คุณสมบัติของแชมป์?


ปีใหม่นี้คิดอะไร หวังสิ่งใด หรืออยากได้อะไรก็ขอให้เก็บเงินซื้อเอาเองนะครับ...ถุยส์! แล้วมึงจะอวยพรทำหอกหักอะไรเนี่ย? เอาเป็นว่าปีใหม่ปีนี้ขอให้เฮียร่ำรวยเงินทอง ขอให้มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง ปลอดจากโรคภัยไข้เจ็บ และซอยเอวยิกๆๆๆ ให้สมกับเป็นปีกระต่ายนะครับ ฮ่าๆๆ ไม่ทราบว่าช่วง 4 วันอันตราย เฮียไปเสี่ยงชีวิตที่ไหนมาบ้างหรือเปล่า สำหรับคืนวันขึ้นปีใหม่ (31 ธันวาคม) ที่ผ่านมาโดยปัจจุบันชาวบ้านเขานิยมสวดมนตร์ข้ามปีกันอย่างเอิกเกริก ซึ่งคนโสดอย่างผมก็ได้ทำอะไรแนวๆ นั้นเหมือนกัน นั่นคือการสไลด์หนอนข้ามปี เฮียว่าผมเป็นคนที่มีความคิดสร้างสรรค์หรือเปล่า?
 

ในที่สุด เวย์น รูนี่ย์ ก็ทำประตูแบบ โอเพ่นเพลย์ โดยไม่ต้องอาศัยจุดโทษจนได้นะครับเฮีย ถือเป็นของขวัญล้ำค่าสำหรับ เด็กผี ทุกท่านในวันปีใหม่ แต่ที่ผมไม่เข้าใจมากถึงไม่เข้าใจมากที่สุดคือ แมนฯ ยูไนเต็ด บุกไปยัดเยียดความปราชัยให้ เวสต์บรอมวิช ได้อย่างไร หลังจบเกม ผมขยี้ตาดูผลการแข่งขันให้แน่ใจอีกครั้งพลางอุทานออกมาว่า มึงชนะได้ไงเนี่ย?


 เหลา ดงกล้วย




... 
 ส่งไม่ตาย: สวัสดีปีใหม่เหมือนกันนะครับคุณ เหลา และขอสวัสดีปีใหม่ผู้อ่านทุกท่านด้วยครับ ใครอวยพรอะไรมาก็ขอให้คำอวยพรย้อนกลับไปสู่ทุกท่านนะครับ
 


เรื่องการสไลด์หนอนข้ามปีถือเป็นความคิดที่แปลกใหม่และสร้างสรรค์มั่กมาก แถมบางทีการ สไลด์หนอนข้ามปี อาจจะกลายเป็นเทรนด์ใหม่ของชายไทยในอนาคตเฉกเช่นเดียวกับการสวดมนตร์ข้ามปี ก็เป็นได้ อย่างน้อยมันก็ไม่สร้างความเดือดร้อนให้ใครนี่หว่า แถมยังจินตนาการถึงใครก็ได้สุดแต่ใจจะปรารถนา (โดยไม่เว้นแม้แต่เพื่อนของพี่สาวที่เราแอบชอบมานาน) เพียงแต่ต้องไม่ลืมนะครับว่าคนเราไม่ควรจะสไลด์หนอนเกินวันละ 3 ดอก ยังไงก็อย่าหักโหมให้.....ถุยส์! มึงจะบ้าป่าวเนี่ย สไลด์หนอนข้ามปี ไม่ทราบว่าคิดได้ยังไง แต่คิดไปคิดมามันก็เป็นอะไรที่น่าลิ้มลองเหมือนกันนะ ฮ่า-ฮ่า-ฮ่า
 

สำหรับชัยชนะเมื่อวันปีใหม่ของ แมนฯ ยูไนเต็ด ขอยอมรับตามตรงว่ามันมิได้สะท้อนถึงรูปเกมที่เหนือกว่าเลยสักนิดเดียวนอกจาก นี้ยังแสดงถึงสัจธรรมอีกต่างหากว่าโลกเน่าๆ ใบนี้มันช่างไร้ซึ่งความยุติธรรม
 

โธ่...พ่อคุณ อย่าว่าแต่ชนะเลยนะครับ แม้แต่เสมอก็ไม่สมควรด้วยซ้ำ ความจริง แมนฯ ยูไนเต็ด น่าจะแพ้เป็นนัดแรกของฤดูกาลไปแล้ว
 

ในเมื่อรูปเกมสู้ไม่ได้ด้วยประการทั้งปวง แม้จะเริ่มต้นปีกระต่ายอย่างไฉไลเป็นบ้า เมื่อ เวย์น รูนี่ย์ พังประตูแรกให้ตัวเอง นับตั้งแต่วันที่ 30 มีนาคม 2010 หมายความว่า 9 เดือนเต็มที่เขาห่างเหินจาการทำลายตาข่ายคู่แข่งโดยไม่ต้องอาศัยจุดโทษ รวมทั้งสิ้น 18 นิดติดต่อกัน
 

ตอนแรก เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน วางหมาก 4-4-2 ผมเห็นรายชื่อผู้เล่นตัวจริงแล้วก็รู้สึกพะอืดพะอมเล็กน้อยตรงการส่ง แกรี่ เนวิลล์ ลงเล่นเป็นตัวจริงนี่แหละ
 

เท่านั้นไม่พอยังปราศจากตัวริมเส้นอย่าง นานี่ กับ พาร์ค ชี-ซอง ส่งผลให้ ป๋า ต้องส่ง กาบี้ โอแบร์กต็อง เป็นปีกซ้ายพลางขยับ ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ออกไปทางขวา
 

หลังจาก รูน โขกประตูแบบไม่เจตนาสักเท่าไหร่ช่วยให้ทีมตัวเองขึ้นนำอย่างรวดเร็วปานสาย ฟ้าฟาด แมนฯ ยูไนเต็ด ก็ถูกคู่แข่งจับหัวกดลงในตุ่มน้ำ ถึงขนาดต้องใช้รูตูดช่วยหายใจเลยทีเดียว
 

ไอ้ที่มันเป็นแบบนี้ ประการหนึ่งเพราะ โรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอ กุนซือของเวสต์บรอมฯ วางผู้เล่นในแดนกลางมากกว่า คือ 5 คน (ระบบ 4-5-1) พลางกำชับให้ลูกทีมเข้าบดบี้ประชิดตัวรวดเร็ว และตัดเกมอย่างหนักหน่วง
 

จากนั้นก็พยายามจี้จุดอ่อนในแผงหลังของปีศาจแดงที่มีรูปร่างหน้าตาคล้าย แกรี่ เดอะ เนฟ
 

เจอยุทธวิธี วิ่ง-สู้-ฟัด กัดไม่ปล่อย ผู้เล่นพันธุ์อสูรถึงกับพลิกตำรารับมือแทบไม่ทัน ยิ่งเร่งสปีดของเกมมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเสียบอลเร็วมากขึ้นเท่านั้น ครั้นจะเล่นช้าค่อยๆ หาช่องก็ถูกบีบถูกบังจนขึ้นเกมไม่ถนัด สุดท้ายก็เหมือนเกมที่ทำได้แค่เสมอทีมเจ้าโลกอย่าง เบอร์มิงแฮม นั่นแหละ คือต้องโยนยาวไปข้างหน้าจนหาความแน่นอนไม่ได้
 

แต่เข้าใจว่าชาติที่แล้วคงทำบุญไว้พอสมควร แมนฯ ยูไนเต็ด จึงเสียแค่ประตูเดียว หลังจากโดนบุกกระหน่ำอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะจังหวะที่แบ็คขวารุ่นคุณน้าทำฟาวล์น่าเกลียดในเขตโทษ
 

นอกจากจะเป็นจุดโทษ ยังต้องถูกไล่ออกอีกต่างหาก ไม่รู้เหมือนกันว่ารอดได้อย่างไร?
 

ปีศาจแดงโดนกระหน่ำเสียจนผู้เป็นกุนซือต้องแก้เกมก่อนจบครึ่งแรก ด้วยการปรับระบบจาก 4-4-2 มาเป็น 4-5-1 (หรือ 4-3-3) เพื่อให้จำนวนผู้เล่นในแดนกลางเท่ากับคู่แข่ง
 

ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์ ถูกขยับเข้ามาช่วย ไมเคิ่ล คาร์ริค กับ อันแดร์สัน ตรงกลาง โดยถ่าง เวย์น รูนี่ย์ จากกองหน้าไปเป็นตัวริมเส้นทางด้านซ้าย และโยก กาบี้ โอแบร์กต็อง จากปีกซ้ายไปเป็นมิดฟิลด์ทางขวา ทิ้ง ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ เป็นหัวหอกเพียงลำพัง (แต่ผู้พากย์เกมนัดนี้ทางเคเบิ้ลทีวีกลับมองไม่ออกว่า แมนฯ ยูไนเต็ด เปลี่ยนระบบการเล่น แถมยังโชว์ความรู้แบบผิดๆ ว่า โอแบร์กต็อง ถูกวางเป็นตัวฟรี สามารถโยกจากซ้ายไปเล่นขวาซะอย่างนั้น!)
 

หลังปรับระบบ รูปเกมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ดีขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ ริโอ เฟอร์ดินานด์ จะทำเสียจุดโทษซะอย่างนั้น!
 

จุดเปลี่ยนอยู่ตรงนี้แหละครับ ถ้า ปีเตอร์ โอเด็มวิงกี้ สังหารตุงตาข่าย ไมค์ ฟีแลนด์ กับ เรเน่ มิวเลนสตีน 2 ผู้ช่วยผู้จัดการทีมปีศาจแดงคงต้องหันไปบอกท่านเซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ว่า มันจบแล้วครับนาย เฮ้ย! คำนี้...ไม่ค่อยดีว่ะ เปลี่ยนเป็น มันจบแล้วครับป๋า ดีกว่า ฮ่า-ฮ่า-ฮ่า
 

ถ้า เวสต์บรอมฯ ขึ้นนำ 2-1 ในสถานการณ์นั้น ผมมั่นใจมากว่า แมนฯ ยูไนเต็ด ประสบความฉิบหายอย่างแน่นอนครับ
 

โชคดีที่ โอเด็มวิงกี้ ยิงหลุดเสาออกไป แถม ชิชาริโต้ ซึ่งโชคดีไม่ติดโทษแบน ข้อหาฮุคขวาเข้าใบหน้าผู้ตัดสิน อภิสิทธิ์ อ้นรัก 2 ดอก ยังลงมาโหม่งประตูชัยแบบ งง-งง จบเกม แมนฯ ยูไนเต็ด ก็เลยชนะแบบ งง-งง เช่นเดียวกับเด็กผีที่ตกอยู่ในอาการ งง-งง ว่าชนะได้อย่างไร
 

แบบนี้แหละที่เรียกว่าคุณสมบัติของแชมเปี้ยนส์
 

โชว์ฟอร์มห่วยแตก แค่เสมอก็น่าพอใจ แต่ดันชนะซะอย่างนั้น ชนะแบบไม่มีเหตุผลและไม่ต้องการความเข้าใจใดๆ ทิ้งสิ้น
 

อย่างไรก็ตาม ผมขอเรียนตามตรงว่าฟอร์มห่วยแตกแบบนี้ รวมถึงฟอร์มการเล่นโดยรวมของ แมนฯ ยูไนเต็ด ตั้งแต่เปิดฤดูกาลยังไม่ค่อยเหมาะสมกับทีมที่จะคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกสัก เท่าไหร่เลย
 

ไอ้ที่ยังนำเป็นจ่าฝูง แถมทะลึ่งทิ้งห่างชาวบ้าน ก็เพราะคู่ขับเคี่ยว (ตัวจริง) ของพวกเขาดันทำตัวห่วยแตกมากกว่า ยกตัวอย่างเช่น เชลซี ที่เล่นแย่มาหลายนัดติดต่อกัน
 

ส่วน อาร์เซน่อล ก็หลุดง่ายไปหน่อย
 

ดังนั้นถ้าจบฤดูกาลนี้พลพรรคปีศาจแดงคว้าแชมป์ลีกสูงสุด ได้สำเร็จ ถือว่าเป็นแชมป์ที่มีปัจจัยสำคัญตรงความโชคดีมากที่สุดครั้งหนึ่งในประวัติ ศาสตร์เลยทีเดียว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์