ชิงพรีเมียร์ลีกสูสี

สาวกผีเซ็งไปตามๆ กันเมื่ออเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ผู้จัดการทีมแมนฯ ยู บอกว่าเขาจะไม่ซื้อนักเตะเพิ่มอีกแล้วหลังจากได้ไมเคิล โอเว่น, อันโตนิโอ วาเลนเซีย และกาเบรียล โอแบร์กต็อง

สาวกผีไม่เซ็งได้ไงเพราะปีศาจตัวพ่อทำตัวเป็นเศรษฐีขี้ตืดทั้งๆ ที่ได้เงินถึง 80 ล้านปอนด์จากการขายคริสเตียโน่ โรนัลโด้ ให้รีล มาดริด

นักเตะใหม่ทั้ง 3 คนล้วนแต่เป็นคนเคยเก่งหรือผู้เล่นระดับบ้านๆ โดยเฉพาะโอแบร์กต็อง ซึ่งแฟนแมนฯ ยู ส่วนใหญ่คงจะอุทานเมื่อได้ยินชื่อของเขาว่า "ใคร (วะ)"

ทั้ง 3 คนมีราคารวมกันแค่ 1 ใน 4 ของค่าตัวโรนัลโด้ (โอเว่นได้มาฟรี, วาเลนเซียประมาณ 16 ล้านปอนด์ และโอแบร์กต็องประมาณ 3 ล้านปอนด์)

ในแง่ธุรกิจ แมนฯ ยูกำไรมโหฬาร แต่ในแง่ฟุตบอลแมนฯ ยูอาจจะขาดทุนบานเพราะว่าเสียนักเตะชั้นดี 2 คนอย่างโรนัลโด้กับคาร์ลอส เตเวซ แต่ได้นักเตะงั้นๆ มาแทน 3 คน

เฟอร์กี้บอกว่าราคาของนักฟุตบอลพุ่งกระฉูดจนเกินจริง และแมนฯ ยูมีทีมที่ดีอยู่แล้ว ดังนั้น เขาจึงไม่จำเป็นต้องเต้นตามกระแส

ผมเชื่อว่าแฟนแมนฯ ยู ส่วนใหญ่ไม่เห็นด้วยกับเฟอร์กี้ และเห็นว่านักเตะเกรดเอแพงเท่าไหร่ก็ต้องซื้อ

ป๋าอาจจะอยาก "ตบหน้า" รีล มาดริดด้วยการสร้างทีมให้เป็นแชมป์ด้วยงบประมาณตามสมควร

เฟอร์กี้อาจจะอยาก "ลองของ" ด้วยการย้อนเวลาไปสู่ยุค "คบเด็กสร้างบ้าน" ซึ่งเขาเริ่มนำแมนฯ ยู เข้าสู่ยุคทองโดยใช้ "เด็กสร้าง" เป็นแกนหลักอย่างเดวิด เบ๊กแฮม, ไรอัน กิ๊กส์, พอล สโคลส์ และแกรี่ เนวิลล์

แต่วิธีการเช่นนั้นน่าจะล้าสมัย ยุคนี้ทีมใหญ่ส่วนมากใช้วิธี "โตแล้วเรียนลัด" คือ ซื้อ "นักเตะเก่งสำเร็จรูป" ที่สามารถใช้งานได้ทันที ไม่ต้องลุ้นให้เสียเวลา

ถามว่าแมนฯ ยู มีทีมที่ดีพอแล้วหรือ

ก็น่าจะดีพอสำหรับการลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีก แต่อาจจะเหนื่อยหน่อยและการแข่งขันคงจะสูสีขึ้น โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อแมนฯ ซิตี้กำลังช็อปกระจาย

ในแชมเปียนส์ ลีก แมนฯ ยูคงจะลุ้นยากเมื่อมีนักเตะเกรดเอไม่กี่คนที่ดีพอสำหรับป่วนฝ่ายตรงข้าม

แต่เฟอร์กี้มักทำอะไรเหนือความคาดหมาย และยังมีเวลาเหลืออีกเยอะก่อนตลาดนักเตะปิดในปลายเดือนสิงหาคม

พอใกล้ตลาดวาย ป๋าอาจจะตาลีตาเหลือกซื้อนักเตะในราคาที่แมนฯ ยูโดนโขกเลือดสาดอย่างที่แกทำบ่อยๆ