กองแช่งเฮฮา!เรือ 10 ตัวเสียซิงโดนสิงห์พลิกแซง 2-1


พรีเมียร์ ลีก 

วันจันทร์ที่ 12 ธันวาคม 2554 

สนาม : แสตมฟอร์ด บริดจ์ 

เชลซี 2 : 1 แมนเชสเตอร์์ ซิตี้ 

ประตู : 
0-1 บาโลเตลลี่ น.2, 1-1 เมเรเลส น.34, 2-1 แลมพาร์ด(จุดโทษ) น.82 

เชลซีเปิดรังแสตมฟอร์ด บริดจ์หมายที่จะจัดการจ่าฝูงอย่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้ลงให้ได้ เพื่อกรุยทางสร้างโอกาสสู่การลุ้นแชมป์พรีเมียร์ ลีกต่อไป 

เกมนี้โบอาสตัดสินใจดร็อปสองสตาร์ดาวดังประจำทีมอย่างตอร์เรสและแลมพาร์ดให้นั่งที่ข้างสนามไปก่อนเท่านั้นและใช้ดร็อกบาผสานกำลังกับมาต้าและสเตอร์ริดจ์ที่ยืนขนาบข้างในแดนหน้า 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้แม้แนวรับจะมีปัญหานิดหน่อยจากอาการบาดเจ็บ แต่ที่มีอยู่ก็แข็งแกร่งอย่าบอกใครและแนวรุกของพวกเขาก็พร้อมทะลวงเจ้าบ้านเต็มที่ ไม่ว่าจะเป็นบาโลเตลลี่, ซิลบาและอเกวโร่ 

วันนี้ในสนามทีทั้งลมและฝนที่กระหน่ำลงมาค่อนข้างจะเยอะ ดูแล้วอาจจะมีผลต่อการเล่นของทั้งสองทีมบ้างไม่มากก็น้อย รวมทั้งอาการบาดเจ็บที่มีสิทธิ์เกิดขึ้นได้ด้วย 

ครึ่งแรก 

กุนจ่ายเมพ!เกรียนโอ้หลุดยิงแต่ไก่โห่ 
เริ่มเกมมาได้สองนาที แฟนเจ้าบ้านก็เงียบกริบเพราะความช็อก จากจังหวะที่อเกวโร่ลากบอลหนีกองหลังของเชลซี ก่อนที่จะจิ้มบอลไซด์ทะลุช่องไปให้กับบาโลเตลลี่ชนิดที่ผู้เล่นเชลซีหลังแทบหัก ก่อนที่หัวหอกจอมเกรียนจะหลุดเข้าไปแตะหลบเช็กแล้วแปบอลเข้าประตูไปง่ายๆ แมนฯซิตี้ขึ้นนำอย่างรวดเร็วจริงๆ 1-0 

ประตูนี้ผู้ตัดสินต้องเดินเข้าไปเตือนบาโลเตลลี่ เนื่องจากเขาไปแสดงความดีใจสไตล์นิ่งๆของตัวเองต่อหน้าแฟนเจ้าบ้าน จนหลายคนออกอาการฉุนขาด 

สิงห์เกือบโดนอีก!กุนยิงหลุดนิดเดียว 
นาทีที่ 11 เกมโต้กลับของแมนฯซิตี้ร้ายกาจ น่ากลัวเสียเหลือเกิน ใช้แค่ไม่กี่จังหวะบอลก็หลุดไปถึงอเกวโร่ในแดนหน้า ล็อกบอลหลอกโคลจนหน้าคะมำ แล้วรีบยิงด้วยซ้ายทันที บอลพุ่งหลุดกรอบออกไปนิดเดียวเท่านั้น 

ยาย่าเนียนแถมใส่มาต้า 
นาทีที่ 20 หลังจากโต้กันไปมาพักหนึง ยาย่า ตูเร่ก็เหมือนจะแอบคุมอารมณ์ไม่อยู่นิดหน่อย ในจังหวะที่เขาไปทำฟาวล์มาต้าจนล้มลงไปกองกับพื้น เจ้าตัวหัวเสียนิดๆก็เลยใช้สตั๊ดจิ้มเข้าไปที่ต้นขาของปีกสแปนิช แต่ผู้ตัดสินเหมือนจะไม่เห็น ก็เลยไม่ได้ว่าอะไร 

แมลงสาบหลอกยิงเร็ว 
อีก 4 นาทีต่อมา เชลซีมีโอกาสลุ้นประตูบ้าง เมื่อดร็อกบาได้บอลหน้ากรอบเขตโทษฝั่งซ้าย เลี้ยงจี้เข้าหากองหลังแล้วแตะออกด้านข้าง ก่อนที่ยิงบอลด้วยเท้าซ้ายทันที แต่ถึงอย่างนั้นฮาร์ทก็ล้มตัวปัดเอาไว้ได้แบบไม่มีผิดพลาดแต่อย่างใด 

บดจนได้!หลวงพี่เมซัดตาข่ายตุง 
นาทีที่ 34 หลังจากบุกอยู่นาน เชลซีก็มาได้ประตูตีเสมอจนได้และส่วนหนึ่งก็มาจากอดีตเด็กเก่าของพวกเขาอย่างสเตอร์ริดจ์ที่รับบอลจากเพื่อนทางด้านข้าง กระชากหนีแบ็คของเชลซีเปิดเข้ากลาง เป็นเมเรเลสที่ยืนโล่งอยู่คนเดียวกระโดดแปบอลเต็มเท้าเข้าไปตุงตาข่าย เจ้าบ้านทำสำเร็จตามมาเป็น 1-1 

เรือตื้อไปพอสมควร 
จริงๆก็ก่อนที่จะเสียประตูแล้วสำหรับทางแมนฯซิตี้ที่เกมรุกของพวกเขาดูจะแผ่วลงไปเยอะพอสมควร ไม่สามารถกดดันทางเจ้าบ้านได้เหมือนกับช่วงต้นเกม อาจจะต้องรอไปปรับแผนกับกระตุ้นกันใหม่ในช่วงพักครึ่ง เพราะตอนนี้เหลืออีกแค่ 5 นาทีเท่านั้น 

[b]ครึ่งหลัง 

เรืออย่างเซ็งกลิชี่โดนไล่ออก 
นาทีที่ 59 ดูเหมือนว่าสถานการณ์ในครึ่งหลังนี้จะพลิกกลับเสียแล้ว เมื่อแมนฯซิตี้ต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงแค่ 10 คนเท่านั้น จากการที่กลิชี่ไปทำฟาวล์ใส่รามิเรส ทำให้ผู้ตัดสินไม่มีทางเลือกต้องแจกใบเหลืองที่สองเป็นใบแดงไล่ออกจากสนามไป 

เรือเน้นเกมแน่นไว้ 
ตอนนี้แมนฯซิตี้เหมือนกับว่าจะเน้นผลเสมอเอาไว้ก่อน เพราะว่าเสียเปรียบทางด้านตัวผู้เล่น จะลงไปยืนกันค่อนข้างต่ำนิดๆแล้วใช้จังหวะสวนกลับคอยแย๊บไปเรื่อยเอา 

ออกบอลพลาดกันบ่อย 
เกมนี้สาเหตุที่จังหวะยิงประตูไม่ค่อยจะมีมากนั้น นอกจากการแท็คติกของทั้งสองทีมแล้ว ยังมาจากการที่ผู้เล่นในสนามจ่ายบอลกันไม่ค่อยคมสักเท่าไหร่ มีจังหวะผิดพลาดเวลาขึ้นเกมให้ได้เห็น 

สิงห์ส่งแลมพ์ลงคุมกลาง 
นาทีที่ 73 เชลซีเปลี่ยนเอาแลมพาร์ดมิดฟิลด์ห้องเครื่องลงไปเล่นแทนเมเรเลสที่มีใบเหลืองคาดโทษอยู่แล้ว ดูแล้วตอนนี้กลางของเจ้าบ้านน่าจะแน่นขึ้นมากกว่าเดิม โดยเฉพาะเกมรุก 

เรือปรับเกมเติมเดอ ยองลง 
อีก 2 นาทีต่อมา แมนฯซิตี้ขอปรับเกมเพื่อความชัวร์บ้าง โดยถอดเอาซิลบาซึ่งเป็นผู้เล่นตัวรุกออกไปและส่งเดอ ยองลงไปช่วยในแดนกลาง เพื่อเน้นสกอร์ที่มีเอาไว้ในตอนนี้ 

เรือช็อก!เสียจุดโทษ-แลมพ์ซัดหาย 
นาทีที่ 82 เกมพลิกไปจนได้ เมื่อแมนฯซิตี้ที่แม้จะขึ้นนำเร็ว แต่มาโดนใบแดงเหลือ 10 คน แล้วยังต้องเสียจุดโทษในจังหวะที่สเตอร์ริดจ์ยิงบอลไปโดนแขนของเลสค็อตต์ในจังหวะเข้าบล็อก ผู้ตัดสินชี้เป็นจุดโทษทันที ก่อนที่แลมพาร์ดจะทำหน้าที่สังหารอัดเข้าไปกลางประตูไม่มีเหลือ เชลซีแซงขึ้นนำเป็น 2-1 เฮกันสนามแทบแตก 

เรือเดินหน้าลุยส่งเชโก้ลง 
นาทีที่ 86 ไม่มีทางเลือกแล้วสำหรับแมนฯซิตี้ เมื่อต้องส่งเชโก้ซึ่งเป็นศูนย์หน้าลงไปเล่นแทนเลสค็อตต์ เรียกได้เลยว่าถอดหลังแล้วเติมหน้าลุยลุ้นประตูอย่างเดียวแล้ว 

สิงห์ปิดเกมแล้วตอนนี้ 
ด้วยเวลาที่เหลืออีกไม่กี่นาทีนั้น ทำให้ตอนนี้เชลซีเน้นมาที่การครองบอล เผาเวลาไปเรื่อย ดูแล้วถ้าไม่ผิดพลาดเกมนี้พวกเขาก็น่าจะได้สามคะแนนเต็มไป 

จบ 90 นาทีเป็นเชลซีที่ทำภารกิจสำเร็จด้วยการพลิกแซงเอาชนะแมนเชสเตอร์ ซิตี้ไปด้วยสกอร์ 2-1 คว้าสามคะแนนเต็ม ทำให้พวกเขาขยับขึ้นไปเป็นที่ 3 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

เชลซี : 
ปีเตอร์ เช็ก, จอห์น เทอร์รี่, บรานิสลาฟ อีวาโนวิช, แอชลี่ย์ โคล, โจเซ่ โบซิงวา, ออริออล โรเมอู , ราอูล เมเรเลส   (แลมพาร์ด  น.73), รามิเรส , ฆวน มาต้า(มาลูด้า น.84), ดิดิเย่ร์ ดร็อกบา , ดาเนียล สเตอร์ริดจ์(โอบี มิเกล น.88) 

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : เปาโล แฟร์เรร่า, เฟร์นานโด ตอร์เรส, รอส เทิร์นบูลล์, ซาโลมอง กาลู 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ :โจ ฮาร์ท, โจเลี่ยน เลสค็อตต์(เชโก้ น.86), แวนซองต์ กอมปานี , กาแอล กลิชี่   , ปาโบล ซาบาเลต้า, แกเร็ธ แบร์รี่, ยาย่า ตูเร่, เจมส์ มิลเนอร์, ดาวิด ซิลบา(เดอ ยอง น.75), มาริโอ บาโลเตลลี่ , แซร์คิโอ้ อเกวโร่(ตูเร่ น.64) 

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : ซาเมียร์ นาสรี่, อดัม จอห์นสัน, คอสเทล ปันติลิม่อน, ซาวิช
  

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์