ซีเนดีน ซีดานจากแข้งอัจฉริยะตราไก่ สู่ตำนาน เฮดบัทท์ กระฉ่อนโลก

.

ซีเนดีน ซีดานจากแข้งอัจฉริยะตราไก่ สู่ตำนาน เฮดบัทท์ กระฉ่อนโลก


มีนักเตะจำนวนไม่มากนักที่มีความสามารถ ทักษะ และพรสวรรค์ในการเล่นกับลูกฟุตบอลได้อย่างคล่องแคล่ว และน่าตื่นตาตื่นใจ ซีเนดีน ซีดาน อาจเป็นหนึ่งในผู้เล่นที่ยืนยันได้ว่ามีนักฟุตบอลน้อยคนจริงๆที่จะทำเหมือนเขา แต่ความทรงจำของแฟนบอลและภาพที่สร้างความตกตะลึงให้กับผู้ชมฟุตบอลทั่วโลกของซีดานในฟุตบอลโลกนัดชิงชนะเลิศปี 2006 กลับเป็นภาพที่ติดตาคนส่วนใหญ่มากกว่าความทรงจำในเรื่องทักษะและลีลาเพลย์เมคเกอร์ที่มหัศจรรย์ของเขา


 


ถึงแม้ว่าเขาจะแขวนสตั๊ดไปแล้วแต่ผลงานและเรื่องราวของเขากลับยังคงถูกเล่าขานต่อมาอย่างยิ่งใหญ่


 


ซีดานเริ่มเล่นให้กับทีมชาติฝรั่งเศสเป็นครั้งแรกโดยถูกเปลี่ยนตัวลงไปในสนามในนัดอุ่นเครื่องพบกับสาธารณรัฐเช็กในปี 1994 ในนัดนี้ซีดานแจ้งเกิดในทีมชาติด้วยการซัด 2 ประตูช่วยตีเสมอให้ทีมตราไก่หลังจากตามอยู่ 0-2 จากนั้นต่อมาฝรั่งเศสต้องขาดมิดฟิลล์ตัวสำคัญอย่าง เอริก คันโตน่า เพราะถูกสั่งพักการลงเล่นเนื่องจากไปกระโดดถีบแฟนบอล จึงเป็นโอกาสของซีนาดีน ซีดานที่จะมาทำหน้าที่แทนและเขาก็ไม่ทำให้แฟนบอลผิดหวัง 


 


จุดเริ่มต้นของตำนานที่ราวกับถูกลิขิตมาจากฟ้าอาจเกิดขึ้นตั้งแต่ในฟุตบอลโลกปี 1998 ซึ่งฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ ในเกมนัดที่สองของรอบแบ่งกลุ่ม ซีดาน ถูกไล่ออกจากสนามจากการเข้าปะทะกับผู้เล่นซาอุดิดาราเบีย กลายเป็นผู้เล่นชาวฝรั่งเศสคนแรกที่ถูกไล่ออกจากสนามในการแข่งขันฟุตบอลโลกรอบสุดท้าย ส่งผลให้ฝรั่งเศสต้องขาดผู้เล่นตัวทำเกมไปหนึ่งเกม อย่างไรก็ตามทีมจากแดนน้ำหอมยังสามารถเอาตัวรอดมาได้จนถึงรอบชิงชนะเลิศ


 


จากบทบาทเพลย์เมคเกอร์ที่สร้างสรรค์เกมอย่างมีชั้นเชิงด้วยการผ่านบอลอย่างแม่นยำ ทักษะการครองบอล และไหวพริบที่ยอดเยี่ยม ซีดานสามารถนำทีมตราไก่เข้าชิงชนะเลิศกับพลพรรคเซเลเซา ในการแข่งขันนัดชิงชนะเลิศ ซีดานซัด 2 ประตูให้กับทีม ตราไก่ ช่วยให้ทีมเอาชนะบราซิลไปได้อย่างงดงาม


 


ช่วงหลังจากนั้น อาจเรียกได้ว่าเป็นช่วงเวลาที่ดีที่สุดในการค้าแข้งของซีดาน แข้งหัวไข่นำทีมฝรั่งเศสคว้าแชมป์ยูโรปี 2000 ในปี 2001ซีดานทำสถิติเป็นผู้เล่นที่มีค่าตัวสูงที่สุดในเวลานั้น เขาย้ายจากสโมสร ยูเวนตุส ในอิตาลี ไปเล่นให้กับ รีล มาดริดในสเปนด้วยค่าตัว 78 ล้านยูโร และยังคว้าแชมป์สโมสรยุโรปกับรีล มาดริด ในปีแรกที่ย้ายมาเล่นได้อีกด้วย


 


ในศึกฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติทวีปยุโรปปี 2002 ซีดานได้รับบาดเจ็บที่ต้นขาและลงเล่นช่วยทีมได้น้อยมาก ทีมตราไก่ที่ขาดเพลย์เมคเกอร์ตัวสำคัญถึงกับเล่นกันไม่เป็น ต้องตกรอบแบ่งกลุ่มไปด้วยสภาพเปื่อยยุ่ย ไม่สามารถยิงประตูได้เลยแม้แต่ประตูเดียว แต่ผลงานของซีดานในฟุตบอลลีกฤดูกาลกลับพลิกเป็นอีกหน้ามือเลย ซีดานนำทีมรีล มาดริดคว้าแชมป์ลีกสูงสุดของสเปน และได้รับการเสนอชื่อผู้เล่นยอดเยี่ยมของฟีฟ่าเป็นครั้งที่สามในชีวิตค้าแข้ง


 


หลังจากฟุตบอลยูโรปี 2004 ซีดานได้ประกาศเลิกเล่นให้กับทีมชาติพร้อมกับผู้เล่นคนอื่นอย่าง บิเซนเต้ ลิซาลาซู มาร์กเซย เดอไซยี่  โคล้ด มาเกเลเล่ และ ลิลิยอง ตูราม แต่ด้วยการเข้ามาคุมทีมของเครม็องค์ โดมิเนคเพื่อลุยศึกเวิลด์ คัพ 2006 ซีดานกลับมารับใช้ชาติอีกครั้ง ซึ่งเขาเองอาจไม่รู้ว่าในครั้งนี้เขาจะสร้างตำนานอันอื้อฉาวขึ้นในหน้าประวัติศาสตร์ของฟุตบอลโลกอีกหน้าหนึ่ง


 


ซีดานนำทัพจากแดนน้ำหอมทะลุเข้ามาในนัดชิงชนะเลิศถ้วยเวิลด์ คัพได้สำเร็จ ก่อนหน้านัดชิงชนะเลิศจะเริ่มขึ้นซีดานได้รับตำแหน่งรองเท้าทองคำในฐานะผู้เล่นยอดเยี่ยมในทัวร์นาเม้นต์ด้วย โดยไม่มีใครคาดฝันว่าสุดยอดนักเตะอัจฉริยะจะทำอะไร


 


ซีดานเปิดสกอร์ให้กับฝรั่งเศสออกนำทัพอัซซูรี่ด้วยการยิงจุดโทษชนสามเหลี่ยมบนเข้าไปอย่างเสียวไส้ ในนัดชิงชนะเลิศสุดคลาสสิกนี้ หลังจากนั้นไม่นาน มาร์โก มาเตรัซซี่ โหม่งประตูตีเสมอให้กับอิตาลีได้ แต่ทั้งสองทีมทำอะไรกันไม่ได้ จนถึงไปถึงช่วงต่อเวลาที่เหตุการณ์ที่น่าตะลึงเกิดขึ้น ซีเนดีน ซีดาน ถูกผู้ตัดสินไล่ออกก่อนที่จะหมดเวลาเพียง 10 นาที เพราะ ไปใส่ท่า เฮดบัทท์ หรือใช้หัวโขกเข้าที่หน้าอกของ มาร์โก มาเตรัซซี่ เนื่องจาก ปราการหลังจอมแสบพูดอะไรบางอย่างที่เป็นการเหยียดเชื้อชาติของซีดานผู้มีเชื้อสาย อัลจีเรีย จากแม่ผู้ให้กำเนิด


 


แฟนบอลทุกคนจำภาพสุดเศร้าของซีดานที่เดินก้มหน้าผ่านถ้วยแชมป์ Jules Rimet เข้าไปในอุโมงค์นักกีฬา และ จบลงด้วยชัยชนะของอิตาลีจากการดวลจุดโทษ


 


ตำนานของเพลย์เมคเกอร์อัจฉริยะของทีมฝรั่งเศสที่โลดแล่นในฟุตบอลโลกจบลงอย่างไม่สวยงามนัก พร้อมกับคำถามเรื่องการควบคุมอารมณ์ของเขาที่ซีดานมีอารมณ์ร้อนตั้งแต่เริ่มอาชีพค้าแข้ง แต่สำหรับผลงานอันสุดยอดของเขาที่นำทัพตราไก่เอาชนะ สเปน บราซิล  โปรตุเกส จนไปสู่นัดชิงยังคงอยู่ในความทรงจำของแฟนบอลทุกคน พร้อมกับภาพลีลาและทักษะอันมหัศจรรย์ของนักเตะหัวไข่คนนี้จะเป็นที่จดจำในฐานะนักฟุตบอลที่ยอดเยี่ยมคนหนึ่งในประวัติศาสตร์วงการลูกหนังไปอีกนานเท่านาน

                                                                                              
                                               

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์