จุดโทษล้วน!ถั่วควงเบิร์บทุบหม้อแตก 2-0 ขึ้นฝูงร่วม


พรีเมียร์ ลีก 

วันอังคารที่ 31 มกราคม 2555 

สนาม : โอลด์แทรฟฟอร์ด 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 2 : 0 สโต๊ค ซิตี้ 

ประตู : 
1-0 เอร์นานเดซ(จุดโทษ) น.38, 2-0 เบอร์บาตอฟ(จุดโทษ) น.53 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเปิดรังต้อนรับการมาเยือนของสโต๊ค ซิตี้ทีมจอมเวหาที่วันนี้น่าจะแผลงฤทธิ์ได้พอสมควร จากปัญหาที่เจ้าบ้านมีอยู่ 

"ปีศาจแดง" ไม่มีทั้งเด เกอาและลินเดการ์ดสองผู้รักษาประตูตัวหลักที่คนหนึงป่วย ส่วนอีกคนมีอาการบาดเจ็บ จึงส่งเอมอสที่เป็นดาวรุ่งลงเฝ้าเสาแทน โดยมีคุซแซ็คนั่งสำรองด้วยหน้าหมองๆ 

จากการที่ไม่มีทั้งนานี่และรูนี่ย์ในแดนหน้า ทำให้เซอร์ อเล็กซ์เลือกใช้งานเบอร์บาตอฟกับเอร์นานเดซจับคู่ชู้ชื่นลุ้นทำประตูให้กับทีม 

ครึ่งแรก 

ทีมเยือนลองส่องก่อนเลย 
เริ่มเกมมาได้ 5 นาที เป็นสโต๊คที่ได้โอกาสลองลุ้นประตูแบบเบาะๆก่อน ในจังหวะยิงไกลนอกกรอบเขตโทษของวอลเตอร์ แม้ว่าบอลจะปลิวหลุดกรอบออกไป แต่ก็ถือว่าเป็นการเริ่มต้นที่ใช้ได้ 

ผีเครื่องยังหนืดอยู่ 
ผ่านเข้าสู่ช่วงนาทีที่ 20 ไม่เชื่อก็ต้องเชื่อว่าแมนฯยูไนเต็ดที่เล่นในบ้านตัวเองเพิ่งจะได้โอกาสได้ง้างเท้าลองยิง แถมจังหวะยิงทั้งสองครั้งจากคาร์ริคและสโคลส์ก็ติดบล็อกเสียหมดด้วย ดูแล้วเจ้าถิ่นคงต้องเร่งฟอร์มมากกว่านี้หากไม่อยากผิดหวังคาบ้านตัวเอง 

ลองสวนกันคนละหมัด 
นาทีที่ 33 ได้โอกาสแลกกันยิงไปเลยสำหรับทั้งสองทีม แต่ที่เหมือนกันคือไม่เข้าเป้าทั้งคู่สำหรับจังหวะยิงของโจนส์จากทีมเยือนและคาร์ริคของแมนฯยูไนเต็ด เกมนี้โอกาสยิงถือว่าน้อยจริงๆ แม้ว่าเจ้าบ้านจะได้ครองบอลบุกใส่อย่างต่อเนื่องก็ตาม 

ผีได้จุดโทษ!ถั่วน้อยซัดไม่เหลือ 
นาทีที่ 37 แมนฯยูไนเต็ดก็มาได้จุดโทษ ในจังหวะที่สโคลส์จิ้มบอลต่อให้กับปาร์ค ที่แตะบอลได้ก่อนเพนแนนท์ซึ่งพยายามจะสกัด แต่กลายเป็นไปเตะเอาข้อเท้าของแข้งโสมเข้า ทำให้ผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษ ก่อนที่เอร์นานเดซจะรับหน้าที่สังหาร กดเบียดเสาเข้าไปไม่เหลือ เจ้าถิ่นได้ประตูปลดล็อคนำก่อน 1-0 

จะเบิ้ลหรอ!ผีร้องขอจุดโทษอีก 
อีก 3 นาทีต่อมา จังหวะนี้โวยได้เอาหมดจริงๆสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อลูกครอสด้านข้างของเอร์นานเดซไปติดมือของผู้เล่นสโต๊คที่พยายามเข้าบล็อกชัดเจนในกรอบเขตโทษ เพียงแต่ผู้ตัดสินน่าจะมองว่าเป็นบอล-ทู-แฮนด์ทำให้ไม่ได้เป่าจังหวะนี้ให้ 

หมามุ่ยโดนเหลืองตามระเบียบ 
นาทีที่ 43 แบบนี้ก็ต้องรับใบเหลืองไปตามระเบียบ สำหรับสโคลส์ที่ตอนแรกไปหวดผู้เล่นสโต๊คแล้วผู้ตัดสินไม่ว่าอะไร สุดท้ายมาทำฟาวล์แบบโจ่งแจ้งอีกครั้ง คราวนี้เลยเจอจดชื่อ เหมือนแกทำฟาวล์จนกว่าจะเหลืองถึงจะพอใจอะไรแบบนั้น 

จบครึ่งแรก แมนฯยูไนเต็ดแม้ว่าจะเล่นได้ไม่เปรี้ยงปร้าง แต่ก็ครองบอลบุกได้ประตูนำไปก่อนจากจุดโทษของเอร์นานเดซ ทำให้พวกเขาได้เปรียบด้วยสกอร์ 1-0 ก่อนจะฟาดแข้งกันต่อในครึ่งหลัง 

ครึ่งหลัง 

ผีได้จุดโทษอีกเม็ด!คราวนี้พี่เบิร์บจัด 
นาทีที่ 52 แมนฯยูไนเต็ดก็มาได้จุดโทษอีกหนึ่งลูก จากจังหวะที่วาเลนเซียไปโดนวอลเตอร์สที่วิ่งลงไปช่วยเกมรับ แต่ดันไปดึงปีกรถด่วนล้มลงในเขตโทษ ผู้ตัดสินเป่าให้ทันที ก่อนที่เบอร์บาตอฟจะรับหน้าที่ซัด แต่หวาดเสียวสุดๆเพราะโซเรนเซ่นเดาทางถูก แต่ยังดีที่หอกศิลปินยิงเข้ามุม ทำให้ปัดไม่พ้นบอลผ่านเข้าประตูไป "ปีศาจแดง" ได้ประตูที่สองอย่างเร็วในต้นครึ่งหลัง 

กล้องจับใหญ่!เอมอสออกชกบอล 
นาทีที่ 53 เหมือนจะสื่ออะไรบางอย่างสำหรับกล้องในสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ดเมื่อเอมอสผู้รักษาประตูดาวรุ่งพุ่งออกมาชกบอลทิ้งในจังหวะเปิดของสโต๊คและทำได้เด็ดขาดดีด้วย เลยโฟกัสภาพไปที่เซอร์ อเล็กซ์อยู่ข้างสนาม เหมือนจะบอกว่าเจ้าหนูนี้ไม่มีปัญหาเรื่องออกมาตัดบอลกลางอากาศผิดกับบางคนอะไรแบบนั้น 

ไม่เกี่ยวแต่ขอเอี่ยว!แฟนผีร้องเพลงเสริญกิ๊บสัน 
นาทีที่ 67 แม้จะอยู่คนละสนาม แต่พอได้ข่าวว่ากิ๊บสันอดีตเด็กแมนฯยูไนเต็ดทำประตูขึ้นนำแมนเชสเตอร์ ซิตี้ให้กับเอฟเวอร์ตันได้ บรรดาเร้ด อาร์มี่ในโอลด์ แทรฟฟอร์ดก็ส่งเสียงร้องเพลงยกย่องดาวเตะก้นหนักกันใหญ่ 

นึกว่าจะมีอีก!พี่ติ๊กล้มในเขตโทษ 
นาทีที่ 71 นึกว่าจะได้ซัดจุดโทษเป็นเม็ดที่สามของวันนี้ซะแล้วสำหรับแมนฯยูไนเต็ด เมื่อเอฟร่าโดนไปเสียบสกัดจากด้านหลัง ก่อนที่จะล้มคว่ำในกรอบเขตโทษ แต่ผู้ตัดสินไม่ได้ว่าอะไร แม้เจ้าตัวจะโวยก็ตาม 

พ็อกบาเกือบได้ลุ้นประตู 
นาทีที่ 78 ลงมาก็เรียกเสียงฮือฮาได้พอสมควร สำหรับพ็อกบาที่ถูกเปลี่ยนแทนเอร์นานเดซ เริ่มตั้งแต่แตะหนีกองหลังไปเปิดให้เพื่อน จนกระทั่งมาได้ลุ้นยิง แต่ก็ติดบล็อกออกหลังไป 

ไม่น่ามีปัญหาแล้ว 
เกมดำเนินมาถึงช่วงท้าย ตอนนี้แมนฯยูไนเต็ดก็เล่นกันแบบสบายๆไม่ได้มีความกดดันอะไรมากนัก เพราะเกมรุกของสโต๊คเองก็ไม่ได้บุกขึ้นมาบีบใส่กองหลังของเจ้าบ้านให้ได้เสียวหัวใจกันแต่อย่างใด ถ้าล็อคไม่ถล่มแหลกยังไงก็น่าจะสามแต้มสำหรับ "ปีศาจแดง" 

หมามุ่ยดันเหยียบบอล 
นาทีที่ 88 นึกว่าจะได้ง้างเท้ายิงแถวสองตามสไตล์ให้แฟนๆได้เฮกันบ้างสำหรับสโคลส์ ในจังหวะพ็อกบาจิ้มบอลคืนมาให้เขา แต่ดันจับบอลแรกไม่ดีเหมือนจะสะดุดทำให้พลาดโอกาสไป 

จบ 90 นาทีเป็นแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดที่เอาชนะสโต๊คไปแบบไม่ได้ยากเย็นอะไรมากนักด้วยสกอร์ 2-0 ขยับขึ้นไปมี 54 คะแนนเท่ากับจ่าฝูงแมนเชสเตอร์ ซิตี้ที่พลาดท่าพ่ายเอฟเวอร์ตัน ลุ้นกันยาวๆสำหรับพรีเมียร์ ลีกปีนี้ 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : 
เบน เอมอส 6.5, ริโอ เฟอร์ดินานด์ 6.5, จอนนี่ อีแวนส์ 6.5, ปาทริซ เอฟร่า 6.5, คริส สมอลลิ่ง 6.5, พอล สโคลส์  8*, ไมเคิ่ล คาร์ริค, ปาร์ค จี ซุง 7, อันโตนิโอ วาเลนเซีย 7, ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ 7, ฮาเวียร์ เอร์นานเดซ 7(พ็อกบา 6 น.73) 

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : ไรอัน กิ๊กส์, โทมัสซ์ คุซแซ็ค, ราฟาเอล, แดนนี่ เวลเบ็ค, ฟาบิโอ, วิลเลี่ยม คีน 

สโต๊ค ซิตี้ : โธมัส โซเรนเซ่น 6, โรเบิร์ต ฮูธ  6, ไรอัน ชอว์ครอสส์ 6, มาร์ค วิลสัน 6, แอนดี้ วิลกินสัน  5, วิลสัน ปาลาซิออส  6.5 (ดีแล็ป 6 น.75), ดีน ไวท์เฮด 6, โจนาธาน วอลเตอร์ 6(ฟูเลอร์ 6 น.75), เจอร์เมน เพนแนนท์ 6.5, เคนวิน โจนส์ 6, ปีเตอร์ เคร้าซ์ 5(เจอโรม 6.5 น.57) 

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : เกล็นน์ วีแลน, โจนาธาน วู้ดเกต, แมทธิว เอ็ทเธอริงตัน, แอสเมียร์ เบโกวิช
 

 
  
  
 
 
 
 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์