สมศักดิ์ศรี!คาร์ดิฟฟ์แม่นโทษดับพาเลซ 3-1 รอชิงคาร์ลิ่ง


คาร์ลิ่ง คัพ รอบรองชนะเลิศ เลกสอง 

วันอังคารที่ 24 มกราคม 2555
 

 คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ 1 : 0 คริสตัล พาเลซ  
(รวมผลสองนัด เสมอกัน 1-1 แต่คาร์ดิฟฟ์เข้ารอบเมื่อดวลจุดโทษชนะ 3-1) 

สนาม : คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ สเตเดี้ยม 

ประตู :1-0 แอนโธนี่ การ์ดเนอร์ (ทำเข้าประตูตัวเอง น.7)
 

ครึ่งแรก 

ออกสตาร์ทเกมมาได้ 7 นาทีกองเชียร์เจ้าถิ่นได้เฮกันลั่นเมื่อคอนเวย์กระชากบอลไปสุดเส้นหลังด้านขวาก่อนตบกลับเข้ามาที่กรอบ 6 หลาแล้วเป็นการ์ดเนอร์เซนเตอร์แบ็คพาเลซที่ย่อตัวโหม่งสกัดผิดเหลี่ยมกลายเป็นเช็ดเสาแรกเข้าประตูไปอย่างสวยงามให้คาร์ดิฟฟ์ขึ้นนำ 1-0 

ถัดจากนั้นสี่นาที"เดอะ บลูเบิร์ดส์"หวิดได้ประตูที่สองเมื่อวิตติ้งแฮมสบโอกาสได้ส่องไกลจากระยะ 25 หลาบอลพุ่งแหวกอากาศไปโดนสเปโรนี่ลอยตัวบินปัดออกมาได้ก่อนที่แนวรับพาเลซตามเคลียร์บอลออกจากพื้นที่อันตรายในจังหวะต่อมา 

เกมของเจ้าบ้านยังดีกว่ามากเมื่อในนาที 29 เทย์เลอร์เติมเกมมาเปิดบอลจากริมเส้นฝั่งซ้ายไปให้กุนนาร์สสันเทคตัวขึ้นโหม่งสะบัดหลุดกรอบประตูไปอย่างน่าเสียดาย 

นาที 40 ยังคงเป็นโอกาสเข้าทำของคาร์ดิฟฟ์เมื่อกุนนาร์สสันจ่ายบอลทะลุช่องเข้าไปในกรอบเขตโทษฝั่งซ้ายให้มิลเลอร์สปีดตามไปยิงตวัดจังหวะเดียวด้วยอีซ้ายผ่านสเปเรนี่ออกเสาไกลไปอีก 

ช่วงทดเวลาบาดเจ็บเป็นโอกาสทองของมิลเลอร์เมื่อเขาได้จังหวะวางเท้ายิงเต็มข้อจากบริเวณจุดโทษผ่านมือสเปโรนี่ไปแล้วแต่บอลดันพุ่งไปชนเสาซ้ายอย่างจัง ทำให้จบครึ่งแรกคาร์ดิฟฟ์นำพาเลซอยู่เพียง 1-0 

ครึ่งหลัง 

กลับมาเล่นครึ่งหลังจนถึงนาที 47 ไคลน์แบ็กขวา"ดิ อีเกิ้ลส์"ที่ตกเป็นข่าวกับแมนฯยูกระชากบอลมาเปิดทางกราบขวาแต่ถูกเจอร์ราร์ดสกัดทิ้งออกหลังก่อนที่อัมโบรสเดินไปเปิดลูกเตะมุมมาให้แม็คคาร์ธี่ย์โหม่งข้ามคาน 

นาที 51 มิลเลอร์ลากบอลมาทำชิ่งกับกุนนาร์สสันแต่บอลทะลักไปเข้าทางวิตติ้งแฮมจนได้โอกาสง้างเท้ายิงจากนอกกรอบเขตโทษแต่ผ่านตัวสเปโรนี่หลุดเสาซ้ายไปอย่างได้ลุ้น 

เกมของ"ปราสาทเรือนแก้ว"ยังไม่ดีขึ้นเท่าไหร่เมื่อในนาที 57 พวกเขาเกือบพลาดท่าให้กับลูกฟรีคิกอันเฉียบขาดของวิตติ้งแฮมที่ปั่นบอลโค้งกำลังจะเสียบสามเหลี่มมุมบนเสาซ้ายอยู่แล้วแต่สเปโรนี่บินปัดทิ้งออกหลังได้ทัน 

นาที 75 พาเลซส่งสแคนเนลล์ลงมาเล่นแทนมาร์ตินและเพียงแค่ไม่กี่อึดใจเขาก็กระชากบอลเข้าหาเขตโทษก่อนแทงทะลุช่องแนวรับเจ้าบ้านออกไปทางด้านซ้ายให้ซาฮาได้ยิงแบบมีเวลาคิดแต่ก็ยังหลุดเสาแรกไปแบบไม่ได้ลุ้นอะไรเลย 

สถานการณ์ของ"ดิ อีเกิ้ลส์"ยิ่งดูไม่จืดเมื่อในนาที 78 พวกเขาต้องมาเหลือผู้เล่นเพียงสิบคนหลังกัปตันทีมอย่างแม็คคาร์ธี่ย์วิ่งเข้าไปสอยมิลเลอร์ทางด้านหลังจนโดนใบเหลืองที่สองไล่ออกจากสนามไป 

ช่วงเวลาที่เหลือเจ้าบ้านพยายามโหมเกมบุกเข้าใส่แต่สุดท้ายก็ทำอะไรไม่ได้ ครบ 90 นาทีคาร์ดิฟฟ์เอาชนะพาเลซไปได้ 1-0 รวมผลสองนัดเสมอกัน 1-1 ต้องเล่นในช่วงต่อเวลาพิเศษกันอีก 

ต่อเวลาพิเศษ 

ช่วงต่อเวลาพิเศษนาที 96 เทย์เลอร์เปิดบอลจากริมเส้นด้านซ้ายเข้ามาให้มิลเลอร์ยิงแต่แนวรับพาเลซเข้ามาพัวพันทำให้บอลทะลักไปเข้าทางคิสที่ลากบอลดึงตัวประกบไปทางด้านขวาก่อนป้ายคืนหลังมาให้คาววี่วิ่งเข้าซัดแต่เหินข้ามคาน 

นาที 110 คาร์ดิฟฟ์โยนโอกาสทองทิ้งเมื่อกุนนาร์สสันเปิดบอลจากกราบขวาเข้ามาในเขตโทษให้เกสเตเด้เคาะคืนหลังมาให้คิสส์กดเต็มข้อไปแฉลบคานบนออกหลังประตู 

นาทีสุดท้ายของการแข่งขัน"เดอะ บลูเบิร์ดส์"ได้ลูกเตะมุมทางฝั่งซ้ายแล้วเป็นคอนเวย์ที่เปิดบอลมาให้กุนนาณ์สสันโขกเต็มกบาลที่ระยะ 3 หลาไปชนคานเต็มๆ ก่อนที่ผู้เล่นเจ้าบ้านเก็บบอลมาบอมบ์เข้าไปในเขตโทษอีกครั้งซึ่งก็เป็นกุนนาร์สสันเจ้าเก่าที่โหม่งสะบัดหลุดเสาขวาออกไป ทำให้ครบ 120 นาทีสกอร์รวมยังเสมอกัน 1-1 ต้องดวลลูกโทษตัดสิน 

จุดโทษ 

มิลเลอร์ (คาร์ดิฟฟ์) : ไม่เข้า 

อีสเตอร์ (พาเลซ) : ไม่เข้า 

คอนเวย์ (คาร์ดิฟฟ์) : เข้า 

สแคนเนลล์ (พาเลซ) : ไม่เข้า 

เกรเตเด้ (คาร์ดิฟฟ์) : เข้า 

เจดินัค (พาเลซ) : เข้า 

วิตติ้งแฮม (คาร์ดิฟฟ์) : เข้า 

พาร์ (พาเลซ) : ไม่เข้า 

จบเกมคาร์ดิฟฟ์ดวลจุดโทษชนะคริสตัล พาเลซ 3-1 หลังรวมผลสองนัดเสมอกัน 1-1 ทำให้"เดอะ บลูเบิร์ดส์"ผ่านเข้ารอพบผู้ชนะระหว่างแมนเชสเตอร์ ซิตี้กับลิเวอร์พูลในรอบชิงชนะเลิศที่เวมบลีย์ 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

คาร์ดิฟฟ์ ซิตี้ : 
ทอม ฮีตัน, แอนดี้ เทย์เลอร์, แอนโธนี่ เจอร์ราร์ด, เบน เทอร์เนอร์, ดอน คาววี่ (รูดี้ เกสเตเด้ 103), สตีเฟ่น แม็คเฟล (ฟิลิป คิสส์ น.83), ปีเตอร์ วิตติ้งแฮม, เคร็ก คอนเวย์ , ดาร์ซี่ เบล็ค  (เควิน แม็คนาฟห์ตัน น.80), แอรอน กุนนาร์สสัน , เคนนี่ มิลเลอร์ 

สำรองไม่ได้ใช้ : เดวิด มาร์แชล, โจ รอลส์, โรเบิร์ต เอิร์นชอว์, โจ เมสัน 

เทรนเนอร์ : มัลกี้ แม็คคาย 

คริสตัล พาเลซ : จูเลี่ยน สเปโรนี่, พาทริค แม็คคาร์ธี่ย์ , แอนโธนี่ การ์ดเนอร์ , นาธาเนี่ยล ไคลน์ , ดาร์เรน อัมโบรส (พอล แม็คเชน น.79), ไมล์ เจดินัค, คากิโช่ ดิ๊กกากอย, โจนาธาน พาร์, เกล็นนฺ เมอร์เรย์ (เจอร์เมน อีสเตอร์ น.83), คริส มาร์ติน (ฌอน สแคนเนลล์ น.75), วิลเฟร็ด ซาฮา 

สำรองไม่ได้ใช้ : ลูวิส พริ๊นซ์, เดวิด ไรท์, โอเว่น การ์แวน, คาลวิน แอนดรูว์ 

เทรนเนอร์ : ดูกี้ ฟรีดแมน
 

 
 
 
 
 
 
 
 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์