โหดร้ายกับจิตใจของแฟนบอลเสียเหลือเกิน เมื่ออาร์เซนอลส่อแววก้าวเข้าสู่การไร้แชมป์ 8 ปีเต็ม หลังจากพ่ายช็อกคาบ้านให้แบล็คเบิร์น 0-1 ร่วงเอฟเอ คัพ พร้อมจบสถิติไม่เคยแพ้ทีมต่ำกว่าในรายการนี้ที่ครองมา 16 ปี 34 นัดลงอย่างแสนเศร้า
เอฟเอ คัพ รอบ 5
วันเสาร์ที่ 16 กุมภาพันธ์ 2556 
อาร์เซนอล 0 - 1 แบล็คเบิร์น
สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี๊ยม
ประตู :0-1 คาริม-ริชาร์ดส์ น.72
เวนเกอร์หมายหมั้นปั้นมือเหลือเกินว่ารายการนี้จะต้องเอาแชมป์มาเชยชมให้ได้ หลังจากวืดมาติดกัน 8 ปีรวด
อาร์เซนอลส่งทั้งแชร์วิญโญ่และชิรูด์ลงเล่นในแดนหน้าหวังจะทะลวงประตูแบล็คเบิร์นที่เคยห่ำหั่นกันมาหลายครั้งแล้วสมัยที่เล่นในพรีเมียร์ ลีก
โดยกุนซือเลือดเฟร้นช์เลือกที่จะพักตัวหลักๆอย่างวิลเชียร์, วัลค็อตต์และโพโดลสกี้เอาไว้เป็นเพียงแค่ตัวสำรองกันเหนียวหากเกมหนืดขึ้นมาก็ลงไปเปลี่ยนเกมกันได้
ด้านแบล็คเบิร์นเกมนี้ใช่ย่อยที่ไหนเพราะมีโร้ดส์ที่ลงยืนแดนหน้า ยิงมาแล้ว 9 ประตูจาก 10 นัดหลังสุดที่เล่นกันมา
ส่วนสถิติ ปืนใหญ่ สุดยิดเหลือเกิน พวกเขาไม่เคยแพ้ทีมที่อยู่ในลีกต่ำชั้นกว่ามา 34 เกมในเอฟเอ คัพแล้วและนี่ก็คือเกมที่ 7 ที่พวกเขาจับมาเจอกันในรายการนี้ อาร์เซนอลผ่านไปได้ 4 ครั้งตรงๆก็จริง แต่ล่าสุดที่พบกัันแบล็คเบิร์นเฉือนไป 1-0
ครึ่งแรก
เกมแบบว่ายังเบาๆกันอยู่
ผ่าน 10 นาทีแรกไป เกมยังไม่มีอะไรมากนัก จะมีก็แต่โอกาสของแบล็คเบิร์นที่โอลส์สันเติมขึ้นไปเล่นลูกฟรีคิกก่อนจะมีโอกาสกดด้วยซ้ายในเขตโทษ แต่บอลมันดันหลุดกรอบซะนี่ ถึงอย่างนั้นมันก็เป็นสัญญาณเตือนอาร์เซนอลแล้วว่าอย่าเผลอนะ
ปืนตั้งหลักใส่เกมบุก
หลังจากโดนทักทายไปก่อน ตอนนี้อาร์เซนอลตั้งหลักได้ก็จัดการครองบอลตามสไตล์ถนัด โยกไปมาเกือบทั่วทั้งสนาม ปล่อยให้แบล็คเบิร์นวิ่งไล่บวกอย่างเดียว แต่ดูแล้วทางทีมเยือนก็คงเตรียมเกมมาเจอแบบนี้
พี่บี้ได้ซัดติดเซฟ
นาทีที่ 24 บุกกดดันต่อเนื่องอย่างหนักหน่วงจริงๆสำหรับอาร์เซนอลในช่วงนี้ ก่อนที่จะมีโอกาสจบสกอร์เน้นจากดิยาบี้สืบต่อจากจังหวะเตะมุมที่ได้อัดในเขตโทษ แต่คีนก็บินไปปัดออกหลังได้ทัน
แหม่อันนี้เกือบลืมไป!กล้องจับที่เบนท์ลี่ย์
เล่นกันมาจะครึ่งชั่วโมงเกมยังไม่มีประตู แถมยังมีตัวเจ็บอยู่ทำให้กล้องจแพนภาพขยับออกไปที่ข้างสนามเห็นเบนท์ลี่ย์อดีตดาวรุ่งของอาร์เซนอลยืนวอร์มอยู่ที่ข้างสนาม วันนี้น่าจะได้มีลุ้นลงเล่นเจอกับต้นสังกัดเก่าเขาเหมือนกัน
ปืนบุกแล้วบุกอีกแต่ยังไม่ได้
เข้า 10 นาทีสุดท้ายแล้วนี่ค่อนข้างอึดอัดอยู่สำหรับอาร์เซนอล เพราะแม้ว่าพวกเขาจะทำเกมบุกได้มากกว่าแต่ปัญหาคือการเจาะเข้าไปถึงพื้นที่สุดท้ายนั้นยังทำได้ไม่ดีพอ ซึ่งก็ต้องชมแบล็คเบิร์นด้วยที่วางโซนกันมาได้เป๊ะ
ดีนนิ่งหลังโคเกอร์แล็งน์ล้มในเขตโทษ
นาทีที่ 41 ดูเหมือนจังหวะนี้จะง่ายไปหน่อยสำหรับโคเกอร์แล็งน์ที่เติมขึ้นไปสูง ก่อนที่จะล็อกบอลเข้าไปในเขตโทษ แต่มีกองหลังเข้าไปกั้นทางเอาไว้ก่อนจนตั๊นท์แล้วล้มลง แต่ดีนเฉยเพราะมองว่านี่ง่ายเกินไปหน่อย
จบ 45 นาทีแรกลงไปด้วยสกอร์ 0-0 ซึ่งต้องบอกเลยว่าอาร์เซนอลทำได้ดีแต่ไม่ดีพอในแดนหน้า เพราะพวกเขายังขาดในเรื่องของมิติและการจบสกอร์ ส่่วนแบล็คเบิร์นทำได้ดีแล้วในเกมรับ แต่จะดีกว่านี้ถ้าจังหวะสวนกลับพวกเขามีลุ้นมากกว่านี้หน่อย
ครึ่งหลัง
กุหลาบไฟลงมาดีใช้ได้
เกมครึ่งหลังลงเล่นกันมาแบล็คเบิร์นเหมือนจะคึกขึ้นมาพอสมควร สงสัยกระตุ้นกันมาดี มีบู๊ใส่อาร์เซนอลในช่วง 2-3 นาทีแรก ก่อนที่จะขยับไปเน้นเกมชัวร์ๆกันเหมือนเดิม
มาแล้ว!เบนท์ลี่ย์ลงสนาม
นาทีที่ 64 หลังจากวอร์มอยู่นานก็ได้ลงสนามกับเพื่อนเขาสักทีสำหรับเบนท์ลี่ย์ที่ถูกเปลี่ยนลงไปเล่นเจอกับสโมสรเก่าของเขา แต่ดูแล้วคงไม่ได้รับการต้อนรับที่ดีสักเท่าไหร่ เพราะเจ้าตัวก่อนเตะให้ท็อตแน่ม ฮอต สเปอร์สอริร่วมเมืองมาเหมือนกัน
อูยยย!พี่กี้ตะบันไกลชนคานซะได้
อีก 3 นาทีต่อมา ทำไมไม่เข้าไปซะเล้ยสำหรับจังหวะนี้ของโรซิคกี้ที่ได้บอลนอกกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะพลิกตัวให้เข้าล็อกแล้วซัดไกลทันที บอลพุ่งแหวกอากาศเหินหากรอบอยู่แล้ว แต่ดันชนคานอย่างจัง ไม่งั้นล่ะสวยแน่นอน
อุแหม่ ... ปืนเปลี่ยนรวด 3 ตัวเลย
เอาจริงเอาจังเลยในนาทีที่ 71 สำหรับเวนเกอร์ที่จัดตัวเมพประจำทีมลงเล่นครบหน้าทั้งวัลค็อตต์, กาซอร์ล่าและวิลเชียร์ลงสนามแทนที่ของแชร์วิญโญ่, โรซิคกี้และแชมเบอร์เลน ถึงจะเกร็งเกมกับบาเยิร์นแค่ไหนแต่นัดนี้จะพลาดไม่ได้
ปืนช็อก!เพิ่งเอาจริงโดนยิงเฉย
อีกเพียงแค่นาทีต่อมา จากที่คึกๆจัดตัวจริงลง แต่กลายเป็นต้องช็อกตาค้างตาตั้งแทนสำหรับอาร์เซนอลที่ปล่อยให้โร้ดส์วิ่งหลุดขึ้นไปทางด้านซ้ายก่อนจะตะบันเน้นๆ แม้จังหวะแรกจะโดนเซสนี่ย์เซฟเอาไว้ได้ แต่เป็นคาซิม-ริชาร์ดส์วิ่งตามเข้าซ้ำมีดวงเห็นๆเพราะบอลแป้กทำให้เด้งหนีตัวบล็อกไปชิ่งเสาเข้าประตูซะอย่างนั้น แบล็คเบิร์นชิงนำก่อนเลย 1-0
ปืนตั้งหน้าตั้งตาลุยเต็มข้อ
ตอนนี้ไม่ต้องคิดหรือทำอย่างอื่นนอกจากลุยเกมบุกเท่านั้นแล้วสำหรับอาร์เซนอลเพราะถ้าไม่อย่างนั้นพวกเขาอาจจะโดนโค่นเป็นครั้งแรกในรอบ 16 ปีจากทีมที่อยู่ในลีกต่ำชั้นกว่าภายในยุคการคุมของเวนเกอร์
ธีโอร่วงในเขตโทษแต่ล้ำไปก่อนแล้ว
นาทีที่ 82 เสียวว่าจะได้จุดโทษเหมือนกันสำหรับอาร์เซนอลในจังหวะที่วัลค็อตต์หลุดเข้าไปในเขตดทษรับบอลที่เพื่อนแทงทะลุช่องมาก่อนโดนกองหลังเกี่ยวร่วงไปกอง นึกว่าผู้ตัดสินเป่าให้ แต่กลายเป็นว่าจังหวะนนี้ล้ำหน้าไปก่อนแล้ว
ช่วงเวลาที่เหลือแม้ว่าอาร์เซนอลจะบุกแทบเป็นแทบตายแค่ไหน แต่สุดท้ายพวกเขาก็ไม่สามารถทำประตูตีเสมอได้ จบ 90 นาทีพ่ายแพ้คาบ้านให้กับแบล็คเบิร์นไป 1-0 เหลือลุ้นแชมป์ถ้วยเดียวคือแชมป์เปี้ยนส์ ลีกซึ่งบอกได้เลยว่ายากมากถึงมาก
และนี่ก็เป็นจุดจบของสถิติในการที่พวกเขาเล่นในเอฟเอ คัพแล้วไม่แพ้ให้กับทีมที่มาจากลีกที่ต่ำกว่าเลยถึง 16 ปีด้วยกัน
รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม
อาร์เซนอล : วอจเซียจ เซสนี่ย์, โธมัส แฟร์มาเล่น, โลร็องต์ กอสเชียลนี่, นาโช่ มอนเรอัล, อาบู ดิยาบี้, โทมัส โรซิคกี้, มิเกล อาร์เตต้า, อเล็กซ์ อ๊อกเหลด-แชมเบอร์เลน, ฟรานซิส โคเกอร์แล็งน์, โอลิวิเย่ร์ ชิรูด์, แชร์วินโญ่
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม :
แบล็คเบิร์น : เจ็ค คีน, แบรดลี่ย์ ออร์, มาร์ติน โอลส์สัน, สก็อตต์ แดนน์, แกรนท์ แฮนลี่ย์, เจสัน ลอว์, มอร์เท่น กัมป์ พีเดอร์เซ่น, มาร์คุส โอลส์สัน, ลี วิลเลียมสัน, จอร์แดน โร้ดส์, โคลิน คาซิม-ริชาร์ดส์
สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : 
กระทู้ร้อนแรงที่สุดของวันนี้
กระทู้ล่าสุด
รูปเด่นน่าดูที่สุดของวันนี้
