ช้างศึก ลั่นหักเขี้ยวเสือประเดิมชิงซูซูกิคัพ

ช้างศึก ลั่นหักเขี้ยวเสือประเดิมชิงซูซูกิคัพ

ความเคลื่อนไหวการแข่งขันฟุตบอลชิงแชมป์อาเซียน "เอเอฟเอฟ ซูซูกิคัพ 2014" รอบชิงชนะเลิศ "ช้างศึก" ทีมชาติไทย แชมป์ 3 สมัย พบกับ "เสือเหลือง" มาเลเซีย แชมป์ 1 สมัย โดยจะเตะนัดแรก วันที่ 17 ธ.ค.57 เวลา 19.00 น. ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ช่อง 7 สีถ่ายทอดสด ก่อนจะหวดนัด 2 วันที่ 20 ธ.ค. ที่สนามบูกิต จาลิล ถิ่นมาเลเซีย

   
ล่าสุดเมื่อวันที่ 16 ธ.ค. ได้มีการแถลงข่าวการแข่งขันนัดแรก "โค้ชโชค" โชคทวี พรหมรัตน์ สตาฟฟ์โค้ช ทีมชาติไทย กล่าวว่า

ไทย พร้อม 100 เปอร์เซ็นต์ จะเปิดเกมรุกเขาใส่ แต่รัดกุม ถ้านักเตะไม่กดดัน จนเล่นเกร็ง จะสามารถคว้าแชมป์รายการนี้ครั้งแรกใน 12 ปี ด้าน ดอลลาห์ ซาลเลห์ กุนซือใหญ่เสือเหลือง มาเลเซีย กล่าวว่า ต้องสร้างความกดดันให้กับทีมไทยตลอดทั้งเกม แม้สถิติที่ผ่านมาไทยจะดีกว่า แต่ตนเชื่อว่า มาเลเซีย จะหยุดไทยได้ ถึงจะไม่ใช่งานง่าย แต่อะไรก็เกิดขึ้นได้ในเกมฟุตบอล สภาพนักเตะไม่มีใครได้รับบาดเจ็บเพิ่มเติม



นายเกษม จริยวัฒน์วงศ์ ผู้จัดการทีม กล่าวว่า ทีมชาติไทยจะใส่ชุดสีน้ำเงิน, มาเลเซีย สีเหลืองดำ จะกำชับไม่ให้นักเตะมีสมาธิ อย่าเสียประตูเร็ว เกมอาจอึดอัด เพราะไทยจะเสียประตูไม่ได้ เนื่องจากมีกฎยิงประตูทีมเยือน(อะเวย์โกล) ขณะที่ กีรติ เขียวสมบัติ กับ อดิศร พรหมรักษ์ ได้รับบาดเจ็บ จะลงเล่นไม่ได้แล้ว ทำให้ไทย จะเหลือผู้เล่น 20 คน


   
วันเดียวกัน ช่วงเช้า "โค้ชซิโก้" เกียรติศักดิ์ เสนาเมือง หัวหน้าผู้ฝึกสอนทีมชาติไทย นำนักเตะลงซ้อมที่สนามการกีฬาแห่งประเทศไทย (กกท.)

 โดย "โค้ชซิโก้" กล่าวว่า ทุกคนพร้อมทั้งจิตใจ และร่างกาย วิ่ง 90 นาที ไม่หมดแรงแน่นอน ส่วนเรื่องตัวผู้เล่นนั้น ตนไม่จะยังพูดตอนนี้ ขอให้ติดตามดูกันว่า ในตำแหน่งกองหน้าจะให้ "เจ้ากอล์ฟ" อดิศักดิ์ ไกรษร หรือ "เมสซี่เจ" ชนาธิป สรงกระสินธ์ รับบทบาทหัวหอกตัวเป้า ทั้งนี้ ตนไม่สนใจ หาก มาเลเซีย จะส่งสายสืบ มาดูฟอร์มนักเตะไทย เพราะแม้จะเห็นว่าไทยซ้อมอย่างไร แต่คงไม่ง่ายที่จะหาแผนการป้องกัน เชื่อว่าจะเก็บชัยชนะได้ก่อน


   
สำหรับผู้เล่น 11 ตัวจริงของทีมชาติไทย ในระบบ 4-3-3

คาดว่ามีดังนี้ กวินทร์ ธรรมสัจจานันท์(ผู้รักษาประตู), แนวรับจากซ้าย พีระพัฒน์ โน๊ตชัยยา, ธนบูรณ์ เกษารัตน์, สุทธินันท์ พุกหอม, นฤบดินทร์ วีรวัฒโนดม, กองกลาง สารัช อยู่เย็น, ชาริล ชัปปุยส์, ชนาธิป สรงกระสินธ์, แนวรุกริมเส้น ซ้าย-ขวา เกริกฤทธิ์ ทวีกาญจน์-มงคล ทศไกร, หัวหอก "กอล์ฟ" อดิศักดิ์ ไกรษร หรืออาจให้ ชนาธิป เล่นกองหน้าแทนตำแหน่ง อดิศักดิ์ แล้วให้ ประกิต ดีพร้อม ลงไปเล่นกองกลางตัวรุก เหมือนรอบรองชนะเลิศนัด 2 ที่ถล่ม ฟิลิปปินส์ 3-0 ฝั่ง มาเลเซีย เล่นระบบ 4-4-2 ซาฟี ซาลิ, นอร์ชาห์รูล ตาลาฮา ยืนคู่หน้า, อัมรี ยาห์ยาห์ เป็นแนวรุกฝั่งซ้าย, ซาฟิก ราฮิม คุมแดนกลาง


   
สถิติคู่นี้ จากการบันทึกของ สหพันธ์ฟุตบอลนานาชาติ(ฟีฟ่า) 55 ปี เจอกัน 89 นัด

ไทย ชนะ 26, มาเลเซีย ชนะ 35, เสมอ 28 เฉพาะรายการชิงแชมป์อาเซียน 11 ครั้ง ไทย ชนะ 6, มาเลเซีย ชนะ 2, เสมอ 3 ครั้ง เคยเจอกันในรอบชิงชนะเลิศมาแล้วในครั้งที่ 1 ปี 1996 ไทย ชนะ 1-0 จากประตูชัยของ "ซิโก้" เกียรติศักดิ์, การเจอกัน 7 ครั้งหลัง ตั้งแต่ปี 2007 ไทย ไม่เคยแพ้ ส่วนการเตะในบ้าน ไทย แพ้หนสุดท้าย เมื่อปี 2004 ขณะที่ผลงานล่าสุดในรอบแรกกลุ่ม B ช้างศึก พลิกสถานการณ์จากที่ตาม 2 ครั้ง กลับมาชนะ 3-2 อดิศักดิ์ ยิง 2 ลูก กับ ชาริล ชัปปุยส์ 1 ลูก ด้าน เสือเหลือง ได้จาก อัมรี ยาห์ยาห์ กับ ซาฟิก ราฮิม


   
ส่วน "บังยี" วรวีร์ มะกูดี นายกสมาคมฟุตบอลแห่งประเทศไทยฯ กล่าวว่า

ในเกม ไทย พบ ฟิลิปปินส์ จะเพิ่มกำลังทหารและตำรวจ ทั้งในและนอกเครื่องแบบเข้ามาให้ได้มากที่สุด เนื่องจาก พระเจ้าหลานเธอ พระองค์เจ้าสิริวัณณวรีนารีรัตน์ จะเสด็จทอดพระเนตร ขณะเดียวกันถ้ามีแฟนบอลจุดพลุ จะเข้าไปจับกุมทันที พร้อมให้ตำรวจตั้งโต๊ะรับแจ้งความกรณีพบผู้จำหน่ายตั๋วผี รวมทั้งจะมีมาตรการรักษาความปลอดภัยแฟนมาเลเซียที่คาดว่าจะมีไม่ต่ำกว่า 3 พันคน


   
ทั้งนี้ ในส่วนของตั๋วเข้าชม ฝ่ายจัดการแข่งขันยืนยันว่า จะไม่มีเปิดจำหน่ายหน้าสนามแน่นอน.


เครดิต :
เครดิต : เดลินิวส์ (อ่านความจริง อ่านเดลินิวส์)


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์