ขอดเกร็ดลูกหนัง V.3 ตอนวิวัฒนาการลูกฟุตบอลโลก และล่าสุดJABULANI2010


แรกเริ่มเดิมทีเลย ที่ FIFA (Federation of International Football Association .. หรือ ... Federation Internationale de Football Association .. องค์กรกลางเกี่ยวกับฟุตบอลของโลก) มีความตั้งใจที่จะเปลี่ยนแปลงลูกฟุตบอลที่ใช้ในการแข่งขันฟุตบอลโหก ในปี 1970 ที่ประเทศเม็กซิโก ทั้งนี้เพราะว่าก่อนหน้านี้ ลูกบอลมันแข็งและหนัก เตะแล้วเจ็บ สีก็น้ำตาลทึมๆ (หาคลิปฟุตบอลเก่าๆ ดูได้ตาม
video.google.com นะครับ)

FIFA ก็ได้มาคุยกับบริษัท Adidas ว่าเราจะทำยังไงกันดี ไม่งั้นนักเตะมีหวังตาปลาแตกกันแน่ๆ .. ทาง Adidas ก็เลยรับแนวคิดมาออกแบบลูกฟุตบอลรูปแบบใหม่

และก็ได้มาเป็น ...







adidas Telstar ซึ่งใช้แข่งในปี 1970 ที่ประเทศเม็กซิโก
การปฎิวัติลูกฟุตบอลครั้งนี้ ทำให้โลกเรามีลูกฟุตบอลที่เป็นมาตรฐานมาจนทุกวันนั้น เพราะนอกจากจะไม่ใช้ลูกยางแบบเก่า แต่มันใช้หนังมาเย็บติดกัน 32 ชิ้น โดยแบ่งเป็น สีดำที่เป็น 5 เหลี่ยม 12 ชิ้น และ สีขาวหกเหลี่ยมอีก 20 ชิ้น

ทำไมต้องเป็นสีดำกับสีขาว?

adidas ฉลาดมาก .. เพราะปี 1970 เป็นปีที่มีการถ่ายทอดสดฟุตบอลโลกไปทั่วโลกเป็นครั้งแรก (ก่อนหน้านี้ก็มีการถ่ายเก็บไว้ แต่ไม่ได้ถ่ายทอดสด) แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าโทรทัศน์สมัยนั้น มีแต่สีขาวดำ ดังนั้น การที่จะให้เห็นลูกบอลได้ง่ายๆ ก็คือทำมันเป็นสีขาว กับสีดำ ให้มันลายๆ ซะเลย เวลาบอลกลิ้งจะเห็นชัดเจนดี เป็นการโฆษณาตัวเองไปในตัวด้วย

จึงเป็นที่มาของการเย็บหนังให้เป็นลูกบอลทรงกลมอย่างที่เราเห็นกัน .. และชื่อ Telstar ก็ผันมาจาก Star of Television .. เป็นไงล่ะครับ .. ฉลาดล้ำลึกจริงๆ








adidas Telstar ซึ่งใช้แข่งในปี 1974 ที่ประเทศเยอรมัน
มาในปี 1974 มีการเปลี่ยนแปลงเล็กน้อยสำหรับลูกฟุตบอลที่ใช้แข่งบอลโลกในครั้งนี้









adidas Tango ปี 1978 ประเทศอาร์เจนติน่า
และแล้ว ก็มีการเปลี่ยนแปลงลายบนลูกฟุตบอลอีกครั้ง จากที่แต่ก่อนจะเป็นสีขาวดำโดยเกิดจากผืนหนังที่เอามาเย็บติดกัน แต่ครั้งนี้ adidas ปรับเปลี่ยนใหม่หมด โดยยังคงใช้หนัง 5 เหลี่ยมและ 6 เหลี่ยมเช่นเดิม แต่ใช้หนังสีขาวทั้งหมด แล้วก็มาพิมพ์ลายลงไป (หรือพิมพ์ไปก่อน ผมก็ไม่รู้นะครับ ต้องไปถามโรงงาน adidas หรือไม่ก็ FBT ดู อิอิ)


โดยที่ลักษณะของลายจะเป็นรูปทรง 3 เหลี่ยมโค้งๆ จำนวน 20 อัน โค้งต่อๆ กัน และที่มันต่อกันนี้เอง ทำให้เกิดเป็นรูปวงกลมสีขาวอีก 12 วง .. ว้าว!! เข้าใจคิดดีจริงๆ

การออกแบบในครั้งนี้ค่อนข้างสำคัญ เพราะหลังจากนั้นมา adidas ก็ยืดรูปแบบนี้ในการผลิตลูกฟุตบอลในรายการสำคัญอีกหลายต่อหลายสิบปีนับจากนั้น









adidas Tango Espana ปี 1982 ที่ประเทศสเปน
ในปีนี้ การออกแบบแทบจะไม่แตกต่างไปจากครั้งก่อนหน้านี้เลยครับ เพียงแต่ว่ามีเทคโนโลยีที่ดีกว่า นั่นคือ ... การใช้เทคโนโลยีในการทำให้หนังมีการดูดซับน้ำที่น้อยลงกว่าเดิมมาก .. หมายความว่า ถ้าเทียบกับรุ่นเก่าแล้วเล่นตากฝนเนี่ย เจ้ารุ่นนี้จะยังคงมีน้ำหนักเบาอยู่ แต่รุ่นก่อนหน้านี้จะหนัก ถ้าเตะแรงๆ อาจจะขาหักได้









adidas Aztega ปี 1986 ประเทศเม็กซิโก
แล้วก็มาถึงรุ่นที่ผมบอกก่อนหน้านี้ ว่าผมเพิ่งรู้จักลายฟุตบอลก็จากบอลโลกครั้งนี้ล่ะครับ และแน่นอนว่าต้องมีเทคโนโลยีที่ดีกว่า Tango Espana แน่ๆ นั่นคือเรื่องของวัสดุที่เอามาใช้ทำ นั่นคือจะไม่ใช้หนังแท้มาทำแล้ว แต่จะเป็นหนังสังเคราะห์ โดยจะให้ผลในเรื่องของการซับน้ำ และการกระเด้งที่ดีขึ้น


แล้วเรื่องของลายบนลูกฟุตบอล ถึงแม้จะอิงกับการออกแบบเดิม แต่ก็ได้ใส่ลวดลายเข้าไปโดยเป็นลายที่เค้าเรียกว่า Aztec ที่เป็นลายท้องถิ่น (ใครเคยเล่น Counter-Strike คงเคยเล่นด่าน Aztec นะครับ อิอิ) ถ้ามาบ้านเราเนี่ย คงได้ลายผ้าไหมมัดหมี่แน่ๆ เลย









adidas Etrusco Unico ปี 1990 ที่ประเทศอิตาลี
แล้วก็มีการปฎิวัติเกี่ยวกับลูกฟุตบอลอีกครั้ง โดยในปีนี้ ได้มีการเพิ่มชั้นของโพลียูริเทนเข้าไปในลูกฟุตบอลด้วย เป็นผลให้มันสามารถกันน้ำได้ 100% (ถ้าบอลไม่รั่วซะก่อน) และชื่อของมันก็มาจากงานศิลปะของอิตาลีที่ชื่อว่า Etruscans ซึ่งจะเห็นว่าจะเป็นหัวสิงโต 3 หัว ซึ่งเป็นศิลปะของ Etruscans อยู่ในลายนั้นอยู่ด้วย










adidas Questra ปี 1994 ที่ประเทศสหรัฐอเมริกา
แล้วก็มีมาตราฐานใหม่สำหรับลูกฟุตบอลเกิดขึ้น .. สำหรับรุ่นนี้นั้น มีการเพิ่มชั้นของโพลียูริเทนที่ด้านนอกไปซะเลย ทำให้ได้สัมผัสที่นุ่มนวล สดชื่นทั้งวัน และขาวนวลทั้งวัน ดังใช้ไวท์เทนนิ่ง .. นอกจากจะนุ่มนวลกว่าเดิมแล้ว ยังควบคุมได้ดีกว่าเดิมอีกด้วย


และชื่อ Questra นี้ ก็มีที่มาจาก Quest for the star เพราะมันใช้เทคโนโลทีทางด้านอวกาศ (โอว เลิศ..)

หลังจากนั้นมา ฟุตบอลรุ่นใหม่ในโลก จะมีชั้นโพลียูริเทนเคลือบอยู่ด้านนอกด้วย









adidas Tricolore ปี 1998 ที่ฝรั่งเศส
เป็นปีแรก ที่ลายของฟุตบอลไม่ได้มีแต่สีขาวและดำ มันจึงได้ชื่อว่า Tricolore (สามสี) และนอกจากนี้ ยังเป็นครั้งแรก ที่มีการถักใยโพลียูริเทนลงไปในชั้นของหนังเทียม ทำให้ถ้ามองดูดีๆ มันจะลายๆ นิดนึง ซึ่งมันจะช่วยในเรื่องของการเตะ การกระเด้ง ฯลฯ










adidas Fevernova ปี 2002 ที่เกาหลี/ญี่ปุ่น
และนี่เป็นอีกครั้งหนึ่ง ที่เปลี่ยนการออกแบบจากแบบเดิมโดยสิ้นเชิงจากลาย Tango ที่ใช้กันมาตั้งแต่ปี 1978 โดยที่ลายจะพยายามให้ออกไปในทางเอเชียตามประเทศที่จัดบอลโลกครั้งนี้ นอกจากนี้ยังมีการถักวัตถุสังเคราะห์เพิ่มลงไปอีกด้วย











adidas +Teamgeist ปี 2006 ประเทศเยอรมัน
และนี่คือลูกฟุตบอลที่จะใช้ในฟุตบอลโลกที่เยอรมันครับ มีชื่อว่า Teamgeist มาจาก ... Team Spirit!!
และนอกจากนี้ ยังลดจำนวนชิ้นของวัสดุที่เอามาใช้เย็บทำลูกบอล จากปกติที่เป็น 5 เหลี่ยม กับ 6 เหลี่ยม รวมกัน 32 ชิ้น เป็นว่าใช้ทั้งหมดแค่ 14 ชิ้น


การลดชิ้นของหนัง(เทียม)ลงไปนี้ ทำให้มีเส้นของรอยต่อที่น้อยลง ทำให้มีความเป็น ทรงกลม ที่มากกว่าลูกฟุตบอลแบบเดิมๆ เป็นผลให้มันควบคุมได้เยี่ยมยอดขึ้น (อีกแล้ว) ... ผมก็ไม่รู้นะครับ ยังไม่ได้ลองเตะรุ่นใหม่นี้เลย และคงไม่มีวาสนาซื้อมาเตะในช่วงนี้แน่ๆ เลย คงหลายพันบาทแน่ๆ

เผยโฉมออกมาแล้วสำหรับลูกฟุตบอลรุ่นใหม่ที่จะใช้ในศึกฟุตบอลโลก 2010 (Official Match Ball) ที่ประเทศแอฟริกาใต้
ลูกฟุตบอลลูกใหม่นี้มีเทคโนโลยีใหม่ที่ทำให้ลูกฟุตบอลรุ่นนี้เป็นลูกฟุตบอลที่มีความกลมมากที่สุดเท่าที่เคยมีมา  การดีไซน์ภายนอกที่สื่อถึงความเป็นแอฟริกาใต้  และประสิทธิภาพความแม่นยำยังคงเดิมดั่งที่เคยมีมาในรุ่นก่อนๆ

   คำว่า JABULANI เป็นภาษา isiZulu ที่แปลว่า To Celebrate (การเฉลิมฉลอง) ซึ่งถูกใช้โดยผู้คนประมาณ 25 % ของชาวแอฟริกาใต้  การดีไซน์ลูกฟุตบอลรุ่นนี้มีสีที่แตกต่างกันถึง 11 สี  อันหมายถึง ผู้เล่น 11 คนของแต่ละทีม  ,ภาษาทางราชการ 11 ภาษาของแอฟริกาใต้  และชุมชน 11 ชุมชนของแอฟริกาใต้ที่รวมตัวกันเป็นประเทศสำหรับการจัดฟุตบอลโลกครั้งนี้
src=http://www.footy-boots.com/wp-content/uploads/2009/12/adidas-jabulani-official-match-ball-fifa-2010-world-cup.jpg

เครดิต โดย: basbas   รวบรวมรังสรรค์ สิงห์ฟ้าขาว

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์