ผีเน่าเฟะ!เล่นห่วยได้ใจโดนพาเลซบุกเผา 2-1 ร่วงคาร์ลิ่ง


คาร์ลิ่ง คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย 

วันพุธที่ 30 พฤศจิกายน 2554 


สนาม : โอลด์ แทรฟฟอร์ด
 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 1 : 2 คริสตัล พาเลซ 

ประตู : 
0-1 อัมโบรส น.65, 1-1 มาเคด้า(จุดโทษ) น.69, 1-2 เมอร์เรย์ น.98 

ก่อนเกมได้มีการรำลึกถึงแกรี่ สปีดที่ล่วงลับไปแล้วด้วยการยืนวัยอาลัยจากนักเตะและแฟนบอล ก่อนที่จะมีเสียงปรบมือกึกก้องเพื่อเป็นเกียรติแก่กุนซือทีมชาติเวลส์ 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดวันนี้ปรับเปลี่ยนทีมไปมากพอสมควร อายุเฉลี่ยของพวกเขาใน 11 ตัวจริงอยู่ที่ 24 ปีเท่านั้น แต่ประสบการณ์พร้อมพรั่งไม่ต้องพูดถึง เพราะมีทั้งเบอร์บาตอฟ, วาเลนเซียและดาวรุ่งที่ได้ลงทีมชุดใหญ่อย่างราฟาเอล, ฟาบิโอ, สมอลลิ่ง, อีแวนส์, ปาร์คหรือแม้กระทั่งกิ๊บสัน 

วันนี้ถือว่าแฟนบอลของแมนฯยูไนเต็ดถือว่าเข้ามาดูในสนามค่อนข้างจะน้อยมาก เพราะโซนที่แบ่งไว้สำหรับทีมเจ้าบ้านนั้นดูจะมีช่องว่างเยอะเสียเหลือเกิน 

ครึ่งแรก 

เกมยังไม่ค่อยต่างมาก 
ผ่านช่วง 10 นาทีแรกไปนั้น เกมถือว่ายังไม่ได้มีอะไรแตกต่างกันมากนัก แม้ว่าช่วงต้นๆดูแล้วแมนฯยูไนเต็ดจะดูคึกคัก แต่พอเล่นไปเล่นมากก็ถือว่าทั้งสองทีมยังทันกันอยู่ 

ผีกดดันได้แต่ไม่สุด 
กำลังจะเข้าสู่ช่วง 20 นาทีของเกม ตอนนี้แมนฯยูไนเต็ดเองก็ได้กดดันทางทีมเยือนอยู่เหมือนกัน เพียงแต่จังหวะของพวกเขานั้นยังไปได้ไม่สุดเท่าไหร่ โอกาสยิงไม่ค่อยได้เห็น 

เกมผีอืดอาดพอสมควร 
เกมของแมนฯยูไนเต็ดวันนี้ต้องยอมรับเลยว่าสปีดบอลไม่ค่อยจะดีเท่าไหร่นัก แม้ว่าจะได้เล่นในบ้านของตัวเอง จังหวะทำเกมบุกไม่ค่อยต่อเนื่องสักเท่าไหร่และมักจะเสียบอลอยู่เลย ซึ่งก็ไม่ต่างกันกับทีมเยือน ที่จ่ายขาดๆเกินๆอยู่ตลอด 

ป๋าหงุดหงิด!ดิยุฟทุ่มผิดเฉย 
นาทีที่ 32 อเล็กซ์ เฟอร์กูสันถึงกับออกอาการหงุดหงิดเลย เพราะดิยุฟที่วันนี้ได้ลงสนาม กลับไปโชว์ปล่อยไก่ ทุ่มผิดในจังหวะที่ทีมได้เกมรุก จนทำให้ถูกจับเปลี่ยนข้างทุ่ม จนกุนซือเฒ่าถึงกับสบถออกมาแบบเซ็งๆเป็นแกงฟักเลยทีเดียว 

อีกแล้ว ... ฟาบิโอเจ็บ 
นาทีที่ 37 แมนฯยูไนเต็ดจำเป็นต้องเปลี่ยนเอาฟรายเออร์ลงไปเล่นแทนฟาบิโอที่สามวันดี สี่วันไข้ เกิดอาการเจ็บขึ้นมาเฉยๆอีกแล้ว เสียโควต้าเปลี่ยนตัวก่อนจบครึ่งแรกไปซะอย่างนั้น 

ดิยุฟลอยตัวยิงเหิน 
นาทีที่ 41 เกมที่ไม่ค่อยจะมีอะไรให้ลุ้นมากนัก ก็มาได้จังหวะน่าดูหน่อยจากดิยุฟที่ถอยหลังลอยตัววอลเล่ย์บอลในกรอบเขตโทษ จากลูกเปิดของวาเลนเซียที่เปิดย้อนหลังมาหน่อย สุดท้ายบอลก็เหินข้ามคานออกไปแบบไม่ได้ลุ้นอะไรนัก 

ช่วงท้ายเกมคริสตัล พาเลซต้องเปลี่ยนเอาสแคนเนลล์ที่มีอาการบาดเจ็บออกจากสนามไปและส่งพาร์ลงไปเล่นแทน จบ 45 นาทีแรก ยังไม่มีประตูเกิดขึ้น เพราะโอกาสลุ้นแทบไม่มีให้เห็นเลย 

ครึ่งหลัง 

แมนฯยูไนเต็ดมีอะไรให้แฟนบอลได้งงกันเล็กน้อย เมื่อเปลี่ยนเอามอร์ริสันที่เป็นดาวรุ่งลงไปเล่นแทนกองหน้ามากประสบการณ์อย่างเบอร์บาตอฟ ส่วนพาเลซก็เปลี่ยนเอาอัมโบรสตัวเตะจอมเก๋าลงเล่นแทนที่ม็อกซี่ย์ที่มีอาการบาดเจ็บในช่วงท้ายเกม 

รถด่วนได้หลุดยิงออกซะงั้น 
นาทีที่ 52 หลังจากพยายามกดดันทีมเยือนอย่างต่อเนื่อง แมนฯยูไนเต็ดก็มาได้โอกาสทอง ในจังหวะที่วาเลนเซียไปตัดบอลมาจากการ์เนอร์ได้ ก่อนที่จะเลี้ยงจี้เข้าหากรอบเขตโทษแล้วยิงสวนผู้รักษาประตูทันที แต่บอลกลับพุ่งไซด์หนีกรอบหลุดออกหลังไปได้ซะนี่ 

เกมไม่มีอะไรนัก 
แม้ว่าทางแมนฯยูไนเต็ดนั้นจะทำได้ดีกว่าในช่วงครึ่งแรกในการพยายามบุกกดันใส่พาเลซ แต่เกมของพวกเขาก็ยังไม่ได้มีพิษสงอะไรมากมายนัก ทำให้โอกาสลุ้นยิงประตูไม่ต่างจากครึ่งแรกที่ดูน้อยเหลือเกิน 

และต่อมาเจ้าบ้านต้องเปลี่ยนเอาราฟาเอลออกไปอีกคน เนื่องจากมีอาการบาดเจ็บและส่งพ็อกบาลงไปเล่นแทน ดูแล้วฝาแฝดแบ็คซาย-ขวาคู่นี้เปราะเสียเหลือเกิน 

ผีโดนจนได้!อัมโบรสซัดอย่างงาม 
นาทีที่ 65 แมนฯยูไนเต็ดก็มาโดนทีเด็กจากลูกยิงไกลของอัมโบรสที่ซัดจากระยะ 30 กว่าหลา บอลพุ่งแหวกอากาศเป็นมุมทะแยง ผ่านมือของเอมอสก่อนที่จะเสียบสามเหลี่ยมเข้าไปแบบสวยงามสุดๆ ทำให้ตอนนี้ทีมเยือนบุกมานำไปก่อนแล้ว 1-0 

ทันควัน!ผีตีเจ๊าได้อย่างเร็ว 
อีก 4 นาทีต่อมา แมนฯยูไนเต็ดก็มาได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็วเลย จากจังหวะที่ได้ลูกจุดโทษ เพราะกัปตันทีมของพาเลซไปดึงมาเคด้าล้มลงในกรอบเขตโทษแบบค่อนข้างโจ่งแจ้ง ก่อนที่จะเป็นมาเคด้าเองรับหน้าที่สังหารเข้าประตูไป ทำให้ตอนนี้เกมกลับมาเสมอกันที่ 1-1 ต้องลุ้นอีกอีกเฮือกแล้ว 

ผีโดนพาเลซกดดันพอสมควร 
หลังจากที่ได้ประตูตีเสมอ เกมของแมนฯยูไนเต็ดก็ไม่ได้ดีขึ้นสักเท่าไหร่ แถมยังโดนทางพาเลซได้ครองบอลต่อเนื่องอีกด้วย ดูแล้วแบบนี้อาจจะต้องมีต่อเวลาออกไปก็เป็นได้ 

จบ 90 นาทีทั้งสองทีมยังคงเสมอกันอยู่ 1-1 ทำให้ต้องมีการต่อเวลาพิเศาออกไปอีก 30 นาที ก่อนที่จะหาผู้ชนะในเกมนี้ให้จงได้ 

ต่อเวลาพิเศษครึ่งแรก 

น้องกิ๊บตะบันซ้ายได้ลุ้น 
นาทีที่ 4 แมนฯยูไนเต็ดได้เสียวก่อนเลยในช่วงต่อเวลา จากบอลที่วาเลนเซียไหลมาให้กับกิ๊บสันหน้ากรอบเขตโทษ ก่อนที่มิดฟิลด์ตูดหนักจะแตะหนีกองหลังแล้วจัดการยิงด้วยซ้ายทันที บอลพุ่งแรง แต่ก็หลุดออกนอกกรอบไปแบบได้ลุ้นนิดๆ 

ผีช็อกแล้ว!โดนยิงนำอีกครั้ง 
นาทีที่ 8 จากลูกฟรีคิกของอัมโบรสตัวแสบเจ้าเดิมที่โยนบอลเข้ากรอบเขตโทษ ก็เป็นทางเมอร์เรย์ขยับหนีจากการประกบของอีแวนส์ที่พยายามจะดึงเอาไว้ แต่เอาไม่อยู่ กลายเป็นแข้งพาเลซได้งอหัวโหม่งบอลแสกหน้าของเอมอสเข้าไปตุงตาข่าย พาเลซขึ้นนำอีกครั้ง 2-1 งานช้างแล้วสำหรับเจ้าบ้าน 

มาเคด้ายิงดีดออก 
อีก 2 นาทีต่อมา แมนฯยูไนเต็ดพยายามลุ้นประตูตีเสมอ ในจังหวะโยนเข้าไปให้กับมาเคด้าเอาบอลลงในกรอบเขตโทษและล็อกหลบกองหลังได้แล้ว แต่ด้วยความที่เข้าซ้าย เจ้าตัวก็เลยฝืนดีดด้วยขวา บอลมันไม่เป็นดั่งใจพุ่งหลุดออกหลังไป 

จบครึ่งแรกของการต่อเวลา แมนฯยูไนเต็ดเข้าตาจนแล้ว เรพาะว่าโดนนำไป 2-1 เหลืออีก 15 นาทีให้ได้ลุ้นหนีความพ่ายแพ้คาบ้านของตัวเอง 

ต่อเวลาพิเศษครึ่งหลัง 

ผีพยายามลุยเต็มที่ 
ลงมาเล่นในครึ่งหลังนี้ แมนฯยูไนเต็ดพยายามที่จะทำเกมบุกเพื่อทวงประตูคืนให้ได้ แต่ดูบอลยังตะกุกตะกักไม่ได้มีอะไรให้ลุ้นว่าจะทำประตูคืนมาได้เลย แบบนี้คงยากแล้วแน่ๆ 

พาเลซรับกันเต็มที่ 
เหลือเวลาอีก 5 นาทีสุดท้ายตอนนี้พาเลซลงไปตั้งเกมรับกันแน่นบริเวณหน้ากรอบเขตโทษของตัวเอง เพราะโดนแมนฯยูไนเต็ดบุกกดดันใส่ เพียงแต่ดูแล้วด้วยความที่ช่องแทบจะไม่มี ทำให้ตอนนี้เจ้าบ้านลุ้นเหนื่อยน่าดู 

จบ 120 นาทีกลายเป็นแจ็คผู้ฆ่ายักษ์ เมื่อคริสตัล พาเลซบุกมาเอาชนะแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ดได้คาสนามโอลด์ แทรฟฟอร์ด 2-1 ทำให้พวกเขาทะลุเข้าไปเล่นรอบรองชนะเลิศได้สำเร็จ ส่วนทาง "ปีศาจแดง" โทษใครไม่ได้ เพราะเล่นกันห่วยสุดๆ เลยต้องอดลุ้นแชมป์ถ้วยใบนี้ไป 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด : 
เบน เอมอส, ราฟาเอล(พ็อกบา น.64), จอนนี่ อีแวนส์, คริส สมอลลิ่ง, ฟาบิโอ(ฟรายเออร์ น.37), ปาร์ค จี ซุง, อันโตนิโอ วาเลนเซีย, ดาร์รอน กิ๊บสัน
ดิมิทาร์ เบอร์บาตอฟ(มอร์ริสัน น.46), เฟเดริโก้ มาเคด้ามาเม่ บิราม ดิยุฟ 

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : อันเดอร์ส ลินเดการ์ด, ไมเคิ่ล คีน, ลาร์เนลล์ โคล, เจสซี่ ลินการ์ด 

คริสตัล พาเลซ : เลวิส ไพรส์, ปรทริค แม็คคาร์ธี่ย์, แอนโธนี่ย์ การ์ดเนอร์, ดีน ม็อกซี่ย์(อัมโบรส
น.46), นาธาเนียล ไคลน์, เดวิด ไรท์, คากิโช่ ดิคกาชอย, สจ๊วร์ต โอคีเฟ่, เจอร์เมน อีสเตอร์(เมอร์เรย์น.74), ฌอน สแคนเนลล์(พาร์ น.45), วิลเฟรด ซาฮา 

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : จูเลี่ยน สเปโรนี่, ปีเตอร์ มาเมจ, ไมล์ เยดินัค, สเตฟเฟน ไอเวอร์เซ่น
 

 
  
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์