ตราบใดที่กรุงศรีอยุธยายังไม่สิ้นคนดี สปอร์ติ้ง ลิสบอนก็ไม่สิ้นปีกชั้นดีฉันท์นั้น

 
กระชาก  ลาก  เลื้อย



สปีดเร็ว   คล่องตัวสูง   ลีลาพริ้วไหว



ลูกล่อ-ลูกชนแพรวพราว  เทคนิคดีเยี่ยม


 


นี่ วลี ที่บ่งบอกถึงคุณสมบัติของ มิดฟิลด์ตัวริมเส้น ที่บ้านเราเขาเรียกว่า ปีก นั่นเอง



               ถ้าเราจะนึกถึงผู้เล่นที่โดเด่นตำแหน่งนี้  ???  ในวงการลูกหนังปัจจุบันแล้วหล่ะก็ หลายๆคนคงต้องนึกถึง คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ปีกจอมสับของทีมปิศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด อย่างแน่นอน ซึ่ง หนูโด้ นั้นได้สำเร็จหลักสูตร ปริญญาปีก มาจากวิทยาลัยที่มีชื่อว่า สปอร์ติ้ง ลิสบอน ยูนิเวอร์ซิตี้ หนึ่งในยอดทีมชั้นนำของฟุตบอลลีกโปรตุเกสนั่นเอง แต่ทว่า ไอ้เจ็ดโด้ นั้นไม่ใช่ลูกศิษย์คนแรกที่จบหลักสูตรจากที่นี่แล้วกลายมาเป็นสุดยอดปีกในปัจจุบันนี้ แล้วจะมัวช้าอยู่ใยเราไปดูซิว่าปีกมหากาลที่ผ่านการฝึกปรือยุทธศาสตร์ลูกหนัง อันเป็นผลผลิตที่ยอดเยี่ยมจากรั้ววิทยาลัย ลิสบอน กันบ้าง...............


 


ดิ ไอดอล ของพวกเด็กๆ



คงเป็นตำนานนักเตะของโปรตุเกสไปอีกนาน



               หลุยส์ ฟิลิปเป้ มาไดร่า คาร์เอโล่ ชื่อนี้บางคนอาจจะงง แต่ถ้าบอกว่า หลุยส์ ฟิโก้ หล่ะ ก็คงจะถึงบางอ้อกันใช่มั๊ย ฟิโก้ นั้นฉายแววตั้งแต่สมัยเป็นเยาวชนแล้วซึ่งโดดเด่นในทีมชาติโปรตุเกสชุดเยาวชน 20 ปีที่คว้าแชมป์โลกร่วมกันกับ รุย คอสต้า เมื่อปี 1980 และหลังจากนั้นก็ก้าวเข้ามาติดชุดใหญ่ของทีมลิสบอนได้สำเร็จ



ภายใต้ยูนิฟอร์ม เจ้าบุญทุ่ม


               ก่อนที่จะย้ายมาหาความสำเร็จที่สเปนกับ บาร์เซโลน่าและรีล มาดริด ตามลำดับ ไม่ว่าจะเป็น แชมป์ลา ลีกา ลีกสเปน,แชมป์สเเปนิช คัพ,คัพ วินเนอร์สคัพ,ยูฟ่า แชมเปี้ยนส ลีก ซึ่งเจ้าตัวก็สัมผัสมันมาทั้งหมดแล้วโดยเฉพาะกับ รีล มาดริดนั้น ฟิโก้โชว์ฟอร์มจนสามรถคว้ารางวัลนักเตะยอดเยี่ยมของทวีปยุโรป หรือบัลลง ดอร์ได้ด้วยและยังเคยเป็นนักเตะที่มีค่าตัวในการย้ายทีมที่แพงที่สุดในโลกมาแล้ว เมื่อเขาย้ายจาก บาร์เซโลน่า มาสู่ รีล มาดริด ด้วยค่าตัวราวๆ 45 ล้านปอนด์ ก่อนที่จะถูกทำลายโดยซีเนอดีน ซีดาน อดีตเพื่อนร่วมทีม รีล มาดริด และช่วงบั้นปลายชีวิตการค้าแข้งก็ยังคว้าแชมป์กัลโช่ ซีเรีย อา อิตาลีกับอินเตอร์ มิลานด้วย  ฟิโก้ นั้นได้รับการยอมรับว่าเป็นนักเตะโปรตุเกสที่ดีที่สุดเท่าที่มีมาต่อจาก เสียดำโมซัมบิก ยูเซบิโอ เลยทีเดียวสำหรับ ฟิโก้ นั้นจัดว่าเป็นปีกที่ครบเครื่อง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเทคนิคความสามารถเฉพาะตัว การผ่านบอลอันแม่นยำ สปีดต้นที่ดี ยิงประตูก็ใช้ได้แถมยังเป็นตัวเตะฟรีคิกที่อันตรายคนนึง



พีค สุดขีดกับ รีล มาดริด


                                                              



เจเนอเรชั่นรุ่นต่อมา



พร้อมเสมอกับทีมชาติ



               ซิเมา เปโดร ดา ฟอนเซก้า ซาโบรซ่า สำหรับ ซิเมา เป็นผลผลิตรุ่นต่อมาของลิสบอน หลังจากเพาะบ่มฝีเท้าจนได้ที่แล้วก็ได้ลงประเดิมสนามในฤดูกาล 1996-97 แล้วเหมือนกับฟ้าบันดาลให้เขาเกิดมาเป็นซุปเปอร์สตาร์ หลังจากลงเล่นได้แค่เพียง 1 นาที ซิเมา ก็จัดการซัดประตูให้ทีมได้เลย (เขาเรียกว่าแจ้งเกิดจริงๆ) จนกระทั่งฝีเท้าไปเตะตายักษ์ใหญ่ของสเปนอย่าง บาร์เซโลน่า แต่ก็อย่างว่า ดูเหมือนมันจะเร็วเกินไปสำหรับนักเตะอายุน้อยๆที่ต้องไปอยู่ทีมใหญ่ๆอย่างบาร์เซโลน่า ผลที่ออกมาก็คือไม่สามารถแย่งตำแหน่งตัวจริงในถิ่น คัมป์ นู 



ชีวิตใหม่ที่ เบนฟิก้า


               ทำเอาเจ้าตัวต้องเก็บข้าวของกลับบ้านมาบ้านเกิดกับ เบนฟิก้า ลิสบอน แล้วที่นี่ก็เหมือนที่ที่ให้ชีวิตใหม่กับเค้าอีกครั้ง เจ้าตัวก็โชว์ฟอร์มได้ยอดเยี่ยมเช่นเดิมจนได้รับมอบหมายให้เป็นกัปตันทีมอีกต่างหาก จนสโมสรยักษ์ใหญ่ทั่วยุโรปให้ความสนใจอีกครั้ง แต่ว่าเจ้าตัวตัดสินใจเลือกที่จะใช้ชีวิตพอเพียงที่ บิเซนเต้ กัลเดร่อน ของแอตเเลนติโก มาดริด กับเพื่อนชาติอย่าง มานิช ริเบโร่ และ ฟรานซิสโก้ คอสตินญ่า  ซิเมานั้นเป็นผู้เล่นที่มีความคล่องตัว ครองบอลเยี่ยม มีลูกยิงไกลที่หนักหน่วง นอกจากนี้ยังรับบทมิดฟิลด์ในตำแหน่ง จอมทัพ ได้อย่างไม่เคอะเขิน



กลับมาพิสูจน์ตัวเองที่สเปนอีกครั้ง


                                                              



ซิเมา 2



สมัยแจ้งเกิดกับ สปอร์ติ้งฯ



              ริคาร์โด้ แบร์นาโด้ อันดราเด้ กวาเรสม่า  ที่ว่าเป็น ซิเมา 2 นั้นก็เพราะว่าเส้นทางชีวิตการค้าแข้งนั้นเรียกได้ว่าแทบจะถอดแบบกันมาเลย กวาเรสม่านั้นจัดว่าคนลิสบอนโดยกำเนิดซี่งนั่นก็คงบ่งบอกถึงความเป็น สปอร์ติ้ง ลิสบอน ในสายเลือดอยู่แล้ว และมันก็เป็นจริงเมื่อตัวเจาเริ่มฝึกปรือวิทยายุทธ์ลูกหนังจนจบ ครบกระบวนท่า แล้วก็ถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่โดยโค้ช ลาส์ซโซ่ โบโลนี่ เมื่อปี 2001-02 แล้วหลังจากนั้นริคาร์โด้ ก็ไมเคยแวะเวียนกลับไปยังทีมเยาวชนอีกเลย แถมยังกลับกลายเป็นผู้เล่นคนสำคัญที่มีส่วนพาต้นสังกัดในการคว้าแชมป์ ลีก มาครองได้สำเร็จซึ่งเขาลงเล่นไป 28 นัด ยิงไป 3 ประตู



ตามรอยรุ่นพี่ไปยังถิ่น คัมป์ นู


              ต่อจากนั้นเขาก็เลือกที่จะเดินตามรอยของ ฟิโก้ และ ซิเมา เมื่อตัดสินใจย้ายไปร่วมทีม บาร์เซโลน่า แต่แล้วชีวิตของในถิ่น คัมป์ นู แทบจะไม่แตกต่างกับ ซิเมา เลย เมื่อไม่สามารถสร้างความสำเร็จอย่างที่ ฟิโก้ รุ่นพี่ของพวกเขาได้สร้างมันเอาไว้ สุดท้ายก็ต้องกลับบ้านตามเคย เมื่อ เอฟซี ปอร์โต้ อ้าแขนพร้อมรับเขาเข้าสังกัด ที่นี่เขาก็ได้ชีวิตใหม่เฉกเช่น ซิเมาได้รับ กวาเรสม่าคมเดิมที่เปี่ยมไปด้วยพรสวรรค์ ชั้นเชิงกลับมาสร้างสีสันและความสำเร็จกับปอร์โต้อีกครั้ง โดยส่วนตัวการเล่นของริคาร์โด้จะเน้นที่การพาบอลไปกับตัวเอง ชอบที่จะดวลกับกองหลังฝั่งตรงข้าม และมักจะมีลูกเล่นหลอกล่อคู่แข่งเสมอๆ



กลับมาเปรี้ยงปร้างอีกครั้งกับ ปอร์โต้


                                                              



เจ้าพ่อ ! แห่งการสับ




สมัยที่หน้ายังเปื้อนสิว กับ ลิสบอน



               คริสเตียโน่ โรนัลโด้ ดอส ซานโต๊ส อาเวโร่ หนุ่มน้อยจากเกาะมาร์ไดร่า ได้เข้ามาสู่อ้อมอกของลิสบอนตั้งแต่อายุ 12 ขวบเท่านั้นซึ่ง หนูโด้ ได้เรียนรู้ศาสตร์ลูกหนังถึง 5 ปี ก่อนที่จะได้สัมผัสเกมกับทีมชุดใหญ่ครั้งแรกเมื่อเดือนตุลาคมปี 2002 ในการพบกับทีม โมไรเรียนซ์ ด้วยวัยเพียงแค่ 17 ปีเท่านั้นและผลก็จบลงด้วยชัยชนะของ ลิสบอน 3-0 แล้วเกมนี้เองซุปเปอร์สตาร์คนใหม่ก็ได้เกิดขึ้นแล้วหลังจากที่หนูโด้กดไป 2 ประตูในเกมดังกล่าว จากนั้นก็โชว์พรสวรรค์และทักษะช่วยให้ทีมผงาดคว้าแชมป์ ลีกในที่สุด จนทีมใหญ่ทั่วยุโรปสนใจ จนกระทั่งเมื่ออายุ 18 ปีก็ได้ย้ายมาเป็นว่าที่ตำนานเบอร์ 7 ของทีมแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ยอดทีมแห่งเกาะอังกฤษด้วยค่าตัว 12.5 ล้านปอนด์ ซึ่งถือว่าแพงเอาเรื่องสำหรับนักเตะอายุเท่านี้หลังจากโชว์ฟอร์มเข้าตา เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน กุนซือทีมปิศาจแดงในนัดที่ แมนฯยู เตะกระชับมิตรกับ สปอร์ติ้ง ลิสบอน นั่นเอง (ได้ดูถ่ายทอดสด ยอมรับว่าสะเด่าจริงๆ ขึ้นซ้ายที-ขวาที  เนวิลล์ ที่ว่าแน่ๆยังปวดหัว) 



เกียรติยศมากมาย กับ แมนฯยูไนเต็ด



               ช่วงแรกโรนัลโด้ถูกวิจารณ์อย่างหนักเมื่อเขาพยายามเล่นบอลด้วยตัวเอง หวงบอล และพยายามโชว์ลูกเล่นมากเกินไป จนถูกท่านเซอร์เทศน์ซะชุดใหญ่ และก็เริ่มรู้จักเล่นเป็นทีมมากขึ้นในปีต่อๆมา และในฤดูกาล 2006-07 นี่เองทีเจ้าตัวระเบิดฟอร์มได้อย่างสุดยอดเมื่อพา แมนฯยู ผงาดคว้าแชมป์พรีเมียร์ ชิพ มาครองได้สำเร็จ แถมเจ้าตัวยังกวาดรางวัลส่วนตัวมากมายทั้งนักเตะยอดเนี่ยมประจำปีของอังกฤษ,นักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของอังฤษ และยังเป็นดาวซัลโวของทีมอีกด้วยหลังตะบันไป 20 ประตู ทั้งๆที่เล่นตำแหน่งมิฟิลด์ตัวริมเส้นแท้ๆ สไตล์การเล่นของโรนัลโด้เป็นที่รู้ๆกันอยู่ว่าชอบกระชากหนีกองหลังด้วยสปีดต้น ยิงหนัก มีลูกโหม่งที่อันตราย และที่สำคัญมีข้อเท้าที่คล่องแคล่ว และชอบโชว์ลูกเล่นแปลกๆใหม่ๆ ทุกครั้งที่เมื่อมีโอกาส


 



เป็นตัวหลักในทีมชาติอย่างสม่ำเสมอ


                                                              



เจเนอเรชั่นรุ่นล่าสุด !



โชว์ฟอร์มได้ดีกับ ลิสบอน



              หลุยส์ คาร์ลอส อัลเมด้า ดา กุนญ่า หรือเรียกสั้นๆว่า นานี่ เเรกเริ่มเดิมทีค้าแข้งกับทีมดิวิชั่นต่ำๆอย่างทีม มาสซาม่า ก่อนที่ลิสบอนจะไปคว้าตัวมาปลุกปั้นเจียระไนที่อะคาเดมี่ของทีม และก็เริ่มประเดิมทีมชุดใหญ่เมื่อตอนอายุ 18 ขวบในปี 2006-07 และเจ้าตัวก็ยิงไป 2 ประตูในการลงเล่น 2 นัดแรกที่ลงเล่น และจากนั้นไม่นาน หลุยส์ ฟิลิปเป้ สโคลารี่ กุนซือทีมชาติโปรตุเกสก็เรียกตัวเข้าสู่ทีมชาติชุดใหญ่และก็คว้ารางวัล แมน ออฟ เดอะ แมตช์ ในการแข่งขันกับทีมชาติเดนมาร์ก จนทีมยักษ์ๆในยุโรปจ้องกันตาไม่กระพริบ



ภายใต้สีเสื้อโปรตุเกสและชุดปิศาจแดง


              แต่แล้วก็เป็นแมฯยูไนเต็ด ที่สมหวังในการคว้าตัวนักเตะคนนี้แลกกับเงิน 17 ล้านปอนด์ โดยเจ้าตัวให้เหตุผลว่าต้องารเล่นร่วมกับรุ่นพี่อย่างคริสเตียโน่ โรนัลโด้ นักเตะทีมชาติโปรตุเกสด้วยกันนั่นเอง ทางด้านรูปแบบการเล่นของ เจ้าหนูนานี่ นั้นเรียกได้ว่าถอดแบบมาจาก โรนัลโด้เลยแหล่ะ ทั้งสปีดต้นอันจัดจ้าน พรสวรรค์ที่ติดตัวมา ลูกล่อ-ลูกชนแพรวพราว และจุดเด่นอีกอย่างก็คือมักจะฉลองการยิงประตูด้วยการตีลังกา คล้ายๆกับ ซิโก้ เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง บ้านเรานั่นเอง



นานี่ ของแท้ต้องท่านี้เท่านั้น


                                                              


 
               ดูแล้วน่าติดตามใช่มั๊ยหล่ะครับว่าสถาบัน อะคาเดมี่ แฟนตาเซีย (เฮ้ย ! มั่วแล้ว) สถาบันลูกหนังของทีมสปอร์ติ้ง ลิสบอน จะผลิตปีกจี๊ดๆขึ้นมาประดับวงการลูกหนังได้เรื่อยๆอีกหรือไม่ แต่ที่แน่เชื่อว่าจะต้องมีเด็กโปรตุกีสตาดำๆ อีกหลายคนที่มีนักเตะเหล่าเป็น ไอดอล ของพวกเขาและต้องการที่จะเดินตามเส้นทางเดียวกับ หลุยส์ ฟิโก้ , คริสเตียโน่ โรนัลโด้  หรือ ริคาร์โด้ กวาเรสม่าอย่างแน่นอน


 


 


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์