นายทำดีที่สุดแล้ว สิงโตดวลเป้าพ่ายอิตาลี่ ร่วงยูโร2012

นายทำดีที่สุดแล้ว สิงโตดวลเป้าพ่ายอิตาลี่ ร่วงยูโร2012

ฟุตบอลชิงแชมป์แห่งชาติยุโรป ยูโร2012
รอบ 8 ทีมสุดท้าย
อังกฤษ - อิตาลี่
สนาม โอลิมปิก สเตเดี๊ยม

สิงโตคำราม ทีมชาติอังกฤษของ รอย ฮ็อดสัน เข้ารอบมาในฐานะแชมป์กลุ่มดี เกมนี้จุดที่น่าสนใจคงจะหนีไม่พ้นนักเตะที่ได้รับคาดโทษใบเหลือง 5 รายจากการลงเล่นมาในรอบที่แล้วซึ่งแต่ละคนล้วนแล้วแต่เป็นนักเตะระดับซุปเปอร์สตาร์ด้วยกันทั้งนั้น ขณะเดียวกันเกมนี้พวกเขาไม่มีปัญหานักเตะเจ็บหรือติดโทษแบบนมารบกวนใจแต่อย่างใดคาดว่าทางกุนซือจอมเก๋าจะใช้ชุดที่ดีที่สุดลงสนามในวันนี้เต็มสูบอย่างแน่นอน นำทัพโดยดาวยิงร่างตัน เวย์ รูนี่ย์ แอชลี่ย์ ยัง และ แดนนี่ เวลเบ็ค ลงเล่นเป็น 3  ประสานในแนวรุก

ทางฝั่งของอัสซูรี่ อิตาลี่ ของ เซซาเร่ ปรานเดลลี่ ปัญหาเดียวสำหรับการแข่งขันในนัดนี้คงจะหนีไม่พ้นการได้รับบาดเจ็บของกองหลังตัวเก๋า จอห์โจ้ คิเอลลินี่ ที่จะไม่พร้อมลงเล่นในนัดนี้อย่างแน่นอนโดยคาดว่า เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ จะค่ายม้าลาย ยูเวนตุส จะได้สตาร์ทเป็น 11 ตัวจริงในนัดนี้อย่างแน่นอน ส่วนบรรดาแกนหลักคนอื่นอยู่กันพร้อมหน้าพี้อมตากันหมดดานิเอเล เด รอสซี่ - อันเดรีย ปิร์โล่ - มาริโอ บาโลเตลลี่ และ อันโตนิโอ คาสซาโน่ จะได้รับโอกาสลงเล่นในเกมคืนนี้

เริ่มเกมมาได้ไม่ถึงนาที อิตาลี่มีโอกาสได้ทักทายก่อนจากการยิงของ ซุปเปอร์มาริโอ บาโลตเลลี่ แต่บอลเบาและไปตรงตัวของ โจ ฮาร์ท รับเข้าซองสบายๆ

อิตาลี่ยังคงทำเกมได้อย่างวูบวาบมากกว่า ในนาทีที่ 3 ได้มีโอกาสอีกครั้งจากจังหวะที่ขึ้นเกมมาทางขวาก่อนที่จะหักออกมาบริเวณนอกกรอบเขตโทษและเป็นทาง ดานิเอเล่ เด รอสซี่ ที่วิ่งมาวางเท้ากดตูมด้วยซ้ายบอลไปชนเสาอย่างจัง

ถัดมา 1 นาทีอังกฤษตอบโต้มาได้อย่างวูบวาบเลยทีเดียวทำเกมขึ้นมาทางฝั่งขวาก่อนที่ทาง รูนี่ย์ จะเปิดเข้ามาในกรอบเขตโทษ และ เป็นทาง เกล็น จอห์นสัน ที่หุบเข้าไปได้กดด้วยขวา บุฟฟ่อน โชว์ ซุปเปอร์เซฟปัดเอาไว้ได้

เกมผ่านไป 10 นาทียังคงค่อนข้างสูสีกันมากทีเดียว แต่เป็นทางอังกฤษที่ได้ลุ้นอีกครั้งจากจังหวะที่ทาง โคล ไปไล่เบียดเอาบอลขึ้นมาจาก บาโลเตลลี่ ได้และจ่ายมาให้ทาง เวย์ รูนี่ย์ บริเวณกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนที่จะจี้เข้าหากรอบเขตโทษและเป็นทาง โบนุชชี่ ที่สไลด์ตัวตัดบอลทิ้งก่อนที่จะถึง เวลเบ็ค ที่ยืนรอยิง


นาทีที่ 13 อังกฤษน่าจะได้ประตูขึ้นนำ เมื่อทาง เกล็น จอห์นสัน ที่ขึ้นเกมมาทางขวา ก่อนที่จะหยอดเข้าไปในกรอบเขตโทษและเป็นทาง รูนี่ย์ ที่ตัดสินใจ พุ่งทอร์ปิโด้โหม่ง บอลข้ามคานไปแบบได้ลุ้นเลยทีเดียว

เกมดำเนินไปอย่างรวดเร็วและในนาทีที่ 25 อิตาลี่น่าจะได้ประตูขึ้นนำมากทีเดียวจากจังหวะที่ทาง อันเดรีย ปีร์โล่ กองกลางจอมเก๋าวางบอลลมาจากแดนหลังของตัวเอง หลุดไปถึง มาริโอ บาโลเตลลี่ วิ่งพาบอลควบไปบริเวณหน้ากรอบเขตโทษก่อนที่จะตัดสินใจกดด้วยขวา แต่เป็นทาง จอห์น เทอร์รี่ ที่วิ่งมาขวางทิ้งตัวบล็อกลูกยิงของดาวเตะรายนี้เอาไว้ได้

แม้ว่ารูปเกมจะสูงสี แต่ทีเด็ดในการจ่ายบอลของ อันเดรีย ปีร์โล่ ยังคงน่ากลัวเหมือนเดิม นาทีที่ 31 เมื่อวางบอลข้ามกองหลังอังกฤษให้ทาง มาริโอ บาโลเตลลี่ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษ และทางดาวยิงจากแมนฯซิตี้ตัดสินใจ กระโดดทิ้งตัว วอลเล่ย์ แต่บอลยังคงไปตรงตัวของ โจ ฮาร์ท

ถัดจากนั้นมาเพียงแค่ 1 นาทีเท่านั้น อังกฤษได้มีโอกาสส่องจากนอกกรอบเขตโทษ เมื่อ แดนนี่ เวลเบ็ค ขึ้นเกมมาจากกลางสนามก่อนที่จะจ่ายให้ เวย์ รูนี่ย์ และดาวยิงร่างตันตอกส้นคืนมาให้ทาง เวลเบ็คได้กดด้วยขวาเน้นทิศทาง บอลข้ามคานไปเพียงนิดเดียวเท่านั้น

ยิ่งเล่นเกมก็ยิ่งเป็นของทางอิตาลี่ที่ครองเกมเอาไว้ได้เป็นส่วนใหญ่นาทีที่ 37 อันโตนิโอ คาสซาโน่ กองหน้าจอมเก๋าได้บอลบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่จะลากเข้าไปกดด้วยขวา บริเวณนอกกรอบ 20 หลา โดนทาง โจ ฮาร์ท ปัดเอาไว้ได้

นาทีที่ 40 อิตาลี่น่าจะได้ประตูขึ้นนำมากทีเดียว จากจังหวะเตะมุมสั้น บาซาเร็ตติ พาบอลหนีออกมาจากมุมทาง จ่ายเข้ากลางให้ทาง ปีร์โล่ ก่อนที่ดาวเตะรายนี้จะเบิ้ลบอลจังหวะเดียวเข้าไปที่เสาสองและเป็นทาง คาสซาโน่ ที่โหม่งตั้งเข้ากลางมาให้ทาง
มาริโอ บาโลเตลลี่ ได้ซัดจ่อๆเพียงแค่ 8 หลาเท่านั้นแต่บอลข้ามคานไปแบบน่าเสียดาย


โอกาสเกมนี้เยอะจริงๆสำหรับทีมชาติอิตาลี่ ในนาทีที่ 42 มาริโอ บาโลเตลลี่ พาบอลขึ้นมาจากกลางสนามก่อนที่จะกดตูมด้วยขวาจากนอกกรอบเขตโทษ บอลลอยข้ามคาน

หลังจากนั้นเป็นทางอิตาลี่ที่เป็นฝ่ายครองเกมเอาไว้ได้ทั้งหมดจนกรรมการเป่านกหวีดจบครึ่งเวลาแรกเสมอไปได้ 0-0 แบบสุดมันส์

เป่าเริ่มเกมในช่วงครึ่งเวลาหลังมาได้ไม่ถึงนาทีอังกฤษมีโอกาสได้ลุ้นก่อนเมื่อทาง เจมส์ มิลเนอร์ พลิกบอลหลอกได้สวยก่อนจี้เช้าหากรอบเขตโทษด้านขวา ไหลบอลเข้ากลาง แต่บรรดาแนวรุกทั้ง รูนี่ย์ และ เวลเบ็ค เติมเกมเข้าไปในกรอบ 6 หลาหมดแล้วทำให้ไม่ได้ลุ้นโอกาสในการยิงประตูขึ้นนำ

ถัดมาในนาทีที่ 47 อิตาลี่น่าจะได้ประตูขึ้นนำสุดเป็นจังหวะพัวพันจากเตะมุม ปีร์โล่ โยนเข้ามาในกรอบเตโทษเป็นทาง โจ ฮาร์ท ที่ทุบออกมาและเป็นทาง บาซาเร็ตติ ที่โหม่งหนุนเข้าไปในกรอบเขตโทษอีกครั้ง บอลลอยไปถึงทาง เด รอสซี่ ที่ยืนอยู่ไม่ล้ำหน้า
ได้ซัดจ่อๆ 8 หลา บอลหลุดเสาออกไปแบบไม่ได้ลุ้น

อิตาลี่ยังคงได้ลุ้นและมีโอกาสเยอะมากทีเดียวในครึ่งหลัง นาทีที่ 51 บาโลเตลลี่ เล่นสั้นกับทาง ปีร์โล่ ก่อนจ่ายออกขวามาให้ทาง อัลบาเต้ ที่เติมสูงขึ้นมาโยนเข้าไปในกรอบเขตโทษและเป็นทาง เลสต็อตต์ ที่โห่งตัดบอลทิ้งออกข้างไป

จากจังหวะติดพัน นาทีที่ 52 เด รอสซี่ได้บอลทุ่มจากด้านข้างตัดสินใจกดตูมด้วยขวา โจ ฮาร์ท ปัดบอลออกมาเข้าทาง บาโลเตลลี่ ได้ยิงจ่อๆด้วยขวาในกรอบเขตโทษ 7 หลาเท่านั้นแต่ไปติด โจ ฮาร์ท ที่วันนี้โชว์ฟอร์มซุปเปอร์เซฟเลยทีเดียว แต่ก็ยังปัดไปเข้าทาง
ริคาร์โด้ มอนโตลิโว่ ที่วิ่งมาดีดด้วยซ้ายบอลลอยข้ามคานไปแบบได้ลุ้นเลยทีเดียว

เริ่มครึ่งหลังมาได้เพียง 15 นาทีอังกฤษมีการปรับทัพด้วยการส่ง 2 นักเตะตัวสำรอง แอนดี้ คาร์โรลล์ และ ธีโอ วัลค็อตต์ ลงสนามไปแทนที่ แดนนี่ เวลเบ็ค และ เจมส์ มิลเนอร์

นาทีที่ 64 อังกฤษมีโอกาสได้ลุ้นประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ วัลค็อตต์ได้บอลบริเวณ มุมกรอบเขตโทษด้านขวาก่อนจะโยนเข้ากลางให้ทาง แคร์โรลล์ ที่ยืนรอ แต่บอลแรงและไปโดนตัวผู้เล่นของอิตาลี่แต่เหมือนมีโชคเข้าทางปืนของ แอชลี่ย์ ยัง ที่ได้โอกาสยิงแฉลบกองหลังออกไปได้เตะมุม

นาทีที่ 76 อังกฤษได้ลูกฟรีคิกจากระยะ 30 หลาและเป็นทาง สตีเฟ่น เจอร์ลาร์ด ที่เลือกโยนบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษหลุดไปถึง เวย์ รูนี่ย์ ที่ได้โหม่ง แต่เฉือนบอลมากไปหน่อยเลยเบาไปเข้ามือของ จิอันลุยขิ บุฟฟ่อน แบบสบายๆ

นาทีที่ 77 อิตาลี่เป็นตัวเป็นคนแรกเมื่อถอดทาง อันโตนิโอ คาสซาโน่ ออกและส่งทาง ดิ อาเมนติ ลงสนามแทน

นาทีที่ 80 อิตาลี่ขยับเปลี่ยนตัวอีกครั้งโดยคราวนี้ถอดทาง เด รอสซี่ ที่วันนี้เล่นได้ค่อนข้างดีออกแล้ว ส่ง อันโตนิโอ โนเชริโน่ ลงมาแทน

ลงมาก็ได้ทดสอบ โจ ฮาร์ท ทันทีเลยทีเดียวเมื่อทาง ดิ อาเมนติ มีโอกาสได้ส่องจากบริเวณ 18 หลานอกกรอบด้วยซ้าย แต่บอลไปตรงตัว โจ ฮาร์ท

นาทีที่ 88 อิตาลี่น่าจะได้ประตูขึ้นนำมากทีเดียว จากจังหวะที่ ปีร์โล่ ซึ่งวันนี้โดดเด่นมากทีเดียวได้โอกาสวางบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษอีกครั้งและเป็นทาง
อันโตนิโอ โนชริโน่ ที่วิ่งอ้อมตัดหลังมาจับบอลลงด้วยซ้ายยิงด้วยขวาไปแฉลบทาง จอห์นสัน ที่วิ่งตามมาบล็อกช่วยชีวิตได้หวุดหวิด


ช่วงทดเวลาบาดเจ็บอังกฤษมีโอกาสได้ลุ้นประตูขึ้นนำจากจังหวะที่ รูนี่ย์ ใช้ความขยันวิ่งไล่บอลเอาคืนมาจนได้ก่อนที่จะทำชิ่งกับทาง วัลค็อตต์ หน้ากรอบเขตโทษและจ่ายออกไปทางซ้ายที่ เจอร์ลาร์ด ก่อนที่กัปตันทีมชาติอังกฤษจะสะกิดบอลไปให้ทาง แอชลี่ย์ โคล ที่วิ่งอ้อมหลังมาโยนเข้าไปในกรอบเขตโทษ แอนดี้ แคร์โรลล์ โหม่งชงเข้ากลางมาให้ทาง รูนี่ย์ ได้จักรยานอากาศ แต่บอลดันไปโดนปลายสตั๊ดข้ามคานไปแบบได้ลุ้นเลยทีเดียว

หลังจากนั้นอิตาลี่ยังคงทำได้ดีกว่าแต่เปลี่ยนเป็นสกอร์ไม่ได้จบ 90 นาทีเสมอไป 0-0 ต้องไปลุ้นกันในช่วงต่อเวลา


ช่วงต่อเวลาพิเศษนาทีที่ 92 อิตาลี่มีโอกาสได้ลุ้นก่อนจากจังหวะที่ ปีร์โล่ ลากบอลจากแดนกลางค่อยๆกินแดนขึ้นมา ก่อนไหลไปให้ทาง อันโตนิโอ โนเชริโน่ ได้กดจากนอกกรอบจากระยะ 25 หลาบนลอยข้ามคานออกไป

นาทีที่ 94 อังกฤษเปลี่ยนตัวคนที่ 3 ถอดทาง สก็อต ปาร์คเกอร์ และส่งทาง จอห์แดน เฮนเดอร์สัน ลงไปเล่นแทน

นาทีที่ 95 อิตาลี่น่าจะมีโอกาสได้ลุ้นประตู แต่ทาง มาริโอ บาโลเตลลี่ นึกว่าตัวเองล้ำหน้าทำให้ไม่กล้าที่จะเกี่ยวบอลลงเล่น ซึ่งทางกรรมการริมเส้นยังไม่ได้ยกธงขึ้นมาแต่อย่างใด

นาทีที 98 กองหน้ามาดยียวน มาริโอ บาโลเตลลี่ ได้มีโอกาสได้ส่องอีกครั้ง แต่บอลไปแฉลบกองหลังทีมชาติอังกฤษเข้ามือ โจ ฮาร์ท สบายๆ


นาทีที่ 100 อิตาลี่เกือบจะได้ประตูแบบโชคช่วยเมื่อทาง ดิ อาเมนติ มีโอกาสได้โยนด้วยซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่บอลไปกระเด็นชนเสาหลุดออกหลังไปแบบได้ลุ้นเลยทีเดียว

อิตาลี่ยังคงครองเกมได้ดีกว่าอังกฤษอยู่พอสมควรแต่ไม่สามารถเจาะประตูได้หมดเวลาในช่วงต่อเวลา 15 นาทีแรกเสมอ 0-0

นาทีที่ 109 อิตาลี่ได้ลูกฟรีคิก และเป็นทาง ดิ อาเมนติ ที่โบยด้วยซ้ายเข้าไปในกรอบเขตโทษแต่โดนทาง จอห์น เทอร์รี่ โหม่งสกัดทิ้งออกไปได้

อิตาลี่ได้ลุ้นอีกครั้งในนาทีที่ 111 ได้ลูกฟรีคิกจากระยะ 27 หลา อันเดรีย ปีร์โล่ วิ่งเข้ามาทำท่าเหมือนจะยิง แต่กลายเป็น บาโลเตลลี่ ที่วิ่งมาซัดตูม แต่ดูจากภาพวางเท้าไม่ดี
ทำให้บอลข้ามคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้น


ยังคงทำเกมได้ดีกว่าอย่างต่อเนื่อง คราวนี้นาทีที่ 113 บาซาเร็ตติ ขึ้นเกมมาทางซ้ายจนถึงเกือบมุมทางก่อนจ่ายเข้ากลางมาให้ทาง ดิ อาเมนติ ได้ส่องด้วยซ้ายในกรอบเขตโทษบอลหลุดเสาแรกออกไป



นาทีที่ 115 อิตาลี่ได้โอกาสส่งบอลเข้าไปซุกก้นตาข่าย เมื่อทาง บาโลเตลลี่จ่ายบอลออกทางซ้ายให้ทาง ดิ อาเมนติ ก่อนที่ดาวเตะรายนี้จะครอสเข้าไปในเขตโทษด้วยซ้าย อันโตนิโอ โนเชริโน่ ก้มตัวลงมาโหม่งเข้าประตูไป
แต่กรรมการยกธงเป็นลูกล้ำหน้า


หลังจากนั้นทั้งสองทีมพยายามครองเกมของตัวเองเอาไว้ให้ได้จบ 120 นาทียังเสมอกันที่ 0-0 ต้องมาดวงจุดโทษตัดสิน

ช่วงเวลาระทึกใจของการยิงจุดโทษและเป็นทางอิตาลี่ที่ได้ยิงก่อนเป็นทาง มาริโอ บาโลเตลลี่ ยิงเข้าไปทางซ้ายมือของตัวเอง
คนแรกของอังกฤษเป็นทาง สตีเฟ่น เจอร์ลาร์ด วิ่งเข้ามายิงเรียดเข้ามุมเดียวกับทาง บาโลเตลลี่ แม้ว่าบุฟฟ่อนจะพุ่งไปถูกทางแต่ไม่ทัน

คนที่สองของอิตาลี่ ริคาร์โด้ มอนโตลิโว่ วิ่งเข้ามายิงไปทางซ้ายหลุดกรอบออกไปนิดเดียว
คนที่สองของอังกฤษ เวย์ รูนี่ย์ วิ่งเข้ามายิงเข้าไปที่มุมซ้ายมือทำให้อังกฤษขึ้นนำ 2-1

คนที่สามของอิตาลี่ อันเดรีย ปีร์โล่ ยิงเพื่อตีเสมอวิ่งเข้าไปชิพเข้าไปกลางประตูทาง โจ
ฮาร์ท หลงทาง เป็นการยิงที่เหนือชั้นและวัดใจมากทีเดียว
คนที่สามของอังกฤษ แอชลี่ย์ ยัง ยิงเพื่อขึ้นนำอีกครั้ง วิ่งเข้ามากดตูมเต็มแรงบอลชนคานออกมาทำให้ตอนนี้เสมอ 2-2

คนที่สี่ของอิตาลี่ อันโตนิโอ โนเชริโน่ เดินเข้ามายิงแบบนิ่มๆไปทางซ้ายมือของตัวเอง โจ ฮาร์ท พุ่งผิดทาง
คนที่สี่ของอังกฤษ แอชลี่ย์ โคล กดดันมากทีเดียวในการที่จะยิงตีเสมอ เป็นทางบุฟฟ่อนที่พุ่งไปถูกทางเซฟเอาไว้ได้

คนที่ห้าของอิตาลี่ยิงเพื่อชนะและผ่านเข้าสู่รอบต่อไปและก็ไม่พลาด ทำให้ทางอิตาลี่ผ่านเข้าสู่รอบต่ไปชนกับทาง อินทรีเหล็ก เยอรมัน

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์