คนถอนใจไม่ถอน!เจทีโขกหายสิงโตย้ำแค้นเบียร์

คนถอนใจไม่ถอน!เจทีโขกหายสิงโตย้ำแค้นเบียร์

 

สภาพทีมไม่สมประกอบแต่ฟาบิโอ คาเปลโล่กุนซือหน้าหงิกยังยิ้มออกเมื่อนักเตะที่เหลือสู้สุดฤทธิ์ทำผลงานเกินคาดบุกมาเอาชนะเยอรมันถึงเบอร์ลินเป็นคำรบที่สองโดยจอห์น เทอร์รี่สวมบทฮีโร่โขกเผาขนก่อนหมดเวลา 6 นาทีซิวชัย 2-1 สุดระทึก

บรรยายเกมโดยลูกแม่กิ่ง

ผลฟุตบอลกระชับมิตร

วันพุธที่ 19 พฤศจิกายน 2551


เยอรมัน 1-2 อังกฤษ

สนาม :
โอลิมเปีย สตาดิโอน, เบอร์ลิน

ประตู : 0-1 แมตธิว อัพสัน น.23, 1-1 พาทริก เฮลเมส น.63, 1-2 จอห์น เทอร์รี่ น.84

ผู้ชม : 74,244 คน

เกมกระชับมิตรสำหรับสองชาติที่ถือตัวเป็นคู่ปรปักษ์กันตลอดกาลที่นัดนี้บรรยากาศดูจะผ่อนคลายลงไปมากเนื่องจากผู้เล่นตัวหลักๆของทั้งสองทีมนั้นถอนตัวกันระนาวเลยทีเดียว

ทางเยอรมัน นัดนี้โยอัคคิม เลิฟ ให้โอกาสมาร์วิน คอมป์เปอร์ ตัวฟอร์มแรงจากฮอฟเฟ่นไฮม์ ลงเล่นเป็นตัวจริงด้วย ในขณะที่อังกฤษ ทางด้านฟาบิโอ คาเปลโล่ ส่งกาเบรียล อักบอนลาฮอร์ ที่กำลังร้อนแรงกับแอสตัน วิลล่า ลงยืนคู่หัวหอกกับเจอร์เมน เดโฟ เช่นกัน

เกมออกสตาร์ทมาเป็นทางอังกฤษ ที่เริ่มต้นได้ดีกว่าเล็กน้อยโดยสามารถที่จะต่อบอลกันได้แม่นยำกว่าเพียงแต่ยังไม่ได้มีโอกาสที่จะเจาะเข้าไปได้ง่ายนัก เนื่องจากแพร์ แมร์แตซัคเกอร์ ปราการหลังร่างยักษ์ยังสะกดแนวรุกผู้ดีได้สนิท 

อังกฤษ ยังเป็นฝ่ายที่ครองบอลได้ดีกว่าอยู่พักใหญ่ และจู่ๆก็มาได้ประตูขึ้นนำแบบไม่มีปี่มีขลุ่ยในนาทีที่ 23 จากลูกเตะมุม เรเน่ อัดเลอร์ นายทวารเจ้าถิ่นโชว์เหวออกมาชกบอลพลาดแบบน่าเกลียดสุดๆ ลูกเลยมาตกที่แมตธิว อัพสัน สไลด์ตัวยิงเข้าไปสบายๆให้ทีมเยือนขึ้นนำ 1-0

หลังโดนลูบคมไปก่อน เยอรมันก็เริ่มตื่นและกลับมาเป็นฝ่ายครองเกมได้บ้าง เพียงแต่ก็ไม่สามารถสร้างความกดดันได้มากพอ ยกเว้นในจังหวะขึ้นโขกของไฮโก้ เวสเตอร์มันน์ ที่ได้เทคตัวขวิดบอลจากการเปิดฟรีคิกของบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ แต่ก็ข้ามคานออกไป

ถัดมานาทีที่ 36 อังกฤษ ส่งบอลเข้าไปตุงตาข่ายได้อีกครั้งจากการยิงของอักบอนลาฮอร์ แต่ผู้ช่วยผู้ตัดสินยกธงให้เป็นลูกล้ำหน้าไปก่อน ก่อนที่ทีมสิงโตคำรามจะเริ่มโต้กลับแบบน่ากลัวๆให้เห็นหลายครั้ง

ก่อนหมดครึ่งแรกนาทีเดียว ทีมเยือนมีโอกาสใกล้เคียงอีกครั้งจากการตั้งป้อมยิงหน้ากรอบเขตโทษของสจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ที่บอลพุ่งเป็นจรวดแต่อัดเลอร์ พุ่งปัดได้ก่อนจะโดนไรท์-ฟิลลิปส์ ซ้ำดาบสองก็ข้ามานออกไป ก่อนที่เกมจะจบลงในครึ่งแรกด้วยฟอร์มที่น่าประทับใจของอังกฤษ

กลับมาลุยกันใหม่ในครึ่งหลังทั้งสองทีมมีการปรับเปลี่ยนส่งตัวสำรองลงมากันบ้าง โดยทางอังกฤษส่งดาร์เรน เบนท์ มาแทนเจอร์เมน เดโฟ ที่มีอาการบาดเจ็บเล็กน้อย และให้สกอตต์ คาร์สัน ลงมาแทนเดวิด เจมส์ ส่วนเยอรมัน ส่งพาทริก เฮลเมส, มาร์โก้ มาริน และทิม วีเซ่ ลงมา

อย่างไรก็ดีในช่วงต้นครึ่งหลังนั้นรูปเกมค่อนข้างที่จะไม่มีอะไรให้ลุ้นมากนัก โดยอังกฤษ ยังพอใจกับการเล่นประคับประคองตัวเองไปเรื่อยๆและหาจังหวะสวนกลับเป็นระยะ

แต่จุดเปลี่ยนที่สำคัญของเกมก็มาในนาทีที่ 63 โดยอังกฤษ สมควรจะได้ประตูหนีห่างเมื่อเบนท์ ได้บอลหลุดเข้าไปเลื้อยหลบอัดเลอร์ได้ในเขตโทษแล้วและเหลือตาข่ายโล่งๆให้ส่งบอลเข้าไปแต่กลับลื่นทำให้ยิงหลุดกรอบไปแบบเหลือเชื่อ

ก่อนที่จังหวะต่อมา เยอรมันก็สวนกลับมาและเป็นความผิดพลาดแบบทุเรศๆของเทอร์รี่ ที่บังบอลไม่ดีพอขณะที่คาร์สัน ก็ออกมากะจังหวะพลาดทำให้คว้าลมแทนที่จะเป็นบอลเนื่องจากโดนเฮลเมส ฉกเอาบอลไปยิงแบบสุดขำ และทำให้สกอร์กลับมาเสมอกันที่ 1-1

ประตูนี้ทำให้อุณหภูมิในเกมร้อนขึ้นทันที ทั้งสองทีมเปิดเกมแลกกันแบบชนิดไม่มีใครยอมใครอีกต่อไป ซึ่งก็แลกกันสนุกพักใหญ่ก่อนที่อังกฤษ หวุดหวิดจะได้ประตูอีกครั้งเมื่อไรท์-ฟิลลิปส์ ลากตัดเข้ามาจากขวาก่อนจะซัดไปชนเสาเข้าเต็มๆ

แต่ถึงนาทีที่ 85 ทีมสิงโตคำรามก็กลับไปนำอีกครั้งจนได้จากลูกฟรีคิก แบร์รี่ เปิดเข้ามากลางประตูถึงเทอร์รี่อยู่เสาสองขึ้นขี่ตัวประกบที่อยู่ด้านหน้าแล้วโขกบอลพุ่งชนเสาไกลรูดตาหน้าต่างเข้าไปสุดสวยโดยที่ทีมวิเซ่ได้แต่ยืนยกมือจะเอาฟาว์ลแต่ไม่สำริจผลและเป็นประตูชัยสำหรับอังกฤษย้ำแค้น 2-1 เฮฮา


รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

เยอรมัน :
เรเน่ อัดเลอร์ (ทิม วีเซ่ น.45) , อาร์เน่ ฟรีดิช (เซร์ดาร์ ตาสคี่ น.68) , แพร์ แมร์แตร์ซัคเกอร์, ไฮโก้ เวสเตอร์มัน, มาร์วิน คอมป์เปอร์ (มาร์แซล เชเฟอร์ น.77) , บาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์, ไซมอน โรลเฟส, เจอร์เมน โจนส์ (มาร์โก้ มาริน น.45) , ปีโอตอร์ โตรชอฟสกี้, มิโรสลาฟ โคลเซ่ (พาทริก เฮลเมส น.45) , มาริโอ โกเมซ (ลูคัส โพดอลสกี้ น.57)

ใบเหลือง : -

อังกฤษ : เดวิด เจมส์ (สกอตต์ คาร์สัน น.45) , เกล็น จอห์นสัน, จอห์น เทอร์รี่, แมตธิว อัพสัน, เวย์น บริดจ์, ฌอน ไรท์-ฟิลลิปส์, ไมเคิล คาร์ริค, แกเร็ธ แบร์รี่, สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง, เจอร์เมน เดโฟ (ดาร์เรน เบนท์ น.45) , กาเบรียล อักบอนลาฮอร์ (แอชลี่ย์ ยัง น.77)

ใบเหลือง : ไรท์-ฟิลลิปส์ น.30

ผู้ตัดสิน : มัสซิโม่ บูซัคก้า (สวิตเซอร์แลนด์)






























 

ขอขอบคุณเนื้อข่าวคุณภาพดีโดย lentee


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์