Premier league Review : ท๊อฟฟี่เจ๋งสยบเรือคืนอันดับสี่ * นิวไร้ชัย 10 นัดหลังผีต้อนไส้แตก

Premier league Review : ท๊อฟฟี่เจ๋งสยบเรือคืนอันดับสี่ * นิวไร้ชัย 10 นัดหลังผีต้อนไส้แตก

หมดไปอีกหนึ่งเกมแล้วนะครับสำหรับพรีเมียร์ลีกซึ่งงวดมาถึงนัดที่ 27 แต่กระแสหลังสิ้นสุดสัปดาห์ที่ผ่านมาชัยชนะของแมนฯยูฯหรือลิเวอร์พูลถูกกลบจนหมดสิ้นด้วยข่าวเอดูอาร์โด้ ดา ซิลวาขาหักและสเปอร์สคว้าแชมป์คาร์ลิ่ง คัพ

ข่าวที่ออกมาเมื่อวันก่อนคาดว่า"ดูดู้"คงต้องพักรักษาตัวยาวเกือบปีโดยที่หลายคนยังแอบหวั่นใจโอกาสคัมแบ็คเพราะภาพที่ออกมาค่อนข้างน่ากลัวแต่ที่สำคัญที่สุดคือเรื่องสภาพจิตใจของคนเจ็บนะครับ ถ้ามีคนซัพพอร์ตเยอะเรื่องจะกลับมาตะบันหักข้อยิงด้วยอีซ้ายในสนามไม่ใช่เรื่องไกลเกินเอื้อมเลย

แต่ทั้งนี้ทั้งนั้นก็อย่าลืมต้องขอบคุณทีมแพทย์ของ"ปืนใหญ่"และเจ้าหน้าที่สนามด้วยเพราะหากปฐมพยาบาลช้ากว่านี้อาจต้องตัดขาตามที่แพทย์ผู้เชี่ยวชาญออกมาเผยเมื่อวันก่อน

สำหรับเดอะกันเนอร์สอาจขวัญกระเจิงไม่น้อยเพราะนอกจากจะเสียกองหน้าที่แทบไม่เหลือแล้วยังเสียสองแต้มในช่วงทดเจ็บอีกแต่เท่าที่ตามดูมาเวลาแข้ง"ปืนใหญ่"อยู่ในสภาพกดดันหรือถูกตั้งคำถามก็มักกลับมาได้เสมอ

ผมจึงเชื่อว่าหลังจากนี้ต่อไปแล้วทุกๆนัดทุกนาทีนักเตะทุกคนจะระลึกถึงและเล่นเพื่อ"ดูดู้"อย่างน้อยๆเอาซักแชมป์ให้เจ้าตัวขโยกเขยกถือไม้เท้ามาร่วมฉลองในเกมสุดท้ายคงจะทำให้นักเตะกระหายอยากคัมแบ็คเป็นทวีคูณ

เปลี่ยนเรื่องบ้างครับเดี๋ยวจะทำให้ใครหลายคนอ่านไปร้องไห้ไปเปล่าๆ(ฮา) ผมขอมุ่งหน้าไปที่เกมมันเดย์ไนท์ระหว่างแมนฯซิตี้และเอฟเวอร์ตันก่อนเลยนะครับ

เกมช่วงแรกพูดได้เต็มปากครับ"เรือใบ"พับสนามบุกเกือบข้างเดียวและดูแล้วหมากตั้งรับรอสวนของเดวิด มอยส์วันนี้ไม่เวิร์คเลยเพราะกองหลัง+มิดฟิลด์ทีมเยือนลงไปรับกันต่ำคุมโซนแน่นและแดนกลางสู้การเก็บบอลของฮามันน์,ไอร์แลนด์หรือเฟอร์นานเดสไม่ได้เลย ในขณะที่จังหวะสวนแทบไม่ต้องคิดครับทั้งไมคาห์ ริชาร์ดสและเดวิด ดันน์ขึ้นมายืนสูงประกบเป็นปาท่องโก๋

เห็นรูปเกมออกมาแบบนี้อยู่ร่วมครึ่งชั่วโมงจนซิตี้มาเสียประตูแรกให้เอฟเวอร์ตันง่ายๆจากการคุมหลวมปล่อยให้เคฮิลล์พาบอลหนีดื้อๆแล้วเป็นการจบสกอร์เหน่งๆของยาคูบู้

ยิ่งประตูที่สองไม่ต้องพูดถึงครับเป็นจังหวะที่ไม่มีอะไรเลยแต่ดันน์กลับไม่ยอมแม้กระทั่งกระโดดเล่นทำให้โจเลียน เลสค็อตต์ซึ่งเป็นคนเล่นลูกกลางอากาศได้ดีอยู่แล้วโขกย้อยเหนือชั้นตอกฝาโลงสองลูกใน 8 นาที

ปกติ"เรือใบ"ยืนหยัดจนถึง ณ ตอนนี้ของฤดูกาลก็เพราะมีแนวรับเป็นหัวใจสำคัญของผลการแข่งขันแต่เมื่อวันจันทร์เกมที่กำลังเหนือๆอยู่มาช็อตกับสองประตูสุดหมู

อุตสาห์บุกไปชนะ"ปิศาจแดง"ในนัดก่อนแต่ของตายอย่างในบ้านกลับโบ๋เบ๋แบบนี้โอกาสแย่งโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกเหนื่อยแน่นอนครับเพราะผมเชื่อว่าเกมที่ซิตี้ออฟแมนเชสเตอร์ยังเป็นขุมทรัพย์โกยแต้มของลูกทีมสเวน โกรัน เอริคส์สันอยู่เช่นเดิมแต่ปัญหาคือตลอดปี 2008 ยังไม่เคยชนะใครในถิ่นได้เลยนี่สิครับ

แล้วน่าเสียดายที่มาร์ติน เปตรอฟมาถูกไล่ออกหลังผู้ตัดสินร็อบ สไตลส์เห็นตำตาเตะจากด้านหลังลีออน ออสมันโดยคาดว่าแข้งซ้ายธรรมชาติอารมณ์ค้างจากการถูกยันจังหวะก่อนหน้านี้ แต่ผมดูภาพช้าแล้วเตะเอาคืนจริงแต่น่าจะเรียกว่าสะกิดมากว่า พูดให้แฟร์ๆไม่เข้าข้างใครใบเหลืองน่าจะสมเหตุสมผลแต่สุดท้ายแล้วทีมรับผลกรรมหนักสุดเพราะจะไร้เปตรอฟ 3 นัดจากวีกรรมโง่ๆในช่วงทดเจ็บนี่เอง

ส่วน"ท๊อฟฟี่"แสดงให้เห็นอีกครั้งว่าเงินไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการสร้างความสำเร็จเหมือนที่ราฟาเอล เบนิเตซเคยพูดไว้ ลองดูนักเตะอย่างเจ๊เกียวหรือฟิล จาเกียลก้า,สตีเฟ่น พีนาร์หรือแม้กระทั่งลีออน ออสมันไล่ยาวไปถึงโจเลียน เลสค็อตต์ค่าตัวรวมกันยังไม่เท่าเฟอร์นานโด ตอร์เรสแต่ด้วยการวางหมากและแท็คติกส์ของเดวิด มอยส์ทำให้ 3-4 นักเตะผู้นี้จึงดูเนียนและเล่นอย่างมีประสิทธิ์ภาพจนน่าทึ่งไงล่ะครับ

ถ้าการไล่บี้แย่งอันดับสี่ยังขับเคี่ยวอย่างสูสีต่อไปแบบนี้รับรองเกมดาร์บี้เมอร์ซี่ไซด์ที่แอนฟิลด์ในวันที่ 29 มีนาคมคงหวดกันไฟแล่บแน่นอน แล้วอย่าลืมว่าเอฟเวอร์ตันเล่นนอกบ้านในซีซั่นนี้ดีเกือบๆเท่าในบ้านโดยเฉพาะพวกลูกเซ็ตเพลย์น่ากลัวติดอันดับต้นๆคู่แอสตัน วิลล่ามาเลย

เพื่อไม่ให้เสียเวลาขอลุยเรื่องลิเวอร์พูลต่อเลยนะครับ เกมชนะมิดเดิลสโบรห์สะท้อนให้เห็นชัดเจนนะครับว่าการเสียกองหลังตัวหลักอย่างเจมี่ คาร์ราเกอร์รวมทั้ง"พี่คาร์ฟ"มาร์ติน สเคอร์เทลทำให้ลูกกลางอากาศและการยืนตำแหน่งผิดเพี้ยนกันไปหมดแต่ยังดีที่จบลงด้วยสามแต้มทำให้ไม่จำเป็นต้องมาวิจารณ์อะไรมากนัก

สัญญาณที่ดีจากเกมนี้นอกจากแฮทริคของเฟอร์นานโด ตอร์เรสแล้วเดิร์ก เคาท์มีแนวโน้มเล่นดีมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งฉายแววมาตั้งแต่เกมอัดอินเตอร์ มิลาน 2-0 ลูกสามของ"เอล นินโญ่"ก็มาจากวิชั่นการวางยาวของอดีตแข้งเฟเยนอร์ดผู้นี้นี่เอง เหลือแค่แกกล้าพลิกบอลกล้ากระชากและนิ่งๆกว่านี้กระผมก็ค่อยมีแรงอยากเอาใจช่วยขึ้นมาหน่อย

แต่ขอเตือนไว้ก่อนเลยนะครับถ้าราฟาเอล เบนิเตซและลูกทีมคิดจะโกยแต้มก็รีบๆเข้าไว้เพราะอีกไม่นานนรกกำลังถามหาสำหรับเกมเยือนแมนฯยูฯและอาร์เซนอลช่วงปลายมีนาคมและต้นเมษายน ถ้ามองความเป็นจริงแค่บุกไปแบ่งแต้มให้ความรู้สึกเหมือนชนะกันนู่นเลย

แค่นั้นยังไม่หมดยังมีคิวไปเยือนเซนต์แอนดรูว์ที่เชลซีกับยูไนเต็ดเลือดตาแทบกระเด็นกว่าจะบุกมาเอาชนะรวมทั้งยังต้องทำศึกกับทีม"ยักษ์ตื่น"ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์อีก....เดอะค็อปหนาวๆร้อนๆกับตำแหน่งที่สี่กันบ้างแล้วหรือยังจ๊ะ

ถ้าไม่เอ่ยถึงแอสตัน วิลล่าคงใจร้ายไปหน่อยเพราะทำแต้มทาบลิเวอร์พูลเป็นรองแค่ประตูได้เสียเท่านั้นเอง แท็คติกส์ของมาร์ติน โอนีลง่ายๆไม่ซับซ้อนครับคือเน้นหลังแกร่งเล่นงานคู่ต่อสู้ด้วยเซ็ตพีซใช้ทีเด็ดลูกกลางอากาศของยอห์น คาริวสลับกับความเร็วของกาเบรียล อักบอนลาฮอร์และแอชลี่ย์ ยัง

ถ้าเครื่องไม่ช็อตหรือแบกรับความกดดันในช่วงโค้งสุดท้ายผมว่าน่าจะไล่บี้กับลิเวอร์พูล,เอฟเวอร์ตันและปอร์ทสมัธกันอีกยาวๆ

ดูแล้วน่าเป็นห่วงแทน"หงส์แดง"นะครับเพราะหากยังย่ำอยู่กับที่ต่อปัญหาต่างๆที่ปล่อยให้หมักหมมอนาคตอาจลำบากเพราะแต่ละทีมรากฐานเริ่มแน่นปึ๊ก ซีนั่นหน้าสเปอร์สของฆวนเด้ รามอสก็พร้อมร่วมวงแย่งโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกอีกทีม

ไม่รู้ทีมอื่นๆต้องส่งสาส์นขอบคุณลิเวอร์พูลหรือเปล่าที่ทำให้การไล่ล่าโควต้าแชมเปี้ยนส์ลีกต้องได้ลุ้นอยู่ทุกปีเพราะถ้าไม่มีทีมๆนี้คงเหนื่อยเนื่องจากบิ๊กทรีนอนมาจองเอาไว้ตั้งแต่ก่อนเปิดฤดูกาลแล้ว

ตายๆลืมแมนฯยูฯไปเลย จะให้ผมเริ่มยังไงดีเพราะว่าช่วงนี้ใครเจอนิวคาสเซิ่ลก็มีแต่ยิ้มแย่มแจ่มใส ไม่ได้ดูถูกนะครับแต่ลูกทีมเควิน คีแกนไร้จุดเด่นตั้งแต่หลังยันหน้า แนวรับก็พร้อมเสียประตูตลอดในขณะที่มิดฟิลด์ไม่สามารถสร้างสรรค์เกมใดๆได้เลยส่วนกองหน้าต้องเอาตัวรอดกันเองเพราะต้องมาคอยกระโดดแย่งลูกโหม่งทั้งๆที่ตัวก็เท่าลูกหมา

มาเจอยูไนเต็ดที่มีกองหน้าและพวกแข้งตัวเร็วๆอย่างเวย์น รูนีย์,คริสติอาโน่ โรนัลโด้และนานี่เลยจบเห่อย่างที่เห็น เรียกว่านักเตะอย่างไมเคิ่ล คาร์ริคและดาร์เรน เฟลทเชอร์ที่เร้ดอาร์มี่ร้องยี้กลายเป็นเทพวางบอลแทงบอลกันอย่างเหนือชั้น

เมื่อก่อนมั่นใจยังไงตอนนี้ผมก็ยังเชื่อว่านิวคาสเซิ่ลพร้อมหนีตกชั้นได้ทุกเมื่อแต่ที่ยังลอยนวลอยู่สาเหตุเป็นเพราะเบอร์มิงแฮม,เรดดิ้งและฟูแล่ม"ห่วยกว่า"ฝ่ายแรกไม่ชนะใครเลย 8 นัดส่วนลูกทีมสตีฟ คอปเปลล์แพ้รวด 8 นัด 0 แต้มฝ่ายหลังชนะนัดเดียวนับตั้งแต่เดือนกันยายน!!!

ถ้าลอง"ลูกโลก"หรือเรดดิ้งชนะซักนัดแล้วนิวคาสเซิ่ลยังเป๋ไปเป๋มาคุณจะเห็นความหวาดเสียวมากกว่านี้แน่นอนครับแต่ภาระกิจนี้จะจบลงง่ายๆเลยถ้า"สาลิกาดง"ไม่แพ้เกมชี้ชะตาในถิ่นเซนต์เจมส์ พาร์คของตัวเองให้ฟูแล่ม,เรดดิ้งและซันเดอร์แลนด์

เห็น"ทูนอาร์มี่"นั่งเท้าคางกุมหัวทีไรน่าสงสารทุกทีเพราะเป็นแบบนี้ 10 นัดติดต่อกันแล้ว ห่วยแค่ไหนคิดเอาล่ะกันครับ 30 แต้มทำได้แค่ 3 แต้ม!!!

ไม่รู้คีแกนรู้ตัวหรือยังว่าวีแกนกำลังจะแซงหน้านิวคาสเซิ่ลแล้วหลังบุกไปเอาชนะ"บ๊วยเค็ม"ดาร์บี้ เคาน์ตี้ทีมที่เดอะแม็กส์พายได้มาแค่แต้มเดียวจาก 2 นัด

นัดต่อไป"สาลิกา"จะเล่นในบ้านพบแบล็คเบิร์นถ้ายังไม่มีความมหัศจรรย์จากนักเตะคนใดคนหนึ่งมาช่วยยิงประตูก็ไม่ตัวใครตัวมันนะครับเพราะเท่าที่ผมเช็กโปรแกรมนอกบ้านโอกาสแพ้ทั้งหมด 6 นัดมีสูงมาก

ปิดท้ายด้วยสถิติเล็กๆน้อยๆ ตอนนี้ทีมไร้พ่ายในบ้านยังเป็นอาร์เซนอลและเชลซีสองทีมเหมือนเดิมส่วน"ปืนใหญ่"เป็นทีมเดียวที่แพ้น้อยที่สุดแค่นัดเดียว(พ่ายมิดเดิลสโบรห์ 2-1 ต้นเดือนธันวาคม) ยูไนเต็ดครองแชมป์ยิงเยอะที่สุดในบ้าน(32 ประตู)และเสียน้อยที่สุดในบ้าน(5)ส่วนที่พลิกโผคือแอสตัน วิลล่าแซงเด็กเวนเกอร์เป็นทีมที่ยิงนอกบ้านมากที่สุด(26)และลิเวอร์พูลเสียน้อยที่สุดยามเล่นนอกบ้าน(8) รวมทั้งยังเป็นเต้ยในเรื่องจอมเสมอคือ 11 นัดตามมาติดๆด้วยฟูแล่ม 10 นัด วันนี้สวัสดีครับ



โปรแกรมนัดต่อไป

วันเสาร์ที่ 1 มีนาคม 2551
อาร์เซนอล พบ แอสตัน วิลล่า(22.00 น.)
เบอร์มิงแฮม พบ สเปอร์ส(22.00 น.)
ดาร์บี้ พบ ซันเดอร์แลนด์(22.00 น.)
ฟูแล่ม พบ แมนฯยูฯ(22.00 น.)
มิดเดิลสโบรห์ พบ เรดดิ้ง(22.00 น.)
นิวคาสเซิ่ล พบ แบล็คเบิร์น(22.00 น.)
เวสต์แฮม พบ เชลซี(22.00 น.)
แมนฯซิตี้ พบ วีแกน(00.15 น.)

วันอาทิตย์ที่ 2 มีนาคม 2551
โบลตัน พบ ลิเวอร์พูล(20.30 น.)
เอฟเวอร์ตัน พบ ปอร์ทสมัธ(23.00 น.)

วันพุธที่ 5 มีนาคม 2551
ลิเวอร์พูล พบ เวสต์แฮม (03.00 น.)

ขอขอบคุณเนื้อหาข่าว คุณภาพดี โดย: lentee


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์