีก็ไม่เหลือเขม่าหลงเหลืออยู่ด้วย

คุ้ยปมมัด'มาเฟีย' บงการสังหารห้างทอง

ทักษิณ ชี้มาเฟียใหญ่บงการฆ่าห้างทอง ห่วงหลักฐานสาวไม่ถึง แฉวันเกิดเหตุ เสธ.คนดังเรียกเคลียร์มีปากเสียงก่อนถูกยิงดับ ระบุ ผู้กองจ๊อด สมุนตัวการเผ่นหนี ตปท. พงศ์เทพ ยันใครพัวพันไม่ไว้หน้า พอใจหลักฐานแน่น ด้านหมอพรทิพย์ยืนกระต่ายขาเดียวฝรั่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ

ในที่สุดการคลี่คลายคดีการเสียชีวิตอย่างมีปริศนาของนายห้างทอง ธรรมวัฒนะ อดีต ส.ส.กทม.พรรคประชากรไทย เมื่อ 4 ปีที่แล้ว ก็มีความชัดเจนแล้วว่าถูกฆาตกรรมและผลพิสูจน์พรมด้วยเครื่องโพลีไลท์ ล่าสุดพบปมปริศนาเป็นรอยลากบนพรม ซึ่งคาดว่า เป็นการจัดฉากฆาตกรรม ทำให้พนักงานสอบสวนต้องเร่งค้นหาหลักฐานเพื่อมัดตัวขบวนการสังหาร

ล่าสุด เมื่อเวลา 10.15 น.วันที่ 29 ต.ค. พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้รับรายงานเบื้องต้นเกี่ยวกับคดีนี้แล้วแต่ยังไม่ใช่รายงานทั้งหมด เพราะว่ายังต้องพิสูจน์ต่อไปอีกเล็กน้อย แต่ว่าดูเบื้องต้นแล้วไม่น่าจะเป็นการฆ่าตัวตายซึ่งตนพูดได้แค่นี้

ชี้แก๊งคนร้ายเป็นผู้มีอิทธิพล

ผู้สื่อข่าวถามว่าการสืบสวนในทางลับของสำนักงานตำรวจแห่งชาติที่สรุปว่านายห้างทองถูกมาตรกรรม พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า ได้รับรายงานทางลับบ้างแล้วพอจะรู้บ้างแต่หลักฐานที่จะสืบสาวไปถึงนั้นยังไม่ค่อยชัดและผลออกมาก็ใกล้เคียงกับคณะทำงานของ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รองผู้อำนวยการสถาบันนิติวิทยาศาสตร์

ส่วนที่มีข่าวว่า มีคนหลายกลุ่มเข้าไปเกี่ยวข้องโดยเฉพาะคนมีสีจะสามารถให้ความปลอดภัยกับฝ่ายต่างๆ ได้หรือไม่ พ.ต.ท.ทักษิณ กล่าวว่า เรื่องของอิทธิพลไม่มีปัญหา มีแต่เรื่องของหลักฐานเพราะมันทิ้งช่วงที่ไม่รู้ว่าจะใช้ในการอ้างอิงต่อศาลได้แค่ไหน แต่การสืบสวนก็พอรู้ว่าอะไรเป็นอะไร ทั้งนี้ในการสืบสวนสอบสวนเราก็พยายามดูตามพยานหลักฐาน

การที่พนักงานสอบสวนและผู้เชี่ยวชาญทางนิติวิทยาศาสตร์ใช้เวลาก็เพราะให้มั่นใจว่าหลักฐานที่ได้มันเพียงพอในการฟ้องผู้ถูกกล่าวหา ไม่เช่นนั้นก็จะเหนื่อย เพราะผู้ต้องสงสัย ค่อนข้างมีพลังพอสมควร ดังนั้นต้องมั่นใจว่าหลักฐานชัดเจน นายกฯ กล่าว

เมื่อถามว่ามีความมั่นใจหรือไม่ที่จะเอาคนผิดมาลงโทษได้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า เราพอรู้แต่กำลังดูว่าจะทำอย่างไรให้หลักฐานสาวถึงตัวผู้กระทำผิด

ผู้สื่อข่าวรายงานจากกองปราบปรามว่า เมื่อค่ำวันที่ 28 ต.ค. พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผบก.ป. ได้เชิญนายนพดล ธรรมวัฒนะ น้องชายนายห้างทอง มาสอบปากคำเพิ่มเติมที่กองปราบปราม โดย พล.ต.ต.โกสินทร์ เปิดเผยว่า เป็นการเชิญนายนพดล มาเพื่อสอบปากคำในประเด็นการนำพรมและโต๊ะแก้วของกลางในที่เกิดเหตุมาตรวจหาคราบเลือด ซึ่งเป็นการสอบสวนตามปกติเท่านั้น

เผย เสธ. คนดังเรียกเคลียร์ก่อนถูกยิงดับ

รายงานข่าวจากกองปราบปรามแจ้งว่า จากการสืบสวนเชิงลึกในช่วงก่อนที่นายห้างทอง จะมาเสียชีวิตภายในบ้านธรรมวัฒะนั้น โดยเฉพาะช่วงเวลาหลังจากที่ทายาทในตระกูลธรรมวัฒนะ ประชุมเคลียร์ปัญหาภายในเสร็จสิ้นและได้แยกย้ายกันไปแล้วพบว่าหลังจากนั้นได้มีผู้ติดต่อเรียกนายห้างทองให้เดินทางกลับมาพบนายทหารระดับ เสธ.คนดังนายหนึ่งที่บ้านธรรมวัฒนะ เพื่อเจรจาตกลงเรื่องอะไรบางอย่าง

จากนั้นนายห้างทอง พร้อมด้วยลูกน้องคนสนิทเดินทางไปถึงที่บ้านธรรมวัฒนะและได้ขึ้นไปที่ห้องที่เกิดเหตุด้วยกันพบว่าภายในห้องนั้นมี เสธ.คนดัง พร้อมด้วยลูกน้องคนสนิทอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งหนึ่งในนั้นคือ นายธาตรี ที่เคยเป็นข่าวถูกขึ้นบัญชีดำยาเสพติดห้ามเข้าประเทศสหรัฐอเมริการวมอยู่ด้วย กำลังนั่งพูดคุยกับคนในตระกูลธรรมวัฒนะคนหนึ่งอยู่ก่อนแล้ว แต่ไม่ทราบว่าเป็นเรื่องอะไร เมื่อนายห้างทอง เข้าไปพบก็ได้พูดคุยกับ เส.ธ คนดังกล่าว และคนในตระกูล โดยพูดคุยกันระหว่างคนทั้งสามถึงขั้นมีปากเสียงกัน และนายห้างทองถูกข่มขู่ให้ตกลงยินยอมอะไรกันบางอย่าง

รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากคนทั้งสามพูดคุยกันได้ไม่นาน เสธ.คนดังกล่าวได้เชิญให้คนอื่นๆ ออกนอกห้องไปให้หมด ยกเว้นลูกน้องของ เสธ. และนายห้างทอง ที่ยังอยู่ภายในห้องซึ่งหลังจากนั้นไม่นานก็มีเสียงปืนดังขึ้นจากในห้องหนึ่งนัด จากนั้นกลุ่มของ เสธ.ได้บอกกับทุกคนก่อนจะเดินทางกลับว่านายห้างทองฆ่าตัวตาย

ผู้กองจ๊อด ใช้ปืนขู่ ห้างทอง

ข่าวแจ้งว่าการสืบสวนในทางลับยังพบว่าในช่วงที่คนทั้งสามกำลังโต้เถียงและเจรจากันอยู่ ซึ่งยังไม่สามารถตกลงกันได้นั้น ก็มี ผู้กองจ๊อด ลูกน้องของ เสธ.เป็นผู้ใช้ปืนพยายามจะข่มขู่นายห้างทอง ก่อนที่เสียงปืนจะดังขึ้นหนึ่งนัด แต่ในส่วนนี้ยังไม่เป็นที่แน่ชัดว่าเป็นการจงใจจ่อยิงหรือเกิดจากอุบัติเหตุปืนลั่น จนต่อมาทาง เสธ.คนดังพร้อมลูกน้องเดินทางออกจากบ้านไปแล้ว จึงได้มีการแจ้งตำรวจท้องที่ให้มาตรวจที่เกิดเหตุ

ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับผู้กองจ๊อดลูกน้องของ เสธ.คนดังกล่าวนั้น จากการสืบสวนทราบว่า อดีตเป็นทหารสังกัดกรมยุทธบริการ และอยู่กลุ่มเดียวกับ ผู้พัน คนดัง ซึ่งภายหลังจากเกิดเหตุแล้ว ได้รับฉายาจากคนในวงการว่า จ๊อดปืนลั่น ปัจจุบันเดินทางไปอยู่ต่างประเทศแล้ว

ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในส่วนของอัยการ และทนายความที่ใกล้ชิดกับคนในตระกูลธรรมวัฒนะ ที่มีการตั้งข้อสงสัยในเรื่องระยะเวลาในการเดินทางจากบ้านพักย่านพุทธมณฑลสาย 2 มายังที่เกิดเหตุที่บ้านธรรมวัฒนะนั้น จากการสอบปากคำเพิ่มเติมกับคนทั้งสองพบว่าทั้งสองให้การสอดคล้องกันและไม่พบความผิดปกติ

พงศ์เทพ ลั่นใครพัวพันไม่ไว้หน้า

ด้านนายพงศ์เทพ เทพกาญจนา รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า กรณีที่มีข่าวว่า คนมีสีเข้าไปเกี่ยวข้อง 5-10 คนนั้น ขณะนี้ยังตอบไม่ได้ ต้องตรวจสอบก่อน อย่างไรก็ตาม การทำงานจะไม่มีการแทรกแซงเด็ดขาด และไม่รู้สึกกังวลใจอะไรเกี่ยวกับคดีดังกล่าว เพราะทุกฝ่ายจับตามองอยู่ อีกทั้งรัฐบาลก็ให้ความสนใจเป็นพิเศษ และขอให้มั่นใจว่า หน่วยงานที่ดูแลได้ทำงานอย่างเต็มที่โปร่งใส หากพบว่าใครอยู่เบื้องหลังก็จะไม่ไว้หน้าและไม่เห็นแก่หน้าใคร

เมื่อถามว่า มีความลำบา กใจหรือไม่หาก ผลออกมาไม่ตรงกับความต้องการของสังคม รมว.ยุติธรรม กล่าวว่า ไม่มีใครลำบากใจ ความจริงต้องเป็นความจริง แต่การทำงานมีหลายหน่วยงานเข้ามาเกี่ยวข้องต้องมีความคิดเห็นและวิธีการทำงานก็แตกต่างกันออกไปเป็นเรื่องปกติ

เมื่อถามอีกว่า มั่นใจแค่ไหนที่จะสามารถจับคนร้ายสังหารนายห้างทองได้ นายพงศ์เทพ กล่าวว่า ขั้นตอนแรกจะต้องสรุปการเสียชีวิตของนายห้างทองเสียก่อน ว่าเป็นการฆาตกรรมหรือการฆ่าตัวตาย ก่อนที่จะดำเนินการขั้นตอนต่อไป หากผลการสอบสวนพบว่านายห้างทอง ไม่ได้ฆ่าตัวตายสามารถนำมาเป็นคดีได้เลย ขณะนี้ยังไม่รู้ว่า ใครเป็นตัวการคงต้องรอให้มีการสอบสวนเสร็จสิ้นก่อน

ประชุมชุดทำงานสรุปเสนอนายกฯ

ช่วงเย็นวันเดียวกัน นายพงศ์เทพ ได้เรียกประชุมเพื่อติดตามความคืบหน้าในการทำงานคณะกรรมการสอบสวนหาสาเหตุการตายของนายห้างทอง โดยมีนายมานิตย์ สุธาพร รองปลัดกระทรวงยุติธรรม พล.ต.ต.โกสินทร์ หินเธาว์ ผู้บังคับการกองปราบปราม นายธาริต เพ็งดิษฐ์ รองอธิบดีกรมสอบสวนคดีพิเศษ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ โรจนสุนันท์ รอง ผอ.สถาบันนิติวิทยาศาสตร์ และ พ.ต.อ.วินัย ทองสอง รอง ผบก.ป. เข้าร่วมประชุม

ก่อนหน้าการประชุมนายมานิตย์ กล่าวว่า คณะกรรมการจะรายงานสรุปประเด็นการเสียชีวิตของนายห้างทองต่อ รมว.ยุติธรรม ซึ่งสามารถสรุปได้ชัดเจนแล้ว และหากเป็นการฆาตกรรมขั้นตอนหลังจากนี้คือ การหาตัวคนร้าย ซึ่งจำเป็นต้องหาหลักฐานที่ชัดเจนและรอบคอบ เนื่องจากคดีนี้สังคมให้ความคาดหวังสูง พยานหลักฐานที่จะนำไปขออนุมัติหมายจับต้องรวบรวมด้วยความระมัดระวังเพื่อไม่ให้เกิดการจับผิดตัว

ย้ำตามลากคอคนร้ายให้ถึงที่สุด

ส่วนที่มีกระแสข่าวว่าทราบตัวคนร้ายบางรายโดยมีบุคคลในกระบวนการยุติธรรมร่วมอยู่ด้วย ในเวลานี้หลักฐานยังไม่ชัดเจนจึงไม่สามารถให้ความเห็นได้ คนในกระบวนการยุติธรรมเองก็มีหลายกลุ่ม ทั้งข้าราชการและนักกฎหมาย แต่ยืนยันว่าไม่ว่าคนร้ายจะเป็นใคร ไม่ว่าจะแอบอยู่ตรงไหน และไม่ว่าจะเป็นข้าราชการหรือไม่ก็ไม่มีความหมายใดๆ เพราะทุกคนต้องถูกดำเนินคดี นายมานิตย์ กล่าว

นายมานิตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายกรัฐมนตรีระบุว่า เป็นกลุ่มผู้ต้องสงสัยเป็นผู้มีอิทธิพล ว่าไม่ส่งผลกระทบใดๆ ต่อการทำงานของคณะกรรมการ แต่ทำให้เราต้องหาหลักฐานให้ได้มากที่สุด ภายหลังการรายงานผลสรุปต่อ รมว.ยุติธรรม จะรวบรวมพยานหลักฐานให้ได้มากที่สุด จนกว่าจะหาตัวคนร้ายได้ และออกหมายจับนำตัวมาฟ้องศาล ส่วนรอยเลือดบนพรมที่คาดการณ์ว่าเกิดจากการลากหรือเคลื่อนย้ายศพนั้น ยังไม่สามารถสรุปได้อย่างชัดเจน

พล.ต.ต.โกสินทร์ กล่าวว่า การสอบสวนในส่วนของกองปราบปรามได้เสร็จสิ้นไปแล้วกว่า 80% อีก 20% ต้องรอจนกว่าผลการตรวจเขม่าดินปืนจากการยิงผลส้มโอ 6 นัดก่อน และยังรอผลตรวจบางอย่างอีกเล็กน้อย รวมทั้งยังมีข้อถกเถียงในทีมสอบสวนถึงรอยช้ำที่กะโหลกว่าเกิดจากการถูกตีจนกะโหลกร้าว หรือเป็นรอยร้าวจากอานุภาพกระสุนลูกปราย ในขั้นตอนสุดท้ายยังต้องสอบปากคำ พ.ญ.คุณหญิงพรทิพย์ จึงจะสรุปคดีได้ ขณะนี้ยังไม่ขอเปิดเผยรายละเอียด

พอใจมีหลักฐานครบถ้วน

นายพงศ์เทพ กล่าวภายหลังการประชุม ว่าได้สอบถามความคืบหน้าในการสอบสวนคดี ซึ่งได้รับคำชี้แจงว่ายังขาดหลักฐานอีกบางส่วน เช่น การตรวจหาเขม่าดินปืน และการเข้าให้ปากคำของ ดร.เอเดรียน แม็ทธิว ทอนตัน ลินาเคอร์ ผู้เชี่ยวชาญด้านการวิเคราะห์คราบเลือด ก่อนที่จะสรุปถึงสาเหตุการตายที่แท้จริง ตนจึงได้สั่งการให้กรรมการเร่งรัดดำเนินการในส่วนที่ยังขาดอยู่ เพื่อรายงานต่อนายกรัฐมนตรี

คดีนี้เป็นที่รู้กันดีว่า นายห้างทองเสียชีวิตเพราะกระสุนปืนลูกปราย แต่สาเหตุการตายมีอยู่ 2 ด้าน คือ ฆ่าตัวตายกับฆาตกรรม คณะกรรมการได้รวบรวมหลักฐานในคดีนี้ได้ครบถ้วนและสมบูรณ์ดีมากพอแล้ว ไม่มีประเด็นใดขาดตกบกพร่องที่ผมต้องให้คำชี้แนะเป็นพิเศษ หลักฐานดังกล่าวจะเป็นหลักฐานที่ศาลรับฟังได้อย่างมีน้ำหนัก นายพงศ์เทพ กล่าว


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์