Exclusive : แชมป์ที่รอคอย!โหมโรงพี่เสือฟัดสิงห์ชิง UCL

Exclusive : แชมป์ที่รอคอย!โหมโรงพี่เสือฟัดสิงห์ชิง CL

เตรียมตัวเฝ้าหน้าจอรอชมให้ดีหลังเสือใต้บาเยิร์น มิวนิคโคจรมาพบกับสิงห์บลูส์เชลซีเพื่อช่วงชิงถ้วยแชมเปี้ยนส์ลีกประกาศศักดิ์ดาเป็นจ้าวยุโรปในวันเสาร์เวลา 1.45 น.นี้ แต่ก่อนจะถึงเกมนี้ Soccersuck ได้นำเรื่องราวต่างๆที่ผ่านมารวบรวมให้อ่านกันเช่นเคย

บาเยิร์น มิวนิค

เรื่องราวที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้
พวกเขาเริ่มต้นด้วยการผ่านเอฟซี ซูริคมาได้ในการเพลย์ออฟ ก่อนจะต้องมาเจอกับกรุ๊ปสุดหินในรอบแบ่งกลุ่มโดยต้องอยูร่วมสายเดียวกับนาโปลี, แมนเชสเตอร์ ซิตี้และบีญาร์เรอัลแต่ก็พิสูจน์ความสามารถพวกเขาให้เห็นกันโดยผ่านมาได้แบบที่แพ้ไปเพียงแค่เกมเดียวเท่านั้น

เสือใต้เข้าสู่รอบน็อคเอาท์จับสลากมาเจอกับบาเซิ่ลและโอลิมปิค มาร์กเซยก่อนจะเข้าสู่รอบรองฯมาพบเรอัล มาดริดและเอาชนะไปในการดวลจุดโทษตบเท้าสู่รอบชิงฯ อย่างไรก็ตามผลงานในลีกพวกเขาถือว่าไม่สดใสนักเพราะจบซีซั่นโดยที่ตามหลังโบรุสเซีย ดอร์ทมุนด์แชมป์ลีก 8 แต้มและเจอเสือเหลืองย้ำแค้นให้อีกในเกมเดเอฟเบ โพคาลที่บาเยิร์นพ่าย 5-2 เป็นแค่รองแชมป์อีกครั้ง แต่ทุกสิ่งจะเลือนหายไปหากทำฝันคว้าแชมป์ UCL สมัย 5 ให้เป็นจริงในวันเสาร์นี้

เส้นทางสู่รอบชิง
รอบเพลย์-ออฟ :พบเอฟซี ซูริค ชนะ 2-0(เหย้า) ; ชนะ 1-0(เยือน)
รอบแบ่งกลุ่ม : จบด้วยการเป็นจ่าฝูงและไม่แพ้เกมในบ้านเลยพร้อมเขี่ยแมนเชสเตอร์ ซิตี้ตกรอบ
รอบ 16 ทีม : พบบาเซิ่ล แพ้ 0-1(เยือน) ; ชนะ 7-0(เหย้า)
รอบก่อนรองชนะเลิศ : พบมาร์กเซย ชนะ 2-0(เยือน) ; ชนะ 2-0(เหย้า)
รอบรองชนะเลิศ : พบเรอัล มาดริด ชนะ 2-1(เหย้า) ; แพ้ 1-2(เยือน) ชนะในการดวลจุดโทษ 3-1

ดาวยิงประจำทีม
ไม่ใช่ใครที่ไหนนั่นคือมาริโอ โกเมซที่ยิงไปแล้ว 12 ประตูในแชมเปี้ยนส์ลีก ฤดูกาลนี้ โดยเขายังมีลุ่นคว้ารางวัลดาวซัลโวอยู่โดยตามหลังลิโอเนล เมสซี่อยู่ 2 ประตูด้วยกัน แต่ตัวเขาเองก็ให้สัมภาษณ์ไว้ว่าไม่คิดจะไปเทียบกับเมสซี่อยู่แล้ว และยกความดีความชอบที่ทำประตูได้มากมายให้กับเพื่อนร่วมทีม

ฮีโร่ผู้ปิดทองหลังพระ
การขาดหายไปของบาสเตียน ชไวน์สไตเกอร์ทำให้โทนรี่ โครสต้องเข้ามารับหน้าที่แทนในแดงกลางและก็โชว์ผลงานได้อย่างดีเยี่ยมโดยเฉพาะอย่างยิ่งในเกมรอบน็อคเอาท์ การยิงอันทรงพลังของเขาทำให้มีชื่อเป็นผู้ทำประตูไปแล้วสองหน นอกจากนี้ด้วยวิสัยทัศน์ในการจ่ายที่ยอดเยี่ยมทำให้ยังเป็นตัวออกบอลชั้นดีให้กับเพื่อนร่วมทีมอีกด้วย

สถิติในเกมรอบชิง UCL
ลงสนาม 8 เกม ชนะ 4 แพ้ 4
เกมล่าสุด : พบกับอินเตอร์ มิลานในปี 2009/10 (แพ้ 0-2)

บาเยิร์น ปะทะ ทีมจากอังกฤษ
ฤดูกาลนี้พวกเขาพบทีมจากอังกฤษไปแล้วนั่นคือแมนฯ ซิตี้ในเกมรอบแบ่งกลุ่มโดยเสือใต้เอาชนะเรือใบสีฟ้าที่บ้านไป 2-0 และแพ้ 2-0 เมื่อไปเยือนที่เมืองผู้ดี รวมทั้งหมดบาเยิร์นเคยพบกับทีมจากอังกฤษไป 35 เกมโดยชนะ 13 เสมอ 12 และแพ้ 10 เกม ยิงประตูได้ทั้งหมด 51 ลูกเสียไป 43 ประตู


เชลซี

เรื่องราวที่ผ่านมาในฤดูกาลนี้
ถือเป็นฤดูกาลที่ยากลำบากสำหรับสิงโตน้ำเงินคราม หลุดจากวงโคจรลุ้นแชมป์พรีเมียร์ลีกและมาแยกทางกับอันเดร วิลลาส โบอาสภายหลังจากแพ้นาโปลีในเกม UCL รอบ 16 ทีมสุดท้ายนัดแรกและแพ้เวสบรอมวิช 1-0 ในลีก อย่างไรก็ตามนั่นก็เป็นจุดเปลี่ยนของพวกเขาก็ว่าได้

ผลลัพธ์เหล่านั้นทำให้พวกเขาตั้งโรแบร์โต้ ดิ มัตเตโอขึ้นมาเป็นกุนซือขัดตาทัพและแม้จะเริ่มต้นซีซั่นด้วยความหม่นหมองแต่พวกเขาก็จบฤดูกาลด้วยการคว้าอันดับ 6 ในลีก ปราบลิเวอร์พูลคว้าแชมป์เอฟเอ คัพมาได้และก้าวผ่านบาร์เซโลน่าในรอบรองฯจนเข้ามาถึงรอบชิงแชมเปี้ยนส์ลีกนี้

เส้นทางสู่รอบชิง
รอบแบ่งกลุ่ม : จบด้วยการเป็นจ่าฝูงและไม่แพ้เกมในบ้านเลยพร้อมเขี่ยบาเลนเซียตกรอบ
รอบ 16 ทีม : พบนาโปลี แพ้ 1-3(เยือน) ; ต่อเวลาพิเศษชนะ 4-1(เหย้า)
รอบก่อนรองชนะเลิศ : พบเบนฟิก้า ชนะ 1-0(เยือน) ; ชนะ 2-1(เหย้า)
รอบรองชนะเลิศ : พบบาร์เซโลน่า ชนะ 1-0(เหย้า) ; เสมอ 2-2(เยือน)

ดาวยิงประจำทีม
5 ประตูของดิดิเย่ร์ ดร็อกบาดูเหมือนจะไม่มากมายนักแต่ก็เป็นประตูที่ได้มาจากการลงสนามเป็นตัวจริงเพียงแค่ 6 นัดเท่านั้น นอกจากนี้แล้วเขาก็มักทำประตูได้ในช่วงสำคัญไม่ว่าจะเป็นยิง 2 ลูกใส่บาเลนเซียในเกมที่ชนะ 3-0 เบิกร่องประตูแรกในเกมนัดสองกับนาโปลีรอบ 16 ทีมและเป็นคนยิงประตูชัยให้ทีมเอาชนะบาร์เซโลน่าในเกมรอบรองฯนัดแรก

ฮีโร่ผู้ปิดทองหลังพระ
หลายฝ่ายมักพูดถึงเหล่านักเตะขิงแก่ของเชลซีอย่างแฟรงค์ แลมพาร์ด, จอห์น เทอร์รี่และดร็อกบากับการทุ่มเทของพวกเขาที่ใำห้สิงห์บลูส์กลับมาได้ แต่ก็ต้องยกความดีความชอบให้กับเหล่านักเตะวัยหนุ่มของทีมอย่างดาวิด ลูอิชและรามิเรสด้วยเช่นกัน โดยรายแรกกำลังเรียกความฟิตเพื่อมาคุมแนวรับแทนเทอร์รี่ที่ติดโทษแบนให้ทัน ส่วนรายหลังน่าเสียดายที่จะไม่ได้เห็นฝีเท้าเขาในเกมรอบชิงฯเพราะติดโทษแบน

สถิติในเกมรอบชิง UCL
ลงสนาม 1 เกม ชนะ - แพ้ 1
เกมล่าสุด : พบกับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดเมื่อปี 2007/08 (เสมอ 120 นาทีที่ 1-1 ก่อนจะแพ้ในการดวลจุดโทษ 5-6)

เชลซี ปะทะ ทีมจากเยอรมนี
สิงห์บลูส์เจอกับทีมจากเยอรมนีในฤดูกาลนี้มาแล้วเช่นเดียวกัน เป็นเกมนัดแรกของรอบแบ่งกลุ่มที่เอาชนะเลเวอร์คูเซ่นไป 2-0 แต่เมื่อไปเยือนห้างยาพวกเขาก็ต้องพ่ายให้ 2-1 รวม 13 เกมกับทีมจากเมืองเบียร์เอาชนะไปได้ 7 และแพ้ 4 โดยเกมที่พวกเขาแพ้นั้นทุกเกมเกิดขึ้นในการไปเยือนที่เยอรมนี

การพบกันก่อนหน้านี้ของทั้งสองทีม
ทั้งสองทีมเคยพบกันมาในแชมเปี้ยนส์ลีกเพียงแค่ครั่งเดียวเท่านั้น เกิดขึ้นในฤดูกาล 2004/05 เกมรอบก่อนรองชนะเลิศโดยเป็นทีมดังจากลอนดอนที่เอาชนะในนัดแรกไปก่อน 4-2 ที่สแตมฟอร์ด บริดจ์ เมื่อกลับไปเล่นกันที่บ้านของบาเยิร์นก็กลายเป็นสโมสรจากแคว้นบาวาเรียที่เอาชนะไปได้ 3-2 แต่ก็ไม่เพียงพอประตูรวมพวกเขายังแพ้ 5-6 ทำให้เชลซีเป็นผู้ผ่านเข้าสู่รอบถัดไป

ท้ายที่สุดแล้วแชมป์บิ๊กเอียร์ในซีซั่นนี้ก็ต้องตัดสินกันในสนามอีกไม่กี่อึดใจข้างหน้าและไม่ว่าจะเป็นฝ่ายไหนที่ได้แชมป์มาครองก็ขอแสดงความยินดีล่วงหน้าครับ

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์