ปืนเงิบ!เจอทีเด็ดกุนยิงโป้งเดียวเรือบุกถีบคาบ้าน 1-0


คาร์ลิ่ง คัพ รอบ 8 ทีมสุดท้าย 

วันอังคารที่ 29 พฤศจิกายน 2554 

สนาม : เอมิเรตส์ สเตเดี๊ยม 

อาร์เซนอล 0 : 1 แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 


อาร์เซนอลวันนี้พักผู้เล่นตัวหลักหลายคน ไม่ว่าจะเป็นฟาน เพอร์ซี่, วัลค็อตต์หรือว่าแรมซี่ย์และส่งดาวรุ่งอย่างฟริมปงและแชมเบอเลนลงไปเล่นแทน โดยมีชู ยองลงในแดนหน้าคอยประสานงานกับชามัคห์ 

ด้านแมนฯซิตี้วันนี้ก็ส่งชุดสำรองลงเช่นเดียวกัน แต่ชื่อชั้นถือว่าอันตรายน่าดู เพราะมีทั้งเชโก้, นาสรี่, จอห์นสันและเดอ ยอง รวมทั้งฮาร์กรีฟส์ที่ผ่านความฟิตลงช่วยแดนกลางอีกด้วย 

ครึ่งแรก 

เกมยังไปได้เรื่อยๆ 
ผ่านช่วง 10 กว่านาทีแรกนั้น ถือว่ายังไม่ได้มีอะไรให้ได้ลุ้นมากนัก มีโอกาสกันไปฝั่งละทีสองที แต่ถ้าจะให้นับจังหวะเสียวกันจิงๆก็คงต้องรอดูก่อนว่าเกมนี้จะเป็นอย่างไรบ้าง 

นาสรี่เสียงโห่อย่างดัง 
งานนี้ไม่ต้องสงสัยเลยว่า นาสรี่ได้รับการต้อนรับจากแฟนบอลฝั่งเจ้าบ้านยังไง เพราะทุกครั้งที่เขาได้บอล ก็จะมีเสียงโห่จากแฟนเจ้าบ้านตามมาตลอด ต้องดูว่าเจ้าตัวจะโชว์ฟอร์มออกได้หรือไม่ 

ต่างฝ่ายยังชิงจังหวะ 
เกมผ่านเข้าสู่ช่วง 25 นาที ตอนนี้ทั้งสองทีมยังพยายามหาจังหวะเพื่อเจาะเข้าไปทำประตูฝ่ายตรงข้ามให้ได้อยู่ แม้ว่าดูจากสถิติแล้วอาร์เซนอลนั้นได้ลุ้นจะแจ้งกว่าอยู่นิดหน่อยที่ยิงตรงกรอบ แต่ด้วยสกอร์แบบนี้คงต้องลุ้นกันยาวๆเท่านั้น 

ได้เสียว!อ๊อกเหล็กยิงเกือบเสียบแล้ว 
อีก 3 นาทีต่อมา ถือว่าได้เรียกเสียงเฮเลย จากจังหวะที่แชมเบอร์เลนลากบอลขึ้นมา ก่อนที่จะแตะจังหวะชิ่ง 1-2 กับชามัคห์แล้วจัดการตะบันนอกกรอบเขตโทษด้วยซ้ายทันที บอลพุ่งเหมือนจะเสียบสามเหลี่ยมอยู่แล้ว แต่ผู้รักษาประตูของแมนฯซิตี้ที่บินมาปัดมือเดียวออกไปได้ทัน 

คิดเร็วทำเร็ว!เรือเปลี่ยนกุนลง 
นาทีที่ 32 เหมือนเกมจะไม่ได้ดั่งใจ มันชินี่เลยต้องรีบคิดอะไรด่วน จัดการส่งอเกวโร่ลงไปเล่นแทนโคลารอฟ แม้ว่าตอนแรกจะเหมือนสับสันว่าเปลี่ยนนาสรี่ออก แต่สุดท้ายก็ลงไปเล่นแทนโคลารอฟ จึงต้องมีการปรับหมากกันเล็กน้อย 

เกมไม่ค่อยต่อเนื่อง 
มาถึงช่วง 5 นาทีสุดท้าย ตอนนี้ต้องยอมรับเลยว่า ทั้งสองทีมไม่ค่อยได้เล่นเกมที่ตัวเองถนัดสักเท่าไหร่ เวลาพยายามจะพาบอลเข้าไปถึงหน้ากรอบเขตโทษของอีกฝ่าย ถ้าไม่โดนตัด ก็ถูกสกัดไปเองอยู่เรื่อย ทำให้ดูแล้วครึ่งแรกน่าจะจบที่สกอร์นี้ไป 

จบ 45 แรกแบบถือว่าเกมยังคงสูสีกันอยู่ สกอรจึง 0-0 ต้องลุ้นกันต่อว่าครึ่งหลังจะมีอะไรเปลี่ยนแปลงไปหรือไม่ 

ครึ่งหลัง 

อ๊อกเหล็กจี๊ดจ๊าดน่าดู 
ลงมาเล่นครึ่งหลังได้ไม่กี่นาที แชมเบอร์เลนก็โชว์สเต็ปให้แฟนๆได้เห็น ในจังหวะที่เขาได้บอลทางริมเส้นฝั่งขวา โยกล็อกหลอกซาบาเลต้าจนหัวหมุน ก่อนที่จะจัดการซัดไปเต็มๆ แต่บอลไปตรงตัวผู้รักษาประตูที่ทุบทิ้งออกไปได้ไม่มีปัญหาอะไร 

เกมยังบดกันไปเรื่อย 
เข้าสู่ช่วงหนึ่งชั่วโมงเต็มๆ ตอนนี้ก็คล้ายๆกับในช่วงครึ่งแรก ที่ยังไม่ได้มีจังหวะให้ลุกฮืออะไรนัก เพราะส่วนใหญ่แล้วบอลจะอยู่ตรงกลางสนามเสียมากกว่า จังหวะสุดท้ายของทั้งสองทีมยังต้องปรับปรุงอยู่พอสมควร 

ปืนส่งหล่อเล็กลงสนาม 
นาทีที่ 68 ตอนนี้ต้องขอลุ้นประตูเพื่อศักศรีดิ์ในบ้านแล้วสำหรับอาร์เซนอล ส่งแชร์วิญโญ่ลงไปเล่นแทนชู ยองที่วันนี้แผลงฤทธิ์ไม่ได้เต็มที่สักเท่าไหร่ ต้องดูว่าเกมของ "ปืนใหญ่" จะจี๊ดจ๊าดขึ้นมาบ้างหรือไม่ 

ปืนเริมได้บดมากขึ้น 
จากช่วงก่อนหน้านี้เป็นแมนฯซิตี้ที่ได้ครองบอลไปพอสมควร ตอนนี้เป็นอาร์เซนอลที่กลับมาได้บดไล่รุกทีมเยือนอีกครั้ง แต่โอกาสยิงแบบจังๆนั้นหาได้ยากยิ่ง เลยทำให้เกมนี้อาจจะต้องไปลุ้นกันช่วยท้ายเลยก็ว่าได้ เพราะตอนนี้เข้าช่วง 15 นาทีสุดท้ายไปแล้ว 

เรือพักฮาโก้-ปืนส่งแฟร์มาเล่น 
นาทีที่ 79 แมนฯซิตี้ถอดเอาฮาร์กรีฟส์ออกไปพัก ก่อนที่จะส่งราซัคลงไปเล่นแทน ส่วนทางอาร์เซนอลก็ให้แฟร์มาเล่นลงไปเล่นและเอามิเกลออกจากสนาม 

เขามาแล้ว!เรือสวนทีเดียวกุนยิงเฮ 
นาทีที่ 83 จังหวะสวนกลับของแมนฯซิตี้เด็ดขาดเสียเหลือเกิน เมื่อตัดบอลอาร์เซนอลมาได้ บอลก็พุ่งพรวดไปถึงจอห์นสันหน้าประตู ก่อนจะหมุนตัวแตะกลับมาให้อเกวโร่ได้โอกาสแปบอลสวนฟาเบียงสกี้เข้าไปตุงตาข่าย แมนฯซิตี้ได้ประตูสุดสำคัญ ยิงนำไปก่อน 1-0 

ทันไหม!ปืนเร่งให้พี่ม้ากู้สถานการณ์ 
อีก 4 นาทีต่อมา ไม่รู้ว่าจะทันหรือเปล่า แต่อาร์เซนอลก็ไม่มีทางเลือก ต้องส่งอาร์ชาวินลงไปเล่นแทนแชมเบอร์เลน เพื่อหวังจะกู้สถานการณ์กลับคืนมาให้จงได้ในช่วงเวลาที่เหลืออยู่น้อยนิดนี้ 

ช่วงท้ายเกม อาร์เซนอลมีโอกาสลุ้นตีเสมอจากจังหวะของชามัคห์ที่ได้โอกาสโหม่งหน้าประตู แต่สุดท้ายพลาด จนเวนเกอร์และฟาน เพอร์ซี่ที่วันนี้นั่งดูเพื่อนเล่นอย่างเดียวออกอาการชนิดที่ว่า "ทำไมไม่ได้วะ!?" สุดท้ายจบ 90 นาที อาร์เซนอลโดนแมนเชสเตอร์ ซิตี้บุกมาเอาชนะได้ถึงถิ่น 1-0 ทำให้ทีม "เรือใบ" ผ่านเข้าไปเล่นรอบรองชนะเลิศคาร์ลิ่ง คัพได้ในที่สุด 

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม 

อาร์เซนอล : 
ลูคัสซ์ ฟาเบียงสกี้, เซบาสเตียน สกิลลาชี่, โยฮัน ฌูรู, โลร็องต์ กอสเซียลนี่, อิกนาซี่ มิเกล(แฟร์มาเล่น น.80), ยอสซี่ เบนายูน, ฟรานซิส โคเกลิน, เอ็มมานูเอล ฟริมปง, อเล็กซ์ อ๊อกเลด-แชมเบอร์เลน(อาร์ชาวิน น.87), ปาร์ค ชู ยอง(แชร์วิญโญ่ น.67), มารูยาน ชามัคห์ 

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : วิตอ มานโนเน่, เคร็ก อีสต์มอนด์, นิโก เยนนาริส, โอกัซฮาน ฮอซยาคุป 

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ : ครอสเทล ปันติลิม่อน, โคโล่ ตูเร่, เนดุม โอนูโอฮา, ปาโบล ซาบาเลต้า, อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ(อเกวโร่ น.32), สเตฟาน ซาวิช, โอเว่น ฮาร์กรีฟส์(ราซัค น.79), ไนเจล เดอ ยอง, ซาเมียร์ นาสรี่, อดัม จอห์นสัน, เอดิน เชโก้ 

ตัวสำรองที่ไม่ได้ลง : สจ๊วร์ต เทย์เลอร์, เวย์น บริดจ์, ไมกาห์ ริชาร์ดส์, เดนนิส ซัวเรซ, คาริม เรกิค
 

  
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 
 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์