จำเป็นต้องเลือก


นานมาแล้วนะครับที่ แมนฯยู กับ ลิเวอร์พูล ไม่เคยบี้กันสูสีเท่าปีนี้ และไม่ใช่แค่แย่งแชมป์พรีเมียร์ลีกกัน ถ้วยอื่นอย่างเอฟเอคัพ, แชมเปี้ยนส์ลีก ก็ยังเป็นตัวเต็งพอกันทั้งคู่

แต่ด้วยสถานการณ์ที่เป็นอยู่ ผมไม่เชื่อแฮะว่า จะมีทีมไหนเหมาไปครองได้ถึง 2-3 ถ้วย ท้ายที่สุดแล้วมันก็ต้องเลือกเฉพาะอันเป้งๆ ไม่งั้นอาจจะปิ๋วหมดได้เหมือนกัน

แมนฯยูไนเต็ดตัวเจ็บเยอะจน เซอร์อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ต้องเปลี่ยนทีมแทบทุกนัด กลายเป็นโรเทชั่นด้วยความจำเป็น ส่วนลิเวอร์พูลก็มีตัวเก่งหวังพึ่งได้ไม่กี่คน ขืนเน้นทุกถ้วย ทุกนัดมีหวังแบตฯหมดกันเท่านั้น

อย่างเอฟเอคัพ รอบ 4 เสาร์-อาทิตย์นี้ ทั้ง 2 ทีมก็คงปรับทีมพอสมควร ส่วนหนึ่งเพื่อไม่ให้นักเตะช้ำเกินไป รวมทั้งต้องมองเผื่อถึงเกมพรีเมียร์ลีกช่วงกลางสัปดาห์หน้าด้วย

แมนฯยูจะหวดกับ สเปอร์ส คู่ชิงคาร์ลิ่งคัพก่อนในวันเสาร์ ขณะที่หงส์แดงมีคิวโซ้ยกับเอฟเวอร์ตันวันอาทิตย์ หลังจากเพิ่งเตะกันในลีกมาหมาดๆ เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว

ปีศาจแดงกับสเปอร์สกลายเป็นคู่กรรมในบอลถ้วยปีนี้และสำหรับยูไนเต็ด ไม่ว่าดวลกันในเอฟเอคัพ หรือคาร์ลิ่งคัพ ตัวผู้เล่นก็อาจไม่แตกต่างมากเพราะเซอร์อเล็กซ์ยืนยันว่าจะให้โอกาสพวกดาวรุ่งต่อไป ขณะที่เกมวันเสาร์เด็กๆ พวกนี้ บางคนก็น่าจะถูกสั่งลงไปสู้แทนตัวจริงที่เจ็บบานเบอะ

แมนฯยูไม่มี ริโอ เฟอร์ดินานด์ กับ ปาตริช เอฟร่า ซึ่งเจ็บมาพักใหญ่ๆ ส่วนที่เจ็บจากนัดชนะดาร์บี้คือ จอนนี่ เอแวนส์, ราฟาเอล รวมทั้ง อันแดร์สัน ขณะเดียวกัน พวก นานี่ ไรอัน กิ๊กส์ แกร์รี่ เนวิลล์ ก็ยังต้องลุ้นความฟิต หลังจากเล่นไม่ครบ 90 นาทีในเกมหลังสุด

เซอร์อเล็กซ์คงสลับตำแหน่ง ผสมสูตรใหม่กันยุ่งหน่อย แต่บอลอย่างปีศาจแดงเอาใครลงก็ยังดุดัน บุกบ้าเหมือนเดิม แล้วยิ่งถ้ามองว่า สเปอร์สเองก็ไม่ปึ้กเท่าไหร่แถมฟอร์มหลังๆ ยังไม่เอาไหนอีกต่างหาก บรรดาสาวกเรดอาร์มี่จึงไม่น่าซีเรียสจนเกินไป

เทียบกันแล้วคู่ "ลิเวอร์พูล-เอฟเวอร์ตัน" ยังน่าจะดูยากกว่า กดดันกว่าและมีโอกาส "พลิ้ว" มากกว่า

หงส์แดงอาจยังเจ็บใจที่โดนท็อฟฟี่ขโมยแต้มสำคัญในพรีเมียร์ลีก แต่ถ้าหวังจะคิดบัญชีแบบทุ่มสุดตัวก็คงไม่ถูกเพราะงานใหญ่ยังรออยู่ข้างหน้า ราฟา เบนิเตซ ต้องจัดทีมอย่างรอบคอบ ห้ามสึกหรอจากเกมนี้เด็ดขาด

ที่ยากอีกเรื่องคือ นอกจากห้ามเจ็บ ห้ามโดนใบแดง ยังไม่ควรให้ยืดเยื้อมีนัดแข่งใหม่ด้วย

ผมไม่คิดว่า ลิเวอร์พูลจะปล่อยมือจากเอฟเอคัพ หรอก แต่ทีมชุดเตะกับเอฟเวอร์ตันน่าจะอยู่ในระดับดีเท่าที่จะดีได้ แต่ถ้าไม่ดีเท่านัดเยือนวีแกนในลีกวันพุธหน้าก็เป็นเรื่องที่พอจะเข้าใจกันอยู่

หงส์แดงต้องมองยาวๆ ผ่อนหนักผ่อนเบาให้ดีเพื่อจี้แมนฯยูไปติดๆ ที่น่าคิดคือ ลิเวอร์พูลเมื่อผ่อนแล้วจะยังหวังผลได้เท่ากับปีศาจแดงในวันมาม่า หรือเปล่าเท่านั้นเอง

เข้าใจราฟาเขาหน่อยก็แล้วกัน

โปรแกรมแข่งเอฟเอคัพ อังกฤษ รอบ 4

วันเสาร์ที่ 24 ม.ค. เชลซี-อิปสวิช, ดอนคาสเตอร์-แอสตันวิลล่า, ฮาร์ตลี่พูล-เวสต์แฮม, ฮัลล์-มิลล์วอลล์, เค็ทเทอร์ริ่ง-ฟูแล่ม, แมนฯยู-สเปอร์ส, ปอร์ทสมัธ-สวอนซี, เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด-ชาร์ลตัน, ซันเดอร์แลนด์-แบล๊คเบิร์น, ทอร์คีย์-โคเวนทรี, วัตฟอร์ด-คริสตัล พาเลซ, เวสต์บรอม-เบิร์นลี่ย์, วูล์ฟแฮมป์ตัน-มิดเดิ้ลสโบรช์

วันอาทิตย์ที่ 25 ม.ค. คาร์ดิฟฟ์-อาร์เซน่อล, ลิเวอร์พูล-เอฟเวอร์ตัน

โปรแกรมถ่ายทอดสดทางทรูวิชั่นส์+ฟรีทีวี

คืนวันเสาร์ที่ 24 ม.ค. เวลา 02.00 น. บาเลนเซีย-โอซาซูน่า (ทรูสปอร์ต 1) เวลา 02.30 น. ยูเวนตุส-ฟิออเรนติน่า (ทรูสปอร์ต 3-ฟรีทีวีช่อง 9 โมเดิร์นไนน์ทีวี) เวลา 04.00 น. บาร์เซโลน่า-นูมานเซีย (ทรูสปอร์ต 1) คืนวันอาทิตย์ที่ 25 ม.ค. เวลา 21.00 น. ลาซิโอ-กายารี่(ทรูสปอร์ต 5-ฟรีทีวีช่องเอ็นบีที) โบโลญญ่า-เอซี มิลาน (ทรูสปอร์ต 3) เวลา 01.00 น. เซบีญ่า-ราซิ่ง (ทรูสปอร์ต 1) เวลา 02.30 น. อินเตอร์-ซามพ์โดเรีย (ทรูสปอร์ต 3) เวลา 03.00 น. รีล มาดริด-ดีปอร์ติโบ้ (ทรูสปอร์ต 1)


เครดิต :
เครดิต :เนื้อหาข่าว คุณภาพดี หนังสือพิมพ์มติชน


ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์