การเปลี่ยนแปลงของท็อปโฟร์




ความพ่ายแพ้ของทีม หงส์แดง ต่อทีม ปืนใหญ่ เมื่อคืนที่ผ่านมามันเดินสวนทางกับชัยชนะที่ยิ่งใหญ่ของทีม สิงห์ผยอง ที่บุกไปคว่ำ ปีศาจแดง ได้ถึงโรงละครแห่งความฝัน



ต้องยอมรับว่า แอสตัน วิลล่า ของมาร์ติน โอนีล ทีมนี้นั้นเป็นของจริง และยิ่งแกร่งขึ้นในทุกปีด้วย


การบุกไปคว่ำแมนฯ ยูไนเต็ด ได้ถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด ไม่ใช่เรื่องง่าย แถมยังเป็นการชนะที่ได้เห็นกันว่าไม่ได้เกิดจากความฟลุคหรือบังเอิญ


ชัยชนะครั้งนี้เกิดจากการทำงานหนักเพื่อผลงานที่ยอดเยี่ยมของนักเตะวิลเลียน และการวางหมากที่ครบเครื่องของ โอนีล รวมถึงศักยภาพของทีมที่ปัจจุบันนี้พัฒนาขึ้นมาจากฤดูกาลก่อนอีกขั้น


โดยเฉพาะ จิตใจ ที่ถูกยกระดับขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด


แมนฯ ยูไนเต็ด ไม่ได้เป็นทีมเดียวที่แพ้ต่อวิลล่า แต่ยังมีเพื่อนในกลุ่มท็อปโฟร์อย่าง ลิเวอร์พูล ก็โดนอัดคาแอนฟิลด์ ตั้งแต่ต้นฤดูกาล อีกทีมก็คือ เชลซี ที่ไปพ่ายที่วิลล่า ปาร์ค มาแบบหมดรูปเหมือนกัน


เท่ากับว่าฤดูกาลนี้ วิลล่า ปราบทีมท็อปโฟร์ไปแล้ว 3 จาก 4 ทีมด้วยกัน


มันเพียงพอหรือยังที่จะสถาปนาตัวเองขึ้นเป็น 4 มหาอำนาจของวงการฟุตบอลอังกฤษทีมใหม่?


คำตอบก็คือ เกือบแล้ว เพราะแม้ว่าศักยภาพขุนพลที่โอนีล มีอยู่ในมือนั้นจะยอดเยี่ยม โดยเฉพาะบรรดาตัวเด่นๆในแนวรุกที่มีทั้ง แอชลี่ย์ ยัง, กาเบรียล อักบอนลาฮอร์, เอมิล เฮสกี้, ยอห์น คาริว, เจมส์ มิลเนอร์ และล่าสุดคือ สจ๊วร์ต ดาวนิ่ง ของดีที่ไปคว้ามาจาก มิดเดิลสโบรช์


แต่องค์รวมของพวกเขานั้นเมื่อนึกภาพเทียบกับทีมอย่าง เชลซี, แมนฯ ยูไนเต็ด หรืออาร์เซนอล ก็ยังให้ความรู้สึกว่า ด้อย กว่า แต่ไม่มาก


อย่างไรก็ดีความรู้สึกตรงนี้มันจะเปลี่ยนไปเรื่อยๆ โดยแปรผกผันกับ ความเชื่อ ที่พวกเขากำลังค่อยๆเก็บเกี่ยวสะสมว่าพวกเขากำลังเปลี่ยนจากทีมระดับกลางมาเป็นทีมระดับชั้นนำ


การชนะทั้ง แมนฯ ยูไนเต็ด, ลิเวอร์พูล, เชลซี ได้ เป็นการเก็บแต้มสะสมที่นอกจากจะเติมความเชื่อในใจตัวเองแล้ว ยังเป็นการเติมความน่าเชื่อถือในความรู้สึกของคนอื่นๆด้วย


จุดที่วิลล่า ต้องค่อยๆปรับปรุงก็คือเรื่องของความสม่ำเสมอในการทำผลงานเพราะแม้จะชนะทีมท็อปโฟร์ได้ แต่หลายนัดนักเตะจากมิดแลนด์ ก็เกิดอาการแข้งขาอ่อนเล่นกันไม่ออกเสียอย่างนั้น


หากคิดจะก้าวมาเป็นทีมท็อปโฟร์จริงก็ต้องเล่นให้ได้มาตรฐานเดียวกันตลอด ไม่ใช่ว่าจะมาฮึดเฉพาะยามเจอกับทีมเก่งๆเท่านั้น


ส่วนอีกทีมที่ส่อแววจะร่วงจากสถานะ จตุรเทพ อย่าง ลิเวอร์พูล ต้องยอมรับกันตรงไปตรงมาว่าทีมของ ราฟาเอล เบนิเตซ กำลังน่าเป็นห่วงอย่างมาก


ไม่ใช่เฉพาะปัญหานักเตะบาดเจ็บ ฟอร์มตก ถังแตก และขุมกำลังไม่พร้อมเท่านั้น แต่ปัญหาใหญ่สุดในเวลานี้ดูเหมือนจะเป็นเรื่องของความสามารถของราฟา ที่ทำท่าจะดิ่งเหวกู่ไม่กลับ


ในฤดูกาลที่แล้ว ลิเวอร์พูล ผงาดฟ้าจนเกือบจะคว้าแชมป์ได้ด้วยระบบ 4-2-3-1 ที่มีความลงตัวและสามารถดึงศักยภาพของผู้เล่นออกมาได้สูงสุด โดยเฉพาะตรง แกน ของทีมที่แข็งปั๊กตั้งแต่ เรน่า, คาร์ราเกอร์-สเคอร์เทล, มาสเชราโน่-อลอนโซ่ และคู่เทพ เจอร์ราร์ด-ตอร์เรส


มาปีนี้การขาด อลอนโซ่ ไปกลายเป็นต้นเหตุของการล่มสลายของทีม เนื่องจากตัวตายตัวแทนอย่าง ลูคัส ไม่สามารถทดแทนบท หอบัญชาการ ของมิดฟิลด์ชาวสเปนได้ เช่นกันกับ มาสเชราโน่ ที่เสียเซลฟ์ทันที และนำไปสู่การเสียสภาพสมดุลอย่างรุนแรงของลิเวอร์พูล


หงส์แดง ยามนี้เล่นเหมือนเรือที่ไร้หางเสือ ไม่มีใครกำหนดทิศทางให้ ตุปัดตุเป๋ไปเรื่อย ซึ่งจะมาหวังพึ่งกับ อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ พี่แกก็มาช้าเหลือเกิน โดนดองจนได้ที่แถมมาในช่วงทีมกำลังทรุดทำอะไรมันก็ไม่ถูกที่ถูกทางไปเสียหมด


แย่ไปกว่านั้นคือเมื่อผลงานมันแย่มาตลอด ความเชื่อ ที่เคยเต็มเปี่ยมจากฤดูกาลที่แล้วก็ถูกสั่นคลอนอย่างรุนแรง กลายเป็นทีมเสียเซลฟ์ทำอะไรไม่ดีไปหมด


ปัญหาใหญ่ของ ลิเวอร์พูล ในเวลานี้จึงมี 2 จุดที่ต้องแก้ไขคือ 1.เรื่องแท็คติกส์ที่หากคิดจะยึดระบบนี้จริงก็ต้องทดสอบด้วยการให้ อาควิลานี่ ลงเป็นตัวจริงต่อเนื่อง หรือไม่ก็เปลี่ยนระบบไปเลย กับ 2. เรื่องความมั่นใจที่จะเก็บเกี่ยวได้จากการชนะต่อเนื่อง หรือไม่แพ้ต่อเนื่องอย่างน้อยเป็น 10 นัด


สถานการณ์เวลานี้แม้ ลิเวอร์พูล จะจมอยู่อันดับ 7 แต่เรื่องของคะแนนก็ไม่ได้ตามหลังทีมอันดับ 4 อย่างวิลล่า มากนัก โดยตอนนี้ตามอยู่แค่ 5 แต้ม ซึ่งจำนวน 22 นัดที่เหลือมันไม่ได้เหลือบ่ากว่าแรง


แต่หากยังฟุบไม่ฟื้นแบบนี้ นอกจากจะโดนวิลล่า แซงหน้ายึดท็อปโฟร์ไปแล้วยังจะต้องมาแข่งกับ สเปอร์ส และ แมนฯ ซิตี้ ที่ว่ากันตามเนื้อผ้าหน้าเสื่อตอนนี้ ศักยภาพน่าจะดีกว่า ลิเวอร์พูล ด้วยซ้ำไป


ดังนั้นสรุปว่าปีนี้สถานการณ์ในการขับเคี่ยวชิงพื้นที่แชมเปี้ยนส์ ลีก ของพรีเมียร์ลีก น่าจะสนุกเข้มข้นแน่นอน และคงต้องจับตาดูกันยาวๆว่าเจ้าของโควตาเดิมอย่าง ลิเวอร์พูล จะใช้ความเก๋าที่เหนือกว่าฮึดกลับมาทันเวลาหรือไม่






ข้อมูลจาก : MSN ฟุตบอล วันที่ : 12/14/2009 2:18:16 PM


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์