ไม่น้อยหน้าผี!กุนลงมายิงพาเรือแซงปอร์โต้ 2-1


ยูโรป้า ลีก 

วันพฤหัสบดีที่ 16 กุมภาพันธ์ 2555
 

 ปอร์โต้ 1 : 2 แมนเชสเตอร์ ซิตี้  

ประตู : 
1-0 บาเรล่า น.27, 1-1 เปเรย์ร่า(เข้าประตูตัวเอง) น.55, 1-2 อเกวโร่ น.85 

แมนฯซิตี้ทีมเยือนนัดนี้ได้ยาย่า ตูเร่กลับมาลงสนามหลังจากไปรับใช้ชาติมา ส่วนแนวรุกให้บาโลเตลลี่ยืนเป็นหน้าเป้าโดยมีนาสรี่และซิลบาคอยสนับสนุนอยู่ส่วนเจ้าถิ่นมีฮัล์คนำทัพมาในเกมรุก 

ครึ่งแรก 

โอ้โดนกล้องสำรวจพฤติกรรม 
เริ่มเกมมาไม่กี่นาทีมาริโอ บาโลเตลลี่ที่ก่อนลงสนามนัดนี้ถูกมันชินี่ขอร้องให้ทำตัวดีดีหน่อยก็ถูกกองหลังเจ้าถิ่นเตะล้มลงไปก่อนที่เจ้าตัวจะลุกขึ้นมาจับมือพร้อมรับการขอโทษขอโพยจากฝ่ายตรงข้ามไป ช็อตนี้กล้องถึงกับเอาภาพช้ามาให้ดูกันเลยทีเดียว 

ยังต่อเกมไม่ติดทั้งคู่ 
เกมผ่านไปเกือบ 10 นาทีทั้ง 2 ทีมยังไม่สามารถครองบอลได้อย่างจริงๆจังๆเลยผลัดการจ่ายบอลพลาดกันไปมาอยู่ตลอดแต่ดูเป็นเจ้าถิ่นที่ทำเกมมาถึงกรอบเขตโทษทีม"เรือใบ"ได้มากกว่าอยู่หน่อยๆแต่ก็ไม่มีจังหวะอันตรายอะไร 

โรลันโด้โหม่งข้ามคาน 
นาทีที่ 15 โอกาสลุ้นครั้งแรกของเจ้าถิ่นก็มาถึงจากลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายและก็เป็นโรลันโด้ปราการหลังของปอร์โต้ที่โถมเข้ามาโหม่งเต็มแต่ไปติดบล็อกของกลิชี่บอลลอยข้ามคานออกไปแบบได้เสียวทีเดียว 

เรือใบได้ลุ้นบ้าง 
นาทีที่ 21 ซิลบาทำชิ่งกับบาโลเตลลี่ตรงกลางสนามก่อนจะจ่ายบอลให้กับนาสรี่ที่ควบบอลเข้าไปในกรอบเขตโทษก่อนจะซัดด้วยขวาที่เสาแรกแต่เฮลตันก็ยังปัดออกไปได้ 

ฮัล์คร้องจะเอาจุดโทษ 
3 นาทีต่อมาฮัล์คตัวอันตรายของเจ้าถิ่นก็เลื้อยบอลอยู่ทางซ้ายของกรอบเขตโทษก่อนที่จะพยายามกระชากหนีกอมปานีแล้วเบียดกันล้มลงไป ดาวเตะทีมชาติบราซิลจึงโวยวายว่าตยน่าจะได้จุดโทษเพราะกอมปานีใช้แขนผลักแต่ผู้ตัดสินก็ไม่ได้ว่าอะไร

ปอร์โต้ออกนำแล้ว 
นาทีที่ 27 ปอร์โต้ก็มาได้ประตูขึ้นนำเมื่อฮัล์คลากบอลมาจากทางซ้ายก่อนจะเปิดเรียดเข้ามาหน้าประตูและก็เป็นบาเรล่าที่วื่งสอดเข้ามาจิ้มบอลเข้าประตูไป ปอร์โต้ขึ้นนำ 1-0 

เรือเกือบตีเจ๊าทันควัน 
นาทีต่อมาแมนฯซิตี้ก็เกือบได้ประตูตีเสมอเมื่อนาสรี่จ่ายบอลอย่างสยให้กับบาโลเตลลี่ได้ฮาล์ฟวอลเล่ย์เต็มๆแต่เฮลตันก็ยังเซฟไว้ได้อีก น่าเสียดายจริงๆสำหรับเกรียนโอ้ในจังหวะนี้หลังจากนั้นแม้ทีมเยือนจะพยายามบุกแต่ก็ยังไม่สามารถเจาะแนวรับของเจ้าถิ่นได้จบครึ่งแรกปอร์โต้นำอยู่ 1-0 

ครึ่งหลัง 

ไมก้าห์ซัดชนเสา 
เริ่มเกมครึ่งหลังมาเป็นทีมเยือนที่ได้ครองบอลบุกมากกว่าหวังทำประตูตีเสมอให้ได้และนาทีที่ 49 นาสรี่ก็ไหลบอลให้กับริชาร์ดส์ที่เติมขึ้นมาทางขวาแล้วกระชาดบอลเข้าเขตโทษก่อนจะซัดด้วยขวาบอลพุ่งไปชนเสาอย่างน่าเสียดาย 

ปอร์โต้ทำเข้าประตูตัวเอง 
นาทีที่ 55 จ่าฝูงพรีเมียร์ลีกก็มาได้ประตูตีเสมอเมื่อตูเร่เปิดบอลยาวเข้าไปในเขตโทษโดยมีบาโลเตลลี่วิ่งเบียดไปกับเปเรย์ร่าก่อนที่บอลจะโดนหัวไหล่แบ็คซ้ายเจ้าถิ่นย้อยข้ามหัวเฮลตันเข้าประตูไป จังหวะนี้โกล์เจ้าถิ่นโวยใส่เปเรย์ร่าเป็นการใหญ่เลยทีเดียวขณะที่บาโลเตลลี่ก็ไม่ได้แสดงอาการอะไรเลยไม่รู้เหมือนกันว่าเจ้าตัวรู้หรือเปล่าว่าบอลเข้าประตูไปแล้ว สกอร์เสมอกัน 1-1 

ฮาร์ทใช้อกเซฟสวย 
นาทีที่ 61 ปอร์โต้ก็มาได้ฟรีคิกหน้ากรอบเขตโทษและก็เป็นฮัล์คที่ปั่นด้วยซ้ายบอลโค้งข้ามกำแพงไปแล้วแต่ฮาร์ทก็ยังพุ่งมาดักได้ทันและพยายามคว้าบอลไว้แต่กะจังหวะผิดไปนิดบอลเลยพุ่งไปถูกหน้าอกแทนก่อนที่กองหลังทีมเยือนจะช่วยกันสกัดออกไป 

ทั้ง 2 ทีมผลัดกันครองบอล 
เหลืออีก 20 นทีจะหมดเวลารูปเกมในตอนี้เป็นซิตี้ที่ได้ครองบอลมากกว่านิดนห่อยแต่จังหวะได้ลุ้นนั้นแทบไม่มีเลยขณะที่เจ้าถิ่นก็ยังเจาะเกมรับของทีมเยือนไม่ได้เช่นกันดูแล้วถ้าใครยิงได้ซักลูกน่าจะเป็นฝ่ายได้เฮเลย 

มันโช่ส่ง"กุน"ถอดโอ้ออก 
นาทีที่ 79 มันชินี่ก็ถอดเอาบาโลเตลลี่ออกแล้วส่งอเกวโร่ลงมาแทน ดูเหมือนทีมเยือนจะพอใจกับสกอร์นี้แล้วทำให้ไม่ได้เร่งที่จะเดินหน้าเอาประตูแต่อย่างใด ส่วนปอร์โต้ก็เกมรุกก็ยังไม่สามารถสร้างความลำบากใจให้กับเกมรับของซิตี้ได้เลยในช่วงครึ่งเวลาหลัง 

กุนซัดประตูชัยท้ายเกม 
นาทีที่ 84 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ก็มาได้ประตูขึ้นนำเมื่อนาสรี่ไหลบอลให้กับยาย่า ตูเร่ทางกรอบเขตโทษด้านซ้ายก่อนที่กองกลางทีมชาติไอวอรี่ โคสต์จะเปิดเข้ามาหน้าประตูให้อเกวโร่แปเข้าไปง่ายๆเป็นประตูแซงขึ้นนำ 2-1 

หลังจากนั้นทีมเยือนก็เล่นกันแบบปิดเกม หมดเวลา"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้บุกมาเอาชนะปอร์โต้ไปได้ 2-1 กุมความได้เปรียบสำคัญก่อนจะเล่นนัดหน้าในถิ่นของตัวเองสัปดาห์หน้า 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

ปอรโต้ : 
เฮลตัน, อัลบาโร่ เปเรย์ร่า, ไมค่อน, โรลันโด้, ลูโช่ กอนซาเลซ, เจา มูตินโญ่, ดานิโล(มานกาล่า น.23(สตีเฟ่น เดฟูร์ น.88)), เจมส์ โรดิเกซ, เฟร์นานโด, บาเรล่า(เคลแบร์ น.77), ฮัล์ค 

สำรองไม่ได้ใช้ : ราฟาเอล, ซานโดร, คริสเตียน โรดิเกซ, คัมโปส 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : โจ ฮาร์ท, โจลีออน เลสคอตต์, แวซ็องต์ กอมปานี, กาแอล กลิชี่, ไมก้าห์ ริชาร์ดส์, แกเร็ธ แบร์รี่, ยาย่า ตูเร่, ไนเจล เด ยองก์, ซามีร์ นาสรี่(ปาโบล ซาบาเลต้า น.90), ดาบิด ซิลบา(อเล็กซานเดอร์ โคลารอฟ น.82), มาริโอ บาโลเตลลี่(เซร์คิโอ อเกวโร่ น.79) 

สำรองไม่ได้ใช้ : คอสเทล พาทิลิม่อน, สเตฟาน ซาวิช, ดาวิด ปิซาร์โร่, เอดิน เซโก้
 
 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์