สมราคาเต็ง 1 อินทรีเหล็กอัดยับ 4-2 รอชน อิตาลี่ หรือ อังกฤษ

สมราคาเต็ง 1 อินทรีเหล็กอัดยับ 4-2 รอชน อิตาลี่ หรือ อังกฤษ

ฟุตบอลยูโร 2012 รอบ 8 ทีมสุดท้าย
เยอรมัน vs กรีซ
สนาม พีจีอี อารีน่า

เกมนี้ตัวเต็งอันดับ 2 ของการแข่งขันฟุตบอลยูโร2012 ในครั้งนี้มีการปรับเปลี่ยนทีมไปแบบน่าสนใจมากทีเดียว เมื่อพวกเขาจัดการดร็อปกองหน้าตัวเก่ง มาริโอ โกเมซ จากการลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงโดยทาง โยาอคิม เลิฟ นายใหญ่ของทีมกล้าที่จะตัดสินใจส่ง 2 ดาวรุ่งอย่าง มาร์โก้ รอยส์ และ อังเดร ชูร์เลา ลงเล่นเป็น 11 ตัวจริงในนัดนี้ ขณะเดียวกันเกมนี้ทาง เยอรมันได้ข่าวดีเมื่อทาง เณโรม บัวเต็ง พ้นโทษแบนกลับมาลงเล่นอีกครั้ง
ขณะเดียวกันผู้เล่นแกนหลักยังคงใช้ชุดที่ลงเล่นในรอบแบ่งกลุ่ม เป็นแกนหลักต่อไปไม่ว่าจะเป็น นอยเออร์ - ลามห์ - ฮัมเมิ่ล - ชไวร์สไตร์เกอร์ - โอซิล และ คิเตห์ร่า

ขณะเดียวกันทางฝั่ง กรีซ ขุนพลแดนเทพนิยาย เกมนี้ใช้ผู้เล่นชุดที่ดีที่สุดลงเล่นเป็นแกนหลักทั้งหมดแต่จะไม่มี จอห์จอส คารากูนิส ที่ติดโทษแบน รวมทั้งนายประตูมือ 1 ที่มีปัญหาอาการบาดเจ็บรบกวนส่วนตัวหลักตำแหน่งอื่นนั้น คาดว่าทาง อ็อดโต้ เรห์ฮาเก้ล จะใช้ชุดทีดีที่สุดลงเล่นเป็นแกนมหลักต่อไปนำทัพโดย โทโรซิดิส - คัตซูรานิส - นินิส - ซามาราส และ เกคัส


เริ่มเกมได้ไมาถึง 5 นาที อินทรีเหล็ก เยอรมันมีโอกาสส่งบอลเข้าสู่ก้นตาข่ายเมื่อทาง เคห์ติร่า ได้ยิงจากบริเวณหน้ากรอบเขตโทษ ผู้รักษาประตูของกรีซปัดออกมาไม่ดี โดนทาง บาสเตียน ชไวน์สไตร์เกอร์ ปรี่เข้าซ้ำส่งบอลซุกก้นตาข่ายแต่กรรมการริมเส้นยกทางเป็นลูกล้ำหน้า ชวดโอกาสได้ประตูขึ้นนำแบบน่าเจ็บใจ

มาถึง นาทีที่ 7 กรีซได้โอกาสตอบโต้บ้างจากจังหวะทำเกมขึ้นมาบริเวณหน้ากรอบเขตโทษและเป็นทาง มาร์กอส กองกลางที่ได้รับโอกาสลงเล่นในนัดนี้ได้ยิง แต่บอลมันเบาไปเข้สมือทาง มานูเอล นอยเออร์แบบสบายๆ

นาทีที่ 11 เยอรมันได้โอกาสที่จะลุ้นประตูขึ้นนำ จากการเล่นกันเพียงแค่ 3 จังหวะ โดยเริ่มจากทาง โคลเซ่ จ่ายบอลให้ทาง ชูร์เล่ ก่อนที่ดาวเตะจากนายห้างขายยาจะจ่ายให้ทาง มาร์โก้ รอยส์ ที่วิ่งสอดขึ้นมาได้กดด้วยซ้าย บอลหลุดเสาแรกไปแบบได้ลุ้นแลยทีเดียว


เกมผ่านไป 20 นาที วันนี้เยอรมันทำผลงานได้ไม่ดีเท่าที่ควร กลับกลายเป็นทางฝั่งของกรีซที่ทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมสำหรับครองเกมได้เหนือกว่าทางฝั่งเยอรมัน

นาที่ 22 เยอรมันใกล้เคียงที่จะได้ประตูเข้าไปทุกที จากการเล่นกัน 3 จังหวะ เริ่มจาก โอซิล ได้บอลบริเวณกลางสนาม จ่ายให้ทางมาร์โก้ รอยส์ กองหน้าจากสิงห์หนุ่มจ่ายให้ โคลเซ่ และทาง โคลเซ่จ่ายคืนมาที่รอยส์ ก่อนที่ดาวยิงรายนี้จะจ่ายให้ทาง โอซิล ที่วิ่งเติมทะลุขึ้นมาในกรอบเขตโทษกดตูมด้วยขวาแต่โดนทางผู้รักษาประตูของกรีซปฎิเสธเอาไว้

ถัดมาจากนั้นอีก 2 นาที เยอรมันน่าจะได้ประตูขึ้นนำสุดๆ เมื่อได้เตะมุมเล่นสั้น โอซิล ลากมาบริเวณมุมกรอบเขตโทษ ก่อนที่จะจ่ายให้ทาง มาร์โก้ รอยส์ สะกิดบอลเปลี่ยนทางไปบริเวณหน้าปากประตู แต่ทาง โคลเซ่ ที่ยืนอยู่ในบริเวณนั้นโล่งๆคนเดียว แต่ชาร์ตไม่ถึงบอลเลยหลุดออกหลังไปแบบได้ลุ้นมากทีเดียว



ผ่านไป 30 นาที กรีซทำเกมบุกเข้าใส่เยอรมันได้บ้างและเป็นทางกองกลางจากพานาธืไนกอส สโตริส นินิส ที่ได้กดบริเวณมุมกรอบเขตโทษด้านขวา แต่โดนทาง นอยเออร์ ที่รับจังหวะแรกไม่อยู่ แต่ยังตามมาตระครุบไว้ได้

ดูเหมือนว่าในวันนี้นักเตะของกรีซจะมีปัญหากับการเข้าประกบ เฆซุต โอซิล มากทีเดียว ซึ่งทางดาวเตะเลือดด็อยซ์รายนี้ปั่นป่วนแนวรับของทาง กรีซ ได้เป็นอย่างดีจนใน นาที่ที 37 ลากเลื้อยบริเวณมุมกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนที่จะจ่ายให้ทาง ซามี่ คิเตห์ล่า ได้กดจากนอกกรอบเขตโทษ บอลส่ายค่อนข้างแรง ทำให้นายด่านของกรีซต้องทุบออกมาก่อนจะไล่ตามมาตระครุบในจังหวะที่ 2

เอาจนได้ หลังจากที่บุกพับสนามอยู่ข้างเดียวก็ขึ้นนำทางกรีซไปในที่สุด ในนาทีที่ 39 จากจังหวะที่เยอรมันครองเกมได้บริเวณกรอบเขตโทษด้ายซ้ายก่อนที่ดาวเตะร่างเล็ก ฟิลิปห์ ลามห์ จะพักอกเอาบอลลง ก่อนกระชากหลอก 2 กองหลังจี้เข้าหากรอบเขตโทษ กดเปรี้ยงด้วยซ้าย บอลส่ายเลี้ยวหนีมือเข้าไปซุกก้นตาข่ายให้ทาง อินทรีเหล็กขึ้นนำอย่างสมใจไป 1-0


หลังจากที่ได้ประตูขึ้นนำเยอรมันยังคงทำผลงานได้อย่างยอดเยี่ยมมากว่า นาทีที่ 43 อินทรีเหล็กน่าจะได้ประตูหนีห่าง แต่ทาง อังเดร ชูร์เร่ กองหน้าจากเลเวอร์คูเซ่น จัดการซัดบอลไปชนสามเหลี่ยมเด้งออกหลังแบบน่าเสียดาย

เกมโดยรวมส่วนใหญ่เป็นทางเยอรมันที่ทำได้ดีกว่าและครองเกมเอาไว้ได้ทั้งหมดจนจบครึ่งแรก เยอรมันนำกรีซ 1-0


เริ่มเกมในครึ่งหลังทางฝั่งของกรีซหลังจากที่โดนนำไป 1-0 จำเป็นต้องปรับเปลี่ยนหมากของตัวเองด้วยการส่งแนวรุกลงมาเพิ่มเพื่อช่วยในแดนหน้ากับทาง จอห์จอส ซามาราส

นาทีที่ 49 เยอรมันได้ลูกฟรีคิกจากบริเวณเกือบๆมุมธงทางฝั่งขวาและทาง โอซิล โยนเลยมาถึงเสาสองเป็นที่ คิเตห์ล่า ที่ โหม่งั้ตงเข้าไปในกรอบเขตโทษ แต่ไม่มีนักเตะเยอรมันคนไหนยืนอยู่ในบริเวณดั่งกล่าว ทำให้กองหลังกรีซหวดตูมทิ้งขึ้นมา

หลังจากที่โดนเยอรมันพับบุกอยู่ข้างเดียวมาโดยตลอด นาทีที่ 52 ทางกรีซอาศัยจังหวะสวนกลับหลุดขึ้นมาจากกลางสนาม 2 คนและเป็นทาง ซามาราส ที่จ่ายให้ทาง เกคัส หลุดขึ้นหน้าวิ่งไล่กวดบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนที่ดาวเตะรายนี้จะตัดสินใจตอกส้นหวังที่จะให้ทาง ซามาราส ได้วิ่งมากด แต่กลับกลายเป็นส่งคืนให้เยอรมัน

หลังจากที่อาศัยการแต่งเกมอยู่นานพอสมควร ขุนพลแดนเทพนิยายก็สร้างปาฎิหารย์จนได้เมื่อได้ประตูตีเสมอ 1-1 ในนาทีที่ 54 จากจังหวะที่ อังเดร ชูร์เร่ จ่ายบอลเสียไปโดนทางกรีซที่รออยู่แล้วได้บอลก่อนที่จะลากขึ้นมาทางฝั่งขวาจ่ายเข้ากลางมาที่หน้าประตูและเป็นทาง จอห์จอส ซามาราส กดตูมตีเสมอให้กับทางกรีซ 1-1


หลังจากที่โดนทางฝั่งของกรีซตีเสมอไป 1-1 ทางอินทรเหล็กเยอรมัน ก็เดินเกมบุกอย่างเต็มตัวเลยทีเดียว และมาได้ประตูขึ้นนำ 2-1 อีกครั้งใน

นาทีที่ 61 จากจังหวะขึ้นเกมมาทางฝั่งขวาและเป็นทาง เณโรม บัวเต็งที่ครอสเข้ามาในกรอบเขตโทษ เลยนักเตะที่เสาแรกมา กลับกลายเป็นทาง เซมี่ คิเตลาห์ ที่วิ่งสอดมาจากข้างหลังกดด้วยขวาตูมหายซุกตาข่ายให้ทัพอินทรีเหล็กกลับมาขึ้นนำ 2-1 อีกครั้งแบบสะใจ

นาทีที่ 66 เยอรมันขยับเปลี่ยนตัวส่งสำรองลงเล่นเป็นตัวแรกด้วย การถอด อังเดร ชูร์เร่ ออก ส่ง โธมัส มุลเลอร์ ลงสนาม และก็มาได้ประตูนี้ห่าง 3-1 จากลูกฟรีคิกที่โยนมาจากทางกรอบเขตโทษด้วยขวา และเป็นทาง เจ้าเวหาอย่าง มิโรสลาฟ โคลเซ่ ที่ขึ้นโฉบตัดหน้าส่งบอลเข้าต่าขายไป

เหมือนการที่กรีซตีเสมอเยอรมันเป็นการแหย่หนวดเสือ เมื่อ อินทรีเหล็กได้ประตูนำห่าง 4-1 ในนาทีที่ 74 จากจังหวะทำเกมขึ้นมาของทาง เซมี่ คิเตลาห์ ที่วันนี้โดดเด่นมากทีเดียวจ่ายเข้าไปให้ทาง โคลเซ่ หลุดเข้าไปในกรอบเขตโทษด้วยซ้าย ก่อนที่จะยิงติดผู้รักษาประตูไปกระเด้งเข้าทางปืนของ มาร์โก้ รอยส์ ที่เติมมาถูกที่ ถูกเวลากดด้วยขวาตูมเสียบสามเหลี่ยมเสาสองเข้าไปแบบมันเท้าเลยทีเดียว

นาทีที่ 79 ทาง เยอรมันส่งผู่เล่นสำรองลงสนามอีก 2 คนโดยถอดทาง มิโรสลาฟ โคเซ่ และ มาร์โก้ รอยส์ ออก และส่ง มาริโอ โกเมซ กับทาง มาริโอ เกิทเซ่ ลงสนาม

ทางกรีซมามีความหวังเล็กๆใน นาทีที่ 87 เมื่อมาได้ลูกจุดโทษจากจังหวะที่ทำเกมขึ้นมาทางด้านฝั่งซ้ายและจังหวะที่ครอสบอลเข้ามาในกรอบเขตโทษ บอลไปโดนแขนของทาง เณโรม บัวเต็ง กองหลังของเยอรมันผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษทันทีและเป็นทาง สตีริดิส ที่รับหน้าที่สังหารเสียบตาข่ายเข้าไปให้ กรีซ ไล่มาห่างๆ 2-4

จากนั้นเป็นทางเยอรมันที่พยายามครองเกมและปิดเอาเกมเอาไว้ให้ได้ทั้งหมดจนครบ 90 นาทีจบเกม อินทรีเหล็กกรุยทางผ่านเข้าสู่รอบต่อไป



เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์