ตราไก่จิกแซมบ้า10ตัว1-0,ดัตช์3-1

   คาริม เบนเซม่า ดาวยิงทีมชาติฝรั่งเศสสวมบทฮีโร่ซัดประตูชัยช่วยให้ทีม คว้าชัยเหนือ แซมบ้า บราซิล 1-0 ด้าน ทีมชาติฮอลแลนด์ ก็โชว์ฟอร์มสมราคารองแชมป์โลก หลังเปิดบ้านไล่ต้อนเอาชนะทีมชาติออสเตรีย สบาย3-1


ฟุตบอลกระชับมิตร
วันพุธที่ 9 กุมภาพันธ์ 2554
ฝรั่งเศส 1 - บราซิล 0



สนาม : สต๊าด เดอ ฟร้องซ์ (แซงต์-เดอนีส์, ฝรั่งเศส)
 

     ทีมชาติฝรั่งเศส เปิดสต๊าด เดอ ฟร้องซ์, แซงต์-เดอนีส์ ชานกรุงปารีส พบ บราซิล ในศึกบิ๊กแมตช์นัดกระชับมิตร ซึ่งทั้งสองทีมสวมชุดแข่งใหม่ของ ไนกี้ ลงสนาม โดยเฉพาะ เลส์ เบลอส์ ที่ได้ ไนกี้ เข้ามาเป็นสปอนเซอร์นับตั้งแต่ปีนี้ไปจนถึงปี 2018 ในจำนวนเงินมหาศาล 42.6 ล้านยูโรหรือ 1,789.20 ล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมานับตั้งแต่ปี 1972 พวกเขามี อาดิดาส เป็นสปอนเซอร์หลักมาโดยตลอด

     โลร็องต์ บล็องก์ เซเล็กซิยอนเนอร์ฝรั่งเศสส่ง อาลู ดิยาร์ร่า มิดฟิลด์ตัวรับบอร์กโดซ์ ทำหน้าที่กัปตันทีมตามเดิม เฌเรมี่ เมเนซ, โยอันน์ กูร์กกุฟฟ์, ฟลอร็องต์ มาลูด้า นำเกมรุก คาริม เบนเซม่า เป็นกองหน้าตัวเป้า ขณะที่มาโน่ เมเนเซส โค้ชบราซิลส่ง ดาเนี่ยล อัลเวส กองหลังบาร์เซโลน่า, โรบินโญ่ หัวหอกมิลาน กัปตันทีม, อเลซานเดร ปาโต้ กองหน้าเอซี มิลาน และ เอลิอาส เมนเดส กองกลางแอตเลติโก มาดริด, ดาวิด ลุยซ์ เซนเตอร์ฮาล์ฟเชลซี นำทัพ

     เกมครึ่งแรกเริ่มต้น โดยนัดนี้มีคนดังวงการฟุตบอลเข้ามาดูแมตช์ในสนามหลายคนทั้ง ซีเนดีน ซีดาน อดีตเพลย์เมกเกอร์ทีมชาติฝรั่งเศส, คริสติยอง การอมเบอ อดีตมิดฟิลด์ตัวรับเลส์ เบลอส์, ฌอง-มิเชล โอลาส ประธานโอลิมปิก ลียง

     และนาทีที่ 9 ตราไก่มีลุ้นที่จะได้ประตู เมื่อ ยานน์ เอ็มวีล่า ผ่านบอลให้ โยอันน์ กูร์กกุฟฟ์ เปิดมาเข้าทาง คาริม เบนเซม่า ซัดเท้าขวาในกรอบเขตโทษฝั่งขวา บอลผ่านหน้าประตูออกไป

     นาที 12 บราซิลเกือบได้เช่นเดียวกัน โรบินโญ่ แย่งบอลมาได้จากเท้าของ ฟลอร็องต์ มาลูด้า ก่อนจ่ายให้ อเลซานเดร ปาโต้ ซัดเท้าขวาบริเวณกรอบเขตโทษ บอลเหินข้ามคานไม่กี่หลา

     นาที 18 อาดิล รามี่ ทำฟาวล์ ปาโต้ ทำให้แซมบา ได้ลูกฟรีคิกระยะ 27 หลา ดาเนี่ยล อัลเวส ซัดฟรีคิกเท้าขวา บอลกระดอนชนกำแพงออกไป

     หลังจากนั้นนาที 33 เบนเซม่า กองหน้าเรอัล มาดริดบาดเจ็บกล้ามเนื้อต้นขาขวา หลังชนกับ ดาวิด ลุยซ์ เซนเตอร์ฮาล์ฟบราซิล แต่หลังจากเขาได้รับการปฐมพยาบาล  เบนซ์ สามารถเล่นต่อไปได้ และนาที 35 แซมบาน่าได้ประตูจากจังหวะที่ โรบินโญ่ ซัดเต็มเท้าจากนอกกรอบเขตโทษข้ามคานไม่กี่หลา

     อย่างไรก็ตาม บราซิล เหลือผู้เล่น 10 คน นาที 39 แอร์นาเนส มิดฟิลด์จากลาซิโอโดนใบแดง หลังจากเจตนาใช้เท้าถีบเข้าที่หน้าอกขวาของเบนเซม่า อย่างน่าเกลียด จบครึ่งแรกทั้งสองทีมเสมอกัน 0-0

     มาถึงครึ่งหลัง นาที 48 ตราไก่ลุยเข้าใส่ทันที ฟลอร็องต์ มาลูด้า เปิดให้ คาริม เบนเซม่า ซัดหน้าประตูติด ติอาโก้ ซิลวา เซนเตอร์ฮาล์ฟแซมบา

     และแล้ว ฝรั่งเศสมาได้ประตูนำ 1-0 นาที 53 เฌเรมี่ เมเนซ เลี้ยงบอลหนีการสกัดของ อังเดร ซานโต๊ส ก่อนพาบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งขวา และจ่ายไปที่เสาสองให้ คาริม เบนเซม่าซัดเท้าซ้ายระยะ 6 หลาตุงตาข่าย

     นาที 56 ตราไก่น่าได้ประตูที่สอง เมื่อบาการี่ ซาญ่า เลี้ยงบอลขึ้นมาทางริมเส้นฝั่งขวา จ่ายต่อให้ กูร์กกุฟฟ์ เทคตัวแย่งบอลได้ก่อน ติอาโก้ ซิลวา และมาเข้าหัว เบนเซม่า โหม่งติด ชูลิโอ เซซ่าร์

     และสองนาทีต่อมา บราซิลส่ง ยาดสัน ลงมาเล่นแทน เรนาโต้ ออกุสโต้ ขณะที่ตราไก่ส่ง อาบู ดิยาบี้ ลงเล่นแทน ยานน์ เอ็มวีล่า นาที 60 และนาทีต่อมา เบนเซม่า ยิงให้ เซซ่าร์ ต้องเซฟหวุดหวิดอีกครั้ง

     บล็องก์ ส่ง โลอิก เรมี่ ปีกขวาโอลิมปิก มาร์กเซยเข้ามาเล่นแทน เมเนซ นาที 69 และห้านาทีต่อมา เบนเซม่า ซัดในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายไปติด เซซ่าร์ โดยเวลาที่เหลืออยู่ แซมบาที่เหลือผู้เล่น 10 คนตามตีเสมอไม่สำเร็จ จบเกม ฝรั่งเศส ชนะ บราซิล 1-0



รายชื่อผู้เล่นของทั้งสองทีม


ฝรั่งเศส : อูโก้ โยริส - บาการี่ ซาญ่า, ฟิลิปป์ เม็กแซส, อาดิล รามี่, เอริก อบิดาล - ยานน์ เอ็มวีล่า, อาลู ดิยาร์ร่า (กัปตันทีม) - เฌเรมี่ เมเนซ, โยอันน์ กูร์กกุฟฟ์, ฟลอร็องต์ มาลูด้า - คาริม เบนเซม่า
สำรอง : สตีฟ ม็องด็องด้า (ผู้รักษาประตู), เซดริก การ์รัสโซ่ (ผู้รักษาประตู), อองโตนี่ เรเวยแยร์, โลร็องต์ กอสซิแอลนี่, มามาดู ซาโก้, กาแอล กลิชี่, โยอัน กาบาย, แบลส มาตุยดี้, อาบู ดิยาบี้, เกวิน กาเมโร่, กีโยม โออาโร่, โลอิก เรมี่
 
บราซิล : ชูลิโอ เซซ่าร์ - ดาเนี่ยล อัลเวส, ติอาโก้ ซิลวา, ดาวิด ลุยซ์, อังเดร ซานโต๊ส - ลูคัส เลยว่า, แอร์นาเนส, เอลิอาส เมนเดส, เรนาโต้ ออกุสโต้ - อเลซานเดร ปาโต้, โรบินโญ่ (กัปตันทีม)
สำรอง : เฮเรลโญ่ โกเมส (ผู้รักษาประตู), เนโต้ (ผู้รักษาประตู), เบรโน่, ลุยเซา, มาร์เซโล่ วิเอยร่า, ราฟาเอล ดา ซิลวา, อันแดร์สัน, ซานโดร รานิเอรี่, ยาดสัน, อังเดร, ฮัล์ค
 


ผู้ตัดสิน : โวล์ฟกัง สต๊าร์ค (เยอรมัน)



src=http://www.siamsport.co.th/_PicOther/O110210A6N5P.jpg

ฮอลแลนด์ 3 - ออสเตรีย 1



สนาม : ฟิลิปส์ สเตเดี้ยม, ไอนด์โฮเฟ่น
 


     ฮอลแลนด์ เปิดบ้านรอรับ ออสเตรีย เพื่อเตรียมความพร้อมสำหรับการทำศึกยูโร 2012 รอบคัดเลือก โดยเจ้าถิ่นมีตัวทีเด็ดอยู่ที่ เคิร์ค เค้าท์, เวสลี่ย์ สไนเดอร์ และ คลาส-แยน ฮุนเตลาร์ ส่วนทีมเยือนฝากความหวังไว้ที่ มาร์โก อาร์เนาโตวิช กับ สเตฟาน มายเออร์โฮเฟอร์

     เริ่มเกมมา ฮอลแลนด์ มีโอกาสก่อน เมื่อ สไนเดอร์ จ่ายให้ ฮุนเตลาร์ หลุดกัปดักล้ำหน้าเข้าไปกดด้วยซ้าย แต่ เจอร์เก้น มาโช่ ยังเซฟเอาไว้ได้

     พลพรรค กังหันลม ครองเกมไว้ได้เป็นส่วนใหญ่ อิบราฮิม อเฟลลาย เปิดจากฝั่งซ้ายให้ เค้าท์ โหม่งหลุดเสาสองไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

     ความพยายามของเจ้าบ้านมาเป็นผลในนาทีที่ 28 จากจังหวะที่ ธีโอ แยนส์เซ่น ทำชิ่งให้ สไนเดอร์ ตวัดยิงนอกกรอบเขตโทษทันที บอลพุ่งเช็ดเสียบใต้คานเข้าไปอย่างสวยงาม ขึ้นนำ 1-0

     ทีมเยือนตอบโต้บ้าง อาร์เนาโตวิช ลองสับไกด้วยขวานอกกรอบเขตโทษ บอลยังไปตรงตัวของ มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก

     ท้ายครึ่งแรก ออสเตรีย มาได้ลูกเตะมุม มายเออร์โฮเฟอร์ โหม่งเช็ดให้ ฟรานซ์ เชียเมอร์ ซัดข้ามคานไปอย่างน่าเสียดาย จบ 45 นาทีแรก ฮอลแลนด์ ออกนำไปก่อน 1-0

     เริ่มครึ่งหลังได้แค่สามนาที เจ้าบ้านก็ได้ประตูที่สองจากการประสานงานอันยอดเยี่ยมของ เอริค ปีเตอร์ส ที่จ่ายให้ เอลเยโร่ เอเลีย ก่อนจะไขว้ให้ ปีเตอร์ส อีกครั้งแล้วโยนมาหน้าประตูให้ คลาส-แยน ฮุนเตลาร์ ยิงเข้าไปให้ ฮอลแลนด์ นำ 2-0

     นาทีที่ 60 ทีมเยือนได้ลุ้นตีไข่แตกบ้าง เมื่อ มาร์โก อาร์เนาโตวิช จ่ายบอลให้ ยูเลี่ยน บัมการ์ทลิงเกอร์ ได้ซัดด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษ แต่บอลกลับโด่งข้ามคานออกไปอย่างน่าเสียดาย

     5 นาทีถัดมา เจ้าถิ่น เกือบได้ประตูที่สาม เมื่อ เอลเยโร่ เอเลีย เลี้ยงบอลผ่านผู้เล่นทีมเยือนก่อนจะจ่ายให้ ฮุนเตลาร์ แต่ เยอร์เก้น มาโช่ พุ่งเข้ามาตัดบอลได้ทัน ไม่อย่างนั้น ฮุนเตลาร์ คงซัดไม่เหลือ

     นาทีที่ 70 ฮอลแลนด์ ได้จุดโทษ เมื่อ ฟลอเรี่ยน ไคลน์ ไปทำแฮนด์บอลในเขตโทษ เป็น เดิร์ค เค้าท์ ที่รับหน้าที่สังหารเข้าไปแต่ กรรมการให้ยิงใหม่อีกครั้ง แต่ เค้าท์ ก็นิ่งพอที่จะยิงเข้าไปให้ทีมบ้านนำห่าง 3-0

     ก่อนหมดเวลา 6 นาที ออสเตรีย ได้จุดโทษบ้างเมื่อ สเตฟาน ไมเออร์โฮเฟอร์ ไปโดน ปีเตอร์ วิสเกอร์ฮอฟ ทำฟาล์ว มาร์โก อาร์เนาโตวิช รับหน้าที่ยิงไม่พลาด ออสเตรีย ไล่มาเป็น 1-3 แต่ไม่ทันจบเกม กังหันสีส้ม ชนะไป 3-1



รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม


ฮอลแลนด์ : มาร์เตน สเตเคเลนเบิร์ก; เกรกอรี่ ฟาน เดอร์ วีล, จอห์น ไฮติงก้า, โยริส มาไธจ์เซ่น, เอริค ปีเตอร์ส; มาร์ค ฟาน บอมเมล, ธีโอ แยนส์เซ่น; เดิร์ค เค้าท์, เวสลี่ย์ สไนเดอร์, อิบราฮิม อเฟลลาย; คลาส-แยน ฮุนเตลาร์


ออสเตรีย : เจอร์เก้น มาโช่; โฟลเรียน ไคลน์, เซบาสเตียน โพรเดิ้ล, เอมานูเอล โปกาเตทซ์, คริสเตียน ฟุคส์; ฟรานซ์ เชียเมอร์; มาร์โก อาร์เนาโตวิช, ดาวิด อลาบ้า, ซลัตโก้ ยูนูโซวิช, จูเลียน บาอุมการ์ตลินเกอร์; สเตฟาน มายเออร์โฮเฟอร์


     สรุปผลฟุตบอลกระชับมิตร
     - ฝรั่งเศส 1:0 บราซิล
     - เยอรมัน 1:1 อิตาลี
     - เดนมาร์ก 1:2 อังกฤษ
     - มอลต้า 0:0 สวิตเซอร์แลนด์  
     - เบลเยียม 1:1 ฟินแลนด์ 
     - ฮอลแลนด์ 3:1 ออสเตรีย 
     - โปแลนด์ 1:0 นอร์เวย์    
     - อาร์เจนตินา 2:1 โปรตุเกส    
     - สเปน 1:0 โคลอมเบีย     
     - ไอร์แลนด์เหนือ 0:3 สกอตแลนด์            
     - มอลโดวา 2:1 อันดอร์ร่า 
     - ซาน มาริโน่ 0:1 ลิกเตนสไตน์   
     - กรีซ 1:0 แคนาดา
     - อาร์เมเนีย 1:2 จอร์เจีย      
     - เบลารุส 1:1 คาซัคสถาน    
     - อิหร่าน 1:0 รัสเซีย    
     - โบลิเวีย 1:2 ลัตเวีย 
     - มาซิโดเนีย 0:1 แคเมอรูน      
     - โครเอเชีย 4:2 เช็ก 
     - อาเซอร์ไบจาน 0:2 ฮังการี      
     - อิสราเอล 0:2 เซอร์เบีย    
     - ตุรกี 0:0 เกาหลีใต้ 
     - แอลเบเนีย 1:2 สโลวีเนีย   
     - บัลแกเรีย 2:2 เอสโตเนีย    
     - ลักเซมเบิร์ก 2:1 สโลวาเกีย

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์