เตฟคัมแบ็คจ่าย!นาสรี่ฮีโร่เรือพลิกซิวสิงห์ท้ายเกม 2-1


พรีเมียร์ ลีก 

วันพุธที่ 21 มีนาคม 2555 

สนาม : เอติฮัด สเตเดี๊ยม 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 2 : 1 เชลซี 

ประตู : 
0-1 เคฮิลล์ น.60, 1-1 อเกวโร่(จุดโทษ) น.78, 2-1 นาสรี่ น.86 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้เปิดรังเอติฮัดทำศึกขนานใหญ่กับเชลซี โดยเกมนี้สุดสำคัญเพราะพวกเขาต้องเอาชนะเพื่อทำช่องว่างที่ตามหลังแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดจ่าฝูงอยู่ให้ขยับเหลือ 1 แต้มเหมือนเดิม 

วันนี้ "เรือใบ" วางหอกคู่อย่างบาโลเตลลี่และอเกวโร่เอาไว้ในแดนหน้า มียาย่าเป็นตัวขับเคลื่อนแดนกลาง รวมทั้งซิลบาที่พร้อมป่วนทุกสถานการณ์ 

จะขาดก็แต่กอมปานีที่ยังคงไม่สามารถลงสนามได้ ซึ่งส่งผลกระทบน่าดูอยู่เหมือนกันในแนวรับของทีม 

เชลซียอมที่ไหน เพราะพวกเขาต้องการตั๋วไปเล่นแชมป์เปี้ยนส์ ลีก งานนี้จึง 3 แต้มเท่านั้น มัตเตโอยังคงไว้ใจให้ตอร์เรสยืนป็นหัวหอก หลังทำสองประตูเรียกขวัญกลับมาได้เมื่อนัดก่อน 

ครึ่งแรก 

แลกคนละดอก!สิงห์,เรือได้ลุ้นทั้งคู่ 
เริ่มเกมมาได้ 10 นาทีถือว่าได้ลุ้นเสียวทั้งสองทีมเลย เริ่มจากทางเชลซีที่ตอร์เรสพลิกตัวได้สวยงามกลางสนาม ก่อนที่จะควบจี้เข้าหน้าเขตโทษ แตะต่อให้มาต้าได้ซัด แต่เป็นเท้าขวา บอลเลยหลุดกรอบออกไปนิดเดียว ส่วนแมนฯซิตี้ดูจะเสียวกว่าเมื่อนาสรี่เอาบอลพักอกที่เพื่อนส่งยาวมาให้ ก่อนจะยิงข้ามหัวเช็กที่ได้แต่ยืนมองแล้ว แต่บอลก็ดันไปชนคานซะได้ 

ไปซะเร็วเลย!อีวาฯเจ็บต้องออก 
นาทีที่ 20 ไปก่อนใครเพื่อนเลยสำหรับอีวาโนวิช เพราะนัดเจ็บกล้ามเนื้อขึ้นมา ทำให้เชลซีต้องใช้โควต้าเปลี่ยนตัวแต่หัววัน เพื่อให้โบซิงวาลงไปประจำการทางแบ็คขวาแทน 

เรือขี่กว่าอยู่หน่อยๆ 
เกมนี้ออกแนวสูสีนิดๆ เน้นกันหนักๆ เพราะค่อนข้างสำคัญมากสำหรับทั้งสองทีมที่ต้องการ 3 แต้มเพื่อเป้าหมายของตัวเอง ทำให้ดูแล้วมีโอกาสลุ้นประตูกันน้อย เนื่องจากทุกจังหวะต้องละเอียดให้มากเข้าไว้ แต่ก็เป็นแมนฯซิตี้เจ้าบ้านที่ทำได้ดูดีกว่าอยู่หน่อย 

นาสรี่เจาะไม่เข้ายิงไกลเลย 
นาทีที่ 27 หลังจากเคาะบอลกันอยู่นานแล้วหาโอกาสเจาะเข้าไปยัดบอลให้ตุงตาข่ายเน้นๆไม่ได้สักที นาสรี่ที่รับบอลมาจากเพื่อนเลยลองซัดไกลนอกกรอบดู แต่เหมือนจะเน้นไปนิด บอลเลยพุ่งข้ามคานออกไป 

เกรียนโอ้ทำพลาดไปได้ไง 
อีก 3 นาทีต่อมา นี่มันโอกาสทองของแมนเชสเตอร์ ซิตี้ชัดๆเลย เมื่อบาโลเตลลี่ฉวยโอกาสจากความประมาทของผู้เล่นเชลซี ตัดบอลก่อนลากทะลุไปจนถึงหน้ากรอบเขตโทษ ได้ยิงโล่งๆเพราะกองหลังทีมเยือนควบตามมาไม่ทัน แต่ลูกยิงของเขาก็บดจนเกินไป ซ้ำยังโดนเช็กล้มตัวปัดเอาไว้ได้ปลายนิ้วอีกด้วย 

ก็ยังไปกันเรื่อยๆไม่ได้อะไร 
เกมนี้สิ่งที่เด็ดชัดเลยก็คือประสิทธิภาพในเกมรุกของทั้งสองทีมดูจะต่ำกว่ามาตรฐานจากหลายๆนัดที่ผ่านมา อาจเป็นเพราะตัวทำเกมอย่างซิลบาของเจ้าบ้านและมาต้าของทีมเยือนฟอร์มนิ่งไปหน่อย โอกาสทำประตูก็เลยน้อยตามกันไป 

มาต้ารับเหลือง 
นาทีที่ 44 อาจจะมีอารมณ์หงุดหงิดที่โชว์ฟอร์มไม่ได้อย่างใจด้วยสำหรับมาต้า จังหวะฟาวล์ใส่ยาย่าก็เลยมีฮึดฮัดกันตามน้ำ แต่สุดท้ายมาเป็นผู้ตัดสินที่วิ่งเข้าแยกก่อนแจกใบเหลืองให้แข้งกระทิงไป 

จบครึ่งแรก เสมอยังคงอยู่ที่ 0-0 โอกาสโดยรวมไม่ค่อยมีให้เห็นมากนัก นอกจากจังหวะของนาสรี่กับบาโลเตลลี่ ครึ่งหลังแฟนบอลก็ได้แต่หวังว่าจะมีอะไรดีขึ้นบ้าง 

ครึ่งหลัง 

แมนฯซิตี้ปรับแก้เกมด้วยการถอดเอาบาโลเตลลี่ที่วันนี้แผลงฤทธิ์ไม่ออกไปพักแล้วให้แบร์รี่ลงไปเล่นแทน ดูแล้วน่าจะดันยาย่าให้เล่นเกมรุกมากขึ้นคอยสนับสนุนอเกวโร่จากแถวสอง 

นาสรี่ต้องได้ดีกว่านี้ 
นาทีที่ 50 บอลระดับนี้แล้วยังไงก็ต้องทำได้ดีกว่านี้สำหรับนาสรี่ เพราะทีมอุตส่าห์ได้โต้กลับสวนๆ ยาย่าหลุดขึ้นทางขวา ก่อนที่จะตบกลับเข้ากลางให้นาสรี่วิ่งมายิงเน้นๆบริเวณเส้นกรอบเขตโทษ แต่บอลโด่งข้ามคานไปไกลจริงๆ 

มุมกล้องหลอกตา!เรือได้ลุ้นยิงสองจังหวะ 
อีก 5 นาทีต่อมา นึกว่าเข้าประตูไปแล้วจริงๆ สำหรับจังหวะที่ซาบาเลต้าเก็บตกบอลที่เช็กปัดไปชนคานในกรอบเขตโทษ ก่อนเปิดยัด แล้วบอลไปสะกิดเท้าของซิลบากับกองหลังเชลซี เหมือนจะพุ่งเข้ากรอบ แต่กลายเป็นมุมกล้องหลอก "เรือใบ" ได้เตะมุม ก่อนจะจบด้วยอเกวโร่วอลเล่ย์ที่เสาสอง แต่บอลหลุดคานออกไป 

ดวงมันจะได้!เคฮิลล์ยิงแฉลบสิงห์เฮฮา 
นาทีที่ 60 อันนี้ต้องยอมรับว่าพกดวงมาด้วยเลยสำหรับประตูขึ้นนำของเชลซี เริ่มตั้งแต่จังหวะบอลโด่งลอยในกรอบเขตโทษ แล้วดันไปโดนหน้าอกของแบร์รี่ที่กระเด็นเข้าทางเคฮิลล์เอี้ยวตัวยิงแป้กๆ แต่กลายเป็นดีเพราะแฉลบขาของผู้เล่นแมนฯซิตี้ บอลพุ่งเปลี่ยนทาง สายเกินกว่าฮาร์ทที่ออกตัวไปอีกด้านแล้วจะกลับมาเซฟได้ เชลซีขึ้นนำ 1-0 

เตฟมาแล้ว-แฟนทำหน้าไม่ถูก 
อีก 6 นาทีต่อมา ก่ะว่าสถานการณ์สร้างวีรบุรุษเลย เมื่อแมนฯซิตี้ตัดสินใจเปลี่ยนเอาเตเบซลงไปเล่นแทนเดอ ยองเพื่อหวังทวงประตูคืนให้ได้ แต่จังหวะภาพจับไปที่แฟนบอลข้างสนาม หลายคนก็ทำหน้าไม่ถูกอยู่เหมือนกันว่าจะยังไง 

ตอร์เรสออก!สิงห์ขู่ให้แมลงสาบลง 
นาทีที่ 73 หมดเวลาลุ้นประตูแล้วสำหรับตอร์เรส เมื่อแท็คติกของทีมต้องมาก่อน กับการที่เชลซีเปลี่ยนเขาออกและส่งดร็อกบาซึ่งแข็งแกร่งและครองบอลได้เเหนียวแน่นลงไปเล่นแทน 

เรือจัดเต็มส่งเชโก้ลง 
อีก 3 นาทีต่อมา ไม่ต้องรีรออะไรแล้วสำหรับแมนฯซิตี้ เมื่อพวกเขายัดกองหน้าที่มีลงไปให้หมด ส่งเชโก้ลงเล่นแทนซิลบาที่วันนี้หายไปจากเกมจริงๆ ตอนนี้มีทั้งอเกวโร่, เตเบซและเชโก้อยู่ในสนาม 

กลับมาแล้ว!เรือได้จุดโทษกุนยิงเฉียบ 
นาทีที่ 78 ในที่สุดก็ตีเสมอได้อย่างที่หวังซะที สำหรับแมนฯซิตี้เมื่อพวกเขามาได้จุดโทษในจังหวะที่ซาบาเลต้ายิงไปอัดมือของเอสเซียงเต็มๆ ผู้ตัดสินเป่าให้จุดโทษ ก่อนที่อเกวโร่จะยิงหลอกให้เช็กพุ่งไปอีกทาง บอลเสียบเข้าประตูไป แมนฯซิตี้ 1-1 พร้อมมองลุ้นถึงชนะแล้ว 

เตฟจ่าย!นาสรี่หล่อลากยิงประตูชัยเรือ 
นาทีที่ 86 สวยงามพร้อมความหวังลุ้นแชมป์ต่อเนื่อง เมื่อเตเบซตอบแทนมันชินี่ ด้วยการเป็นคนจต่ายให้นาสรี่เล่นชิ่ง 1-2 ก่อนที่สตาร์เลือดเฟร้นช์จะทะลุเข้าในกรอบเขตโทษ จิ้มบอลสวนเช็กเข้าประตูไป พลิกกลับขึ้นมาแซงเป็น 2-1 

จบ 90 นาที แมนฯซิตี้ต่อความหวังที่จะเบียดลุ้นแชมป์กับแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดแบบระทึกต่อไป เมื่อได้เตเบซคัมแบ็คกลับมาจ่ายให้ทีมทำประตูชัยในช่วงท้าย เอาชนะเชลซีไปได้ด้วยสกอร์ 2-1 จี้แมนฯยูไนเต็ดเหลือ 1 แต้มเท่าเดิม 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : 
โจ ฮาร์ท, โคโล่ ตูเร่, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, กาแอล กลิชี่, ปาโบล ซาบาเลต้า, ไนเจล เดอ ยอง(เตเบซ น.66), ยาย่า ตูเร่, ดาบิด ซิลบา(เชโก้ น.76), ซาเมียร์ นาสรี่, มาริโอ บาโลเตลลี่(แบร์รี่ น.45), แซร์คิโอ้ อเกวโร่ 

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : เจมส์ มิลเนอร์, อเล็คซานดาร์ โคลารอฟ, คอสเทล ปันติลิมง, สเตฟาน ซาวิช 

เชลซี : ปีเตอร์ เช็ก, ดาวิด ลูอิซ, แกรี่ เคฮิลล์, แอชลี่ย์ โคล, บรานิสลาฟ อีวาโนวิช(โบซิงวา น.20), จอห์น โอบี มิเกล, แฟรงค์ แลมพาร์ด, ราอูล เมเรเลส(เอสเซียง น.58), ฆวน มาต้า, เฟร์นานโด ตอร์เรส(ดร็อกบา น.73), รามิเรส 

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : ฟลอร็องต์ มาลูด้า, รอสส์ เทิร์นบูลล์, ซาโลมอง กาลู, ดาเนียล สเตอร์ริดจ์  

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์