Platini Zidane Cantona











หลายท่านคงเคยได้ยินชื่อเสียงและคงจดจำความคลาสิกของทีมชาติฝรั่งเศส ชุดแชมป์ยูโร 84 และฟุตบอลโลกปี 86 ได้เป็นอย่างดี และหนึ่งนักเตะในตำนานชุดนั้นต้องเป็นใครไม่ได้ นอกจาก นโปเลียนลูกหนัง มิเชล พลาตินี่ จอมทัพคนเก่งของทีมชาติฝรั่งเศส ซึ่งถือเป็นยอดนักเตะที่เก่งที่สุดคนหนึ่งของโลกและของฝรั่งเศส และได้ฝากผลงานทั้งในระดับชาติและสโมสรมามากมาย

            พลาตินี่เป็นชาวเมืองโลธริงเก้น เกิดเมื่อวันที่ 21 มิ.ย.1955  ตั้งแต่เด็กพลาตินี่ชื่นชอบในกลิ่นสาบลูกหนังมาตลอด และได้ลงเล่นให้สโมสรท้องถิ่น ในช่วงปี 1966-1972 และที่นี่ เขาได้พื้นฐานสำคัญในความสามารถยอดเยี่ยมของเขาในการเตะลูกฟรีคิก


            การเล่นลูกนิ่งของพลาตินี่ เป็นความสามารถที่จะหาผู้ใดมาหลอกเลียนแบบได้ และยังสามารถคาดการณ์ล่วงหน้าในการเล่นได้อีกทำให้เขากลายเป็นอัจฉิยะแห่งวงการฟุตบอลไปเลย และวันที่ 2 พ.ค. 1973  ด้วยวัยเพียง 17 ปี พลาตินี่ สามารถลงเตะในทีมชุดใหญ่ของสโมสรน็องซี่ เป็นครั้งแรก และย้ายไปอยุ่กับแซงเอเตียน ก่อนจะย้ายไปโด่งดังสุดขีดกับทีม ม้าลาย ยูเวนตุส จากอิตาลี ในปี 1982 และสามารถคว้าแชมป์ต่างๆได้มากมาย


            ส่วนการเล่นในระดับชาตินั้น พลาตินี่ติดทีมชาติครั้งแรก เมื่อปี 1976 ในการลงเตะกับทีมชาติเชกโกสโลวาเกีย(ทีมชาติเชกในปัจจุบัน) และติดทีมชาติไปเล่นบอลโลกปี 1978 ที่อาร์เจนติน่า แต่ก็ไปไม่ถึงดวงดาว ในฟุตบอลโลก ปี 1982ที่ประเทศสเปน พลาตินี่ ยังคงเล่นได้อย่างยอดเยี่ยม พาทีมชาติฝรั่งเศส เข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ดวลแข้งกับทีมชาติเยอรมันตะวันตก  ฝรั่งเศสนำก่อน 3-1  แต่ก็ถูกทีมอินทรีเหล็กตีเสมอ และดวลจุดโทษพ่ายไปในอย่างเจ็บปวดที่สุด 


             แต่ในอีกสองปีต่อมา พลาตินี่ นำทัพฝรั่งเศส ลงทำศึกฟุตบอลยูโร 84 ที่ ฝรั่งเศสเป็นเจ้าภาพ คราวนี้ทีมของพลาตินี่ ประสบความสำเร็จสูงสุด โดยการคว้าแชมป์ไปครองได้อย่างยิ่งใหญ่ ด้วยการชนะทีมชาติสเปน ไปอย่างสบายๆ 2-0 และพลาตินี่ ยังสร้างผลงานอันยอดเยี่ยมด้วยการเป็นดาวซัลโว ประจำทัวร์นาเมนต์นี้ ด้วยจำนวนประตู ถึง 9 ลูกด้วยกัน  และหลังจากนั้น ทีมชาติฝรั่งเศส ก็ยังเป็นตัวเต็ง ต้นๆในฟุตบอลโลกปี 86 ที่ประเทศเม็กซิโก ผลงานในครั้งนี้ฝรั่งเศสเล่นกันได้อย่างยอดเยี่ม โดยเฉพาะนัดเจอ กับแซมบ้า บราซิลในรอบ 8 ทีมสุดท้าย ถือว่าเป็นแมตช์คลาสสิกอีกนัดหนึ่งในประวัติศาสตร์ฟุตบอลโลก ซึ่งทั้งสองทีมเล่นกันด้วยเกมรุกเต็มรูปแบบแม้ว่าบราซิลจะนำก่อน แต่พลาตินี่ ก็เป็นผู้ตีเสมอ ให้กับทีม ก่อนจะดวลจุดโทษชนะไปอย่างสุดมันส์ แม้ในท้ายที่สุดฝรั่งเศสจะไปได้แค่รอบรองชนะเลิศ แต่การเล่นอันยอดเยี่ยมของพลาตินี่และทีมชาติฝรั่งเศส ยังติดตาแฟนบอลทั่วโลก ไม่มีวันลืมเลือน


              พลาตินี่ จบชีวิตเล่นฟุตบอลให้กับทีมชาติ หลังจากนัดที่เอาชนะไอซ์แลนด์ไปได้ 2-0 ในวันที่ 29 เม.ย. 1987 และประกาศเลิกเล่นให้กับทีมยูเวนตุส ในปีเดียวกัน ด้วยวัยเพียง 31 ปี และเขาได้กล่าวว่า ผมได้ตายจากโลกไปเมื่อวันที่ 17 พ.ค. 1987  แต่ในปี 1988 พลาตินี่ เข้ามารับตำแหน่งทีมเชฟของทีมชาติฝรั่งเศสและพาทีมลุยฟุตบอลยูโร 88 และ 92 ก่อนจะอำลาทีมในที่สุด และพลาตินี่ได้รับการยกย่องว่า เป็นมิดฟิลด์ตัวรุกที่ดีที่สุดในโลกคนหนึ่งและเป็นดาวเตะตลอดกาลของทีมชาติฝรั่งเศสอีกด้วย


                 ปัจจุบัน พลาตินี่ดำรงตำแหน่งรองประธานฟุตบอลของฝรั่งเศสและสมาชิกคณะกรรมการยูฟ่า


                


              เกียรติประวัติของพลาตินี่


 ระดับชาติ ติดทีมชาติ72ครั้ง ยิง41 ประตู


                     
อันดับ3ฟุตบอลโลก      ปี 1982,1986


 แชมป์ยุโรป                ปี 1984  


         ระดับสโมสร  
แชมป์กัลโช่เซเรียอา ปี 1984,1986   (ยูเวนตุส)


แชมป์โคปปาอิตาเลีย  ปี1983  (ยูเวนตุส)


แชมป์ยูโรเปี้ยนส์ คัพ  ปี1985  (ยูเวนตุส)

แชมป์คัพวินเนอร์คัพ  ปี1984  (ยูเวนตุส)

แชมป์ฝรั่งเศส   ปี 1981  (แซงต์เอเตียน)


แชมป์เฟร้นช์คัพ ปี1978 (แซงต์เอเตียน)


          นักเตะยอดเยี่ยมยุโรป 3สมัย      ในปี 1983,1984,1985















ซีเนอดีน ยาซิด ซีดาน (ฝรั่งเศส: Zinédine Yazid Zidane; อาหรับ: زين الدين زيدان, [Zīn ad-Dīn Zīdān]) (เกิด 23 มิถุนายน พ.ศ. 2515) ชื่อเล่นว่า ซิซู (Zizou) เป็นนักฟุตบอลมุสลิมชาวฝรั่งเศส ซีดานเกิดที่เมือง มาร์กเซย ประเทศฝรั่งเศส ในครอบครัวชาวแอลจีเรียอพยพ เริ่มค้าแข้งขณะอายุ 17 ปี กับ สโมสร กานส์ ดิวิชั่น1ของฝรั่งเศสจากนั้นเขาก็มาประสบความสำเร็จกับสโมสร บอร์กโดช์และเขาถูกคัดเลือกให้เป็นดาวรุ่งยอดเยี่ยมแห่งปีของยุโรป ได้เข้าร่วมฟุตบอลโลกครั้งแรกและเป็นส่วนหนึ่งของ ฟุตบอลทีมชาติฝรั่งเศส ใน ฟุตบอลโลก 1998 ซีดานได้นำทีมเป็นแชมป์ฟุตบอลโลก ซีดานได้ประกาศเลิกเล่นฟุตบอลอาชีพ พร้อมกับเกิดคดี ซิซู โหม่ง นักเตะกองหลังของอิตาลี มาร์โก มาเตรัซซี เข้า ภายหลังจบการแข่งขัน ฟุตบอลโลก 2006


ซีดานได้เล่นให้กับทีมยูเวนตุส ในปี 2539-2544 และ รี่ล มาดริด ในปี 2544-2549 ซีดาน เป็น มิดฟิล์ดจอมทัพที่ดีที่สุดคนหนึ่งของโลก ครบเครื่องทุกอย่างในนักแตะคนเดียว ทั้งการผ่านบอลแม่นยำ เติมเกมรุก กำหนดจังหวะเกม เป็นศูนย์กลางผสมผสานของทีมได้ลงตัว










































ข้อมูลส่วนตัว
ชื่อเต็ม Zinédine Yazid Zidane
วันเกิด 23 มิถุนายน ค.ศ. 1972
สถานที่เกิด มาร์กเซย ประเทศฝรั่งเศส
ส่วนสูง 185 ซ.ม. (6 ฟุต 1 นิ้ว)
ฉายา Zizou, ZZ, Yaz
ตำแหน่ง กองกลางตัวรุก
สโมสรอาชีพ*
ปี สโมสร ลงเล่น
(ประตู)
1988-1992
1992-1996
1996-2001
2001-2006
AS Cannes
Girondins de Bordeaux
ยูเวนตุส
รีล มาดริด
61 (6)
139 (28)
191 (28)
155 (34)
ทีมชาติ**
1994-2006 ฝรั่งเศส 108 (31)[1]

* นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้ทีมสโมสร
นับเฉพาะลงเล่นในประเทศ
ข้อมูลล่าสุดวันที่ 5 กรกฎาคม ค.ศ. 2006
** นัดที่ลงเล่นและประตูที่ยิงให้ทีมชาติ
ข้อมูลล่าสุดวันที่ 10 กรกฎาคม ค.ศ. 2006

















เอริก แดเนียล ปิแอร์ กองโตนา (Éric Daniel Pierre Cantona) (เกิดเมื่อวันที่ 24 พฤษภาคม พ.ศ. 2509 (ค.ศ. 1966) ที่เมือง มาร์กเซย์ ประเทศฝรั่งเศส) เล่นฟุตบอลอาชีพกับแมนเชสเตอร์ยูไนเต็ด เป็นสโมสรสุดท้าย ซึ่ง คันโตนา ประสบความสำเร็จได้แชมป์พรีเมียร์ลีก ถึง 4 สมัย ภายในเวลา 5 ปี รวมไปถึงการคว้าแชมป์พรีเมียร์ลีกและฟุตบอลถ้วย เอฟเอคัพ ภายในฤดูกาลเดียวกันอีกสองสมัย


ในปี พ.ศ. 2543 (ค.ศ. 2000) ได้รับการโหวตจากแฟนๆ ของทีม ให้เป็นนักฟุตบอลแห่งศตวรรษ แฟนๆ ยังคงกล่าวถึงคันโตนา โดยเรียกเขาว่า เอริก เดอะ คิง จนถึงทุกวันนี้



คันโตนา เริ่มเล่นฟุตบอลกับสโมสรโอลิมปิกมาร์กเซย(โอ'แอม) เป็นคนที่ค่อนข้างหัวเสียง่าย มีอยู่ครั้งหนึ่ง ในขณะที่ลงแข่งขันนัดกระชับมิตร กับ ทีมตอร์ปิโด มอสโก เขาถูกเปลี่ยนตัวออก แล้วได้แสดงอาการไม่พอใจ ด้วยการ ฉีกเสื้อและขว้างมันทิ้ง เขาถูกลงโทษห้ามลงแข่งเป็นเวลา 1 เดือน หลังจากนั้น สองถึงสามสัปดาห์ เขาก็ได้ออกมากล่าวโจมตี โค้ชทีมชาติฝรั่งเศสทางทีวีอีกด้วย


กองโตนาย้ายสู่ บอร์กโดซ์ ด้วยสัญญายืมตัว หลัง จากนั้นก็ได้ย้ายไปเล่นให้กับ มงเปลลิเย่ร์ ซึ่งเขาได้สัมผัสกับถ้วยแชมป์ เฟร้นช์ คัพ เป็นครั้งแรก ก่อนจะถูก มาร์กเซย์ดึงตัวกลับมา แต่ เขาก็ยังถูกขายให้กับ นีมส์


เขาถูกห้ามลงแข่งขันอีกครั้งเป็นเวลา 1 เดือน จากการขว้างบอลใส่ผู้ตัดสิน และกองโตนาก็ให้สัมภาษณ์วิจารณ์คำตัดสิน จึงถูกลงโทษเพิ่มเป็น 2 เดือน และนี่เองเปรียบเสมือนฟางเส้นสุดท้ายของคันโตนา เขาจึงตัดสินใจ แขวนสตั๊ด


ต้องขอบคุณแฟนฟุตบอลพันธ์แท้รายหนึ่ง ที่ชักจูงให้คันโตนากลับมาเริ่มต้นเล่นฟุตบอลอีกครั้ง ที่ประเทศอังกฤษ   


       


หลังจากมาทดสอบฝีเท้ากับสโมสร เชฟฟิลด์ เว้นส์เดย์ คันโตนา ก็ได้ย้ายเข้าสู่สโมสร ลีดส์ ยูไนเต็ด ในปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992) คันโตนาพายูงทองเถลิงบัลลังก์แชมป์ดิวิชั่น 1(เดิม)ได้ทันทีในฤดูกาลนั้นเอง (1991-1992)เดือนพฤศจิกายนปีเดียวกันนั้น คันโตนาก็ย้ายสโมสรอีกครั้งหนึ่ง เข้าสังกัดทีมปีศาจแดง แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ด้วยค่าตัวที่ปีศาจแดงจ่ายให้กับลีดส์เพียงแค่ 1.2 ล้านปอนด์ เท่านั้น


ขณะนั้นทีมปีศาจแดงกำลังประสบกับปัญหาปืนฝืด ไม่สามารถทำประตูคู่แข่งได้เนื่องมาจากการที่สโมสรขาย มาร์ค โรบิน และ ดิออน ดับลิน ประสบปัญหาการบาดเจ็บ


อย่างไรก็ตาม คันโตนาปรับตัวเข้ากับสโมสรแห่งใหม่ได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ตัวเขาสามารถทำประตูและส่งให้เพื่อนร่วมทีมทำประตูได้อย่างเป็นกอบเป็นกำ


2 ฤดูกาลต่อมา ยูไนเต็ดประสบความสำเร็จอย่างน่าทึ่ง คว้าแชมป์ลีกในปี พ.ศ. 2536 (ค.ศ. 1993)และ ดับเบิ้ลแชมป์ในปี พ.ศ. 2537(ค.ศ. 1994)ซึ่งคันโตนาทำประตูจากลูกจุดโทษสองประตูถล่ม เชลซี ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ 4-0


คันโตนาก่อเรื่องน่าอายขึ้นในเกมเยือน คริสตัลพาเลซ เดือนมกราคม ฤดูกาลถัดมา(พ.ศ. 2538)(ค.ศ. 1995) เมื่อกระโดดถีบใส่ แมทธิว ซิมม่อนส์ แฟนบอลทีมเจ้าบ้าน หลังจากโดนผู้ตัดสินไล่ออกจากสนาม


ในงานแถลงข่าวภายหลังเหตุการณ์ดังกล่าว กลุ่มนักข่าวพากันมารอสัมภาษณ์คันโตนา ซึ่งคันโตนาได้เดินเข้ามานั่ง ก่อนจะกล่าวว่า เมื่อนกนางนวลบินตามเรือประมง...ก็เพราะพวกมันคิดว่าปลาซาร์ดีนจะถูกโยนลงมาในทะเล เพียงเท่านี้เขาก็ลุกออกจากห้องไป สร้างความงุนงงให้กับกองทัพนักข่าวทั้งหลาย


คันโตนาถูกศาลชั้นต้นสั่งลงโทษจำคุกเป็นเวลา 2 สัปดาห์ ก่อนที่ศาลอุทธรณ์จะเปลี่ยนบทลงโทษให้เป็นทำงานบริการสังคมเป็นเวลา 120 ชั่วโมงแทน นอกจากนี้สมาคมฟุตบอลอังกฤษยังสั่งลงโทษคันโตนาห้ามลงสนามจนกว่าจะถึงเดือนตุลาคมอีกด้วย


มีการคาดการณ์กันไปต่างๆ นานา ว่าคันโตนาอาจจะยุติการค้าแข้งที่อังกฤษหลังจากพ้นโทษแบน แต่ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน เป็นผู้ที่ชักจูงให้คันโตนาอยู่กับทีมต่อไป ซึ่งในช่วงต้นฤดูกาลนั้นสโมสรได้ขายผู้เล่นสำคัญบางคนออกไปและเลื่อนชั้นนักเตะจากทีมเยาวชนขึ้นมาแทน ทำให้ความหวังในการคว้าแชมป์ไม่สู้จะดีนักเช่นเดียวกับในปี พ.ศ. 2535 (ค.ศ. 1992)


คันโตนายิงประตูจากลูกจุดโทษในเกมพบกับ ลิเวอร์พูลได้ในนัดประเดิมสนามหลังจากพ้นโทษ และประตูของเขาก็ช่วยให้สโมสรคว้าแชมป์ลีกได้หลังจากต้องเป็นฝ่ายไล่ตามหลัง 10 คะแนนตั้งแต่เดือนธันวาคมเป็นต้นมา และเป็นทีมแรกที่สามารถคว้าดับเบิ้ลแชมป์ได้สองสมัยติดต่อกันหลังจากคันโตนาทำประตูชัยได้ในนัดชิงชนะเลิศ เอฟเอคัพ


ยูไนเต็ดคว้าแชมป์ได้อีกครั้งในฤดูกาล 1996/1997 ทำให้คันโตนาได้แชมป์ลีกไปแล้วถึง 6 ครั้งในรอบ 7 ปี ยก เว้นเพียงปีที่เขาโดนแบนเท่านั้น หลังฤดูกาลจบลง คันโตนา ก็สร้างความประหลาดใจให้กับแฟนบอล ด้วยการประกาศเลิกเล่น ในขณะที่อายุเพิ่งจะ 30 ปีเท่านั้น ซึ่งหลังจากนั้นไม่นานได้หันเหไปเล่นฟุตบอลชายหาดให้กับทีมชาติฝรั่งเศส โดยเป็นกัปตันทีมด้วย


ในปี พ.ศ. 2547(ค.ศ. 2004) คันโตนาได้ให้สัมภาษณ์อีกครั้งโดยได้กล่าวว่า ผมภูมิใจที่แฟนๆ ยังคงร้องเรียกชื่อผม แต่ผมกลัวว่าพรุ่งนี้พวกเขาอาจจะไม่ทำเช่นนั้น ผมกลัวเพราะผมรักมัน และทุกๆ สิ่งที่คุณรัก คุณก็ต้องกลัวที่จะเสียมันไป



 


คันโตนาเป็นที่ชื่นชอบของ มิเชล พลาตินี่ซึ่งเป็นผู้จัดการทีมชาติในขณะนั้น ซึ่งพลาตินี่พูดถึงคันโตนาว่า เขาจะต้องเลือกคันโตนาเป็นหนึ่งในขุนพล เลอ เบลอส์ อย่างแน่นอน ถ้ายังเล่นได้อย่างสุดยอด พลาตินี่เป็นอีกคนหนึ่งที่ริเริ่มความคิดการเล่นฟุตบอลในอังกฤษให้กับคันโตนา


ภายหลังล้มเหลวจากศึกยูโร92 ที่ประเทศสวีเดน พลาตินี่ก็ได้ลาออกจากตำแหน่ง ซึ่งขณะนั้นฝรั่งเศสมีคู่ศูนย์หน้า คือ คันโตนา และ ฌอง-ปิแอร์ ปาแปง ผู้ที่เข้ามารับงานต่อจากพลาตินี่ก็คือ เชราร์ อุลลิเย่ร์


ฝรั่งเศสไม่สามารถผ่านรอบคัดเลือกไปเล่นฟุตบอลโลกที่ สหรัฐอเมริกาได้ในอีกสองปีต่อมา หลังจากที่แพ้บัลแกเรียคาบ้าน 2 ต่อ 1 ซึ่งฝรั่งเศสต้องการเพียงแค่ผลเสมอ ในเกมนั้น ดาวิด ชิโนล่าทำบอลเสียนำไปสู่การได้ประตูชัยของบัลแกเรียโดย เอมิล คอสตาดินอฟ ทำให้คันโตนาโกรธ ชิโนล่า มาก หลังเกมนั้น อุลลิเย่ร์ลาออกจากตำแหน่ง ทำให้ ไอเม่ ฌักเก้ต์ เข้ามาสานงานต่อ


สองปีต่อมาฝรั่งเศสผ่านเข้าไปเล่นในยูโร 96 ที่อังกฤษได้สำเร็จ ซึ่ง ฌักเก้ต้ ได้ทำการปรับปรุงทีม โดยใช้ผู้เล่นสายเลือดใหม่สองสามคน หนึ่งในนั้นก็คือ มิดฟิลด์จอมทัพซึ่งมีลีลาการเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจและมีความเป็นผู้นำสูงอย่าง ซีเนดีน ซีดานโดย คันโตนาถูกหมางเมิน


หลายฝ่ายต่างคาดการณ์กันว่า กองโตนาคงจะหลุดจากทีมชาติชุดลุยบอลโลกที่ประเทศตัวเองอย่างแน่นอน และมีข่าวเล็ดลอดออกมาว่า คันโตนา ประกาศเลิกเล่นตอนสิ้นปี พ.ศ. 2542(ค.ศ. 1997)ก็เพราะว่า ต้องการหลีกเลี่ยงแรงกดดันที่ ฌักเก้ต์ และ ทีมชาติฝรั่งเศสต้องเผชิญจากการที่ไม่เลือกเขาร่วมทีม


ฝรั่งเศสสามารถคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกที่ประเทศตัวเองได้สำเร็จ โดย ซีดานทำสองประตูในนัดชิงชนะเลิศกับ บราซิล 



หลังจากแขวนสตั๊ดแล้วคันโตนา หันเหไปเป็นนักแสดงในประเทศฝรั่งเศส นอกจากเป็นนักแสดงแล้ว เขายังเป็น ผู้กำกับภาพยนตร์ขนาดสั้นด้วย คันโตนาเริ่มเป็นที่รู้จักในฐานะนักแสดงจากภาพยนตร์เรื่อง เอลิซาเบ็ท ที่เขาเล่นเป็นทูตชาวฝรั่งเศส นอกจากนี้เขาก็ยังรับจ๊อบเป็นนายแบบโฆษณาให้กับบริษัทไนกี้ด้วย


ในช่วงก่อนการแข่งขันฟุตบอลโลกปี 2002(พ.ศ. 2545)คันโตนาก็เล่นภาพยนตร์โฆษณาให้กับไนกี้ร่วมกับ เธียร์รี่ อองรี โรเบอร์โต้ คาร์ลอส โรนัลโด้และหลุยส์ ฟิโก้ โดยก่อนหน้านี้ เขาก็เคยเล่นภาพยนตร์โฆษณาให้กับไนกี้ในประเทศอังกฤษ ในการปรากฏตัวร่วมกับ เอียน ไรท์ สตีฟ แม็คมานามาน และ ร้อบบี้ ฟาวเลอร์ด้วย


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์