ขิงยิงเป้า!หงส์บุกจิ้มเรือ 1-0 นัดหน้าเสมอเข้าชิง


ฟุตบอลคาร์ลิ่ง คัพรอบรองชนะเลิศนัดแรก 

วันพุธที่ 11 มกราคม 2555
 

สนาม : เอติฮัด สเตเดี้ยม 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 0:1 ลิเวอร์พูล 

ประตู
 : 0-1 เจอร์ราร์ด(จุดโทษ) น.13 

เกมนี้แมนฯ ซิตี้ที่ขาดกอมปานีไปเพราะติดโทษแบนกับพี่น้องตูเร่ที่ไปช่วยชาติรวมถึงซิลบาที่หายไปไม่มีชื่อในเกมนี้ เลือกส่งทางซาวิชจับคู่กับเลสคอตต์ในแนวรับ ส่วนกองกลางก็เป็นแบร์รี่กับเด ยอง อีกทั้งมีบาโลเตลลี่กลับมายืนเป็นตัวจริงให้อีกครั้งนึง 

ด้านลิเวอร์พูลก็ไม่ขาดอะไรมากนักมีหลักๆก็แค่ซัวเรสที่ติดโทษแบนอยู่นอกนั้นก็ได้เจอร์ราร์ดออกสตาร์ทเป็นตัวจริงโดยมีคาร์โรลล์เป็นหน้าเป้าให้และดาวนิ่งกับเบลลามี่ที่คอยทำเกมริมเส้น ส่วนแนวรับก็ให้จอห์นสันโยกมายืนทางซ้าย 

ครึ่งแรก 

หงส์ลองก่อน!คาร์โรลล์ยิงติดฮาร์ท 
เปิดฉากมาต่างฝ่ายเปิดเกมเข้าใส่กันและนาทีที่ 4 "หงส์แดง"ได้โอกาสงามก่อนเลยจากบอลที่ดาวนิ่งดีดขึ้นมาถึงคาร์โรลล์พลิกหนีซาวิชก่อนจะเบียดกันแต่คาร์โรลล์แข็งวิ่งตามบอลเข้าเขตโทษและได้จบแต่ฮาร์ทยังแน่ออกมาปิดมุมและเซฟเอาไว้ได้ 

ฮาร์ทเหนียว!หัวขิงยิงเสียบโคนเสาโดนปัด 
แล้วทีมเยือนก็เกือบได้ประตูอีกแล้วแต่"เรือใบ"ต้องขอบคุณฮาร์ทเลยหลังเป็นจังหวะที่ดาวนิ่งได้บอลทางริมเส้นก่อนมองเข้าในแล้วเลือกจ่ายเข้าไปให้เจอร์ราร์ดได้ตั้งป้อมยิงไกล 25 หลา บอลจะเสียบโคนเสาอยู่แล้วแต่ฮาร์ทปิดไปปัดได้หน้าตาเฉย 

งานชุก!ดาวนิ่งยิงแฉลบฮาร์ทยังปัดได้ 
"หงส์แดง"ยังได้บุกต่อเรื่อยๆและได้ลุ้นอีกจากจังหวะต่อเนื่องโดยเจอร์ราร์ดเปิดลูกเตะมุมเล่นสูตรย้อนมาแถวๆเส้นเขตโทษให้กับดาวนิ่งได้ยิง บอลแฉลบเปลี่ยนทางแล้วแต่ฮาร์ทยังเยี่ยมปัดเอาไว้ได้ 

หงส์กางปีก!หัวขิงซัดโทษฮาร์ทช่วยไม่ไหวแล้ว 
อย่างไรก็ตาม"เรือใบ"ยังไม่หมดเวรหมดกรรมต้องมาเจอจุดโทษอีกจากเตะมุมเข้ามาแล้วแอกเกอร์พักบอลลงก่อนตามไปเ่ล่นต่อแต่ซาวิชไปทยกเท้าสู่งใส่ กรรมการเป่าให้เป็นจุดโทษทันทีก่อนจะเป็น"หัวขิง"รับหน้าที่สังหารยิงไปทางซ้ายแม้ฮาร์ทจะพุ่งถูกทางแล้วแต่ลูกยิงยังคมพอผ่านมือเข้าไป นาที 13 ลิเวอร์พูลออกนำก่อน 1-0 

เรือใบเริ่มตั้งเกมได้บ้างแล้ว 
หลังจากนั้นผ่านครึ่งชั่วโมงมา"เรือใบ"เริ่มมีจังหวะเดินเกมบุกได้มากขึ้นแต่เรียกว่าจังหวะบอลสุดท้ายยังไม่ดีเท่าที่ควรหาช่องต่อบอลเข้าเขตโทษไม่ค่อยจะได้ 

คาร์โรลล์โขกอีกแต่หลุดเสา 
"เรือใบ"ยังหาช่องยิงประตูไม่ได้กลับกัน"หงส์แดง"มาได้ลุ้นอีกแล้วจากลูกครอสทางริมเส้นขวาโดยเคลลี่ เปิดมาให้กับคาร์โรลล์ที่หนีซาวิชมาโฉบโหม่งแต่บอลก็หลุดเสาออกหลังไป 

โอ้โดนเปลี่ยน!นาสรี่ลงมาได้ลองส่อง 
ช่วงท้ายครึ่งแรกทางมันชินี่ก็เปลี่ยนตัวไวเอาบาโลเตลลี่ที่วันนี้ดูเล่นไม่ออกแล้วส่งทางนาสรี่ลงสนามมาแทนและมิดฟิลด์เลือดน้ำหอมก็มีโอกาสได้ง้างเท้ายิงด้วยจากจังหวะยิงไกลหน้าเขตโทษแต่เรน่ายังทิ้งตัวปัดได้ทัน 

เกือบเจ๊า!มิลเนอร์ยิงข้ามคานนิดเดียว 
ก่อนหมดครึ่งแรกเวลานาทีเดียว"เรือใบ"มีลุ้นได้ประตูตีเสมออีกครั้งนึงจากริชาร์ดที่พาบอลขึ้นมาทางริมเส้นขวาก่อนจะใช้ความใหญ่พาบอลเบียดกับจอห์นสันไปจนสุดเส้นหลังก่อนตบกลับมาที่ตรงแถวจุดโทษให้มิลเนอร์ยิงแต่ก็ข้ามคานอย่างน่าเสียดาย ก่อนจะหมดเวลากันไปโดยเจ้าบ้านยังตามหลังอยู่ 1-0 

ครึ่งหลัง 

ค็อปใจหาย!เคลลี่จ่ายพลาดแต่กุนจบไม่ลง 
เข้าครึ่งหลัง"หงส์แดง"รอดเสียประตูแบบหวุดหวิดเลยจากนาที 56 ที่เคลลี่ไปต่ายคืนหลังสั้นไปเจออเกวโร่ที่ยืนกางมุ้งอยู่โฉบมาเก็บบอลได้ก่อนเรน่าก่อนจะเลือกออกทางซ้ายก่อนจะยิงแต่ไม่ตรงกรอบพลาดเป็นประตูอย่างน่าเสียดาย 

ริชาร์ดโขกยังติดเซฟ 
เจ้าบ้านเกือบจะได้ประตูตีเสมออีกครั้งนึงแล้วหลังได้ลูกเตะมุมทางซ้ายเปิดเข้ามากลางประตูให้กับริชาร์ดวิ่งโฉบมาโหม่งกลางประตูแต่บอลยังตรงตัวของเรน่าผวาปัดเอาไว้ได้ทัน 

เกือบอีกแล้ว!กุนล็อกแนวรับหงส์หัวทิ่มก่อนยิง 
นาที 66 "เรือใบ"ครองเกมบุกต่อเนื่องจนมีโอกาสเกือบได้ประตูอีกนึงแล้วจากอเกวโร่ที่เลื้อยอยู่หน้าเขตโทษพาบอลจะไปทางซ้ายแต่เลือกล็อกเข้าขวาทำเอาแนวรับ"หงส์แดง"หลงทางกันไป 3 คนก่อนจะเลือกปั่นด้วยขวาแต่บอลเบาไปเข้าซองเรน่าสบาย 

นาสรี่ส่องไกลข้ามคาน 
แมนฯ ซิตี้บุกหนักได้ลุ้นประตูตีเสมอมากขึ้นเรื่อยๆคราวนี้เป็นโอกาสของนาสรี่อีกครั้งนึงที่ทำชิ่งหนึ่ง สองกับทางเซโก้ก่อนได้ลองส่องประมาณ 25 หลาแต่บอลก็ลอยข้ามคานออกหลังไป 

หงส์ขอแน่นอนส่งเอ๋อแทนถีบจักร 
เข้าช่วง 10 นาทีสุดท้ายแล้วทีมเยือนเรียกว่าบุกแทบไม่ขึ้นเลยกลายเป็นเกมของแมนฯ ซิตี้ซะมากทำให้ดัลกลิชเลือกส่งคาร์ราเกอร์ลงสนามมาแทนเบลลามี่เพื่อแพ็คเกมรับให้แน่น 

มิลเนอร์ยิงไกลไมไ่ด้ลุ้น 
แมนฯ ซิตี้ยังคงเดินหน้าหาลูกตีเสมอต่อไปและได้ลองอีกจากมิลเนอร์ที่ไปตัดหน้าแย่งบอลจากเจอร์ราร์ดมาได้ก่อนจะเลือกส่องไกลแต่บอลเบาเกินออกหลังแบบไม่ได้ลุ้น 

หงส์ซี๊ด!กุนได้โหม่งข้ามคานนิดเดียว 
เข้าช่วงทดเจ็บแล้ว"เรือใบ"ยังเดินหน้าแต่ก็หวิดได้ประตูตีเสมอไปมาคราวนี้จากลูกฟรีคิกเล่นสั้นทางขวาให้กับนาสรี่ตั้งป้อมเปิดเข้าไปในเขตโทษถึง"กุน"ที่เรียกว่าไม่มีตัวประกบได้โขกแต่ส่งมันโด่งข้ามคานนิดเดียวเท่านั้น 

สุดท้าย"เรือใบ"ก็ทำไม่สำเร็จจบเกมพวกเขาเป็นฝ่ายพ่ายให้กับลิเวอร์พูลไปก่อนในนัดแรก 1-0 จากจุดโทษจากสตีเฟ่น เจอร์ราร์ดต้องไปลุ้นกันต่อในนัดที่ 2 ในช่วงปลายเดือนวันที่ 25 นี้ 

รายชื่อนักเตะทั้งสองทีม 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้
 : โจ ฮาร์ท 7.5, โจลีออน เลสคอตต์ 6.0, กาเอล กลิชี่ 6.0, ไมกาห์ ริชาร์ดส 7.0, สเตฟาน ซาวิช 4.0, แกเร็ธ แบร์รี่ 5.5, ไนเจล เด ยอง 5.5 (โคลารอฟ น.72 5.5), เจมส์ มิลเนอร์ 6.0, อดัม จอห์นสัน 4.5 (เซโก้ น.66 6.0), แซร์คิโอ้ อเกวโร่ 6.5, มาริโอ บาโลเตลลี่ 5.0 (นาสรี่ น.39 7.0) 

สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : คอสเทล พานทิลิมอน, เนดุม โอนูโอฮา, ปาโบล ซาบาเลต้า, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์ 

ลิเวอร์พูล : เปเป้ เรน่า 7.0, เกล็น จอห์นสัน 7.0, เดเนียล แอกเกอร์ 8.0*, มาร์ติน สเคอร์เทล 8.0, มาร์ติน เคลลี่ 6.5, สตีเฟ่น เจอร์ราร์ด 8.0, เจย์ สเปียริ่ง 6.0 (อดัม น.23 6.0), จอร์แดน เฮนเดอร์สัน 6.5, สจวร์ต ดาวนิ่ง 6.0 (เอนริเก้ น.60 6.0), เคร็ก เบลลามี่ 6.5 (คาร์ราเกอร์ น.79 -), แอนดี้ คาร์โรลล์ 5.0 

สำรองที่ไม่ได้ลงสนาม : โดนี่, เซบาสเตียน โคอาเตส, จอนโจ้ เชลวี่ย์, เดิร์ก เคาท์
 

 

 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์