9 สโมสรที่ปลุกเเข้งฟอร์มร่วง ให้กลับมารุ่งอีกครั้งได้มากที่สุด !

9 สโมสรที่ปลุกเเข้งฟอร์มร่วง ให้กลับมารุ่งอีกครั้งได้มากที่สุด  !

1. โบลตัน

"เดอะ ทร็อตเตอร์" ในยุคที่มี แซม อัลลาร์ไดซ์ เป็นนายใหญ่
ได้ชื่อว่าเป็นปรมจารย์แห่งการปลุกผีเลยทีเดียว


คุณต้องไม่เชื่อเเน่เหล่าแข้งไฟมอดอย่าง เจย์ เจย์ โอโคชา อดีตเพลย์เมคเกอร์ของ เปแอสเช ที่ต้องยอมถอยเพราะโดนคลื่นลูกใหม่ในเวลานั้นอย่าง โรนัลดินโญ่ ขึ้นมาแทนที่ ยูริ จอร์เกฟฟ์ เจ้าของแชมป์โลกและแชมป์ยุโรปกับทีมชาติฝรั่งเศสที่ "บิ๊กแซม" ดึงตัวเสือเฒ่ารายนี้มาจาก ไกเซอร์เสลาเทิร์น
เท่านั้นยังไม่พอนั่นรวมถึงจอมพเนจรอย่าง นิโกล่าส์ อเนลก้า ที่กระเด็นไปไกลถึงลีกตุรกีกับ เฟเนร์บาห์เช่, เอล ฮัดจิ ดิยุฟ ดาวยิงจอมถุยผู้ที่แฟนลิเวอร์พูลจงเกลียดจงชัง รวมถึง อิบัน คัมโป แนวรับแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกกับ เรอัล มาดริด ก็เป็นหนึ่งในนักเตะที่ อัลลาร์ไดซ์ หยิบมาปัดฝุ่นจนทำผลงานได้โดดเด่นแทบทุกรายและโบลตันก็กลายเป็นทีมที่เต็มไปด้วยเอกลักษณ์ที่แตกต่างจากทีมอื่นๆ
ล่าสุด อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือของ อาร์เซน่อล พูดถึง โบลตัน ในยุคของ บิ๊กแซม ว่าคือทีมที่ปรับตัวกับทรัพยากรในทีมได้อย่างยอดเยี่ยมจนทำให้ โบลตัน ในเวลานั้นคือเทพแห่งการเล่นบอลไดเร็กที่เป็นของแสลงของไอ้ปืนใหญ่ในเวลานั้น
"ผมคิดว่า แซม คือคนมีฝีมือเขาหัวไวพอที่จะปรับตัวกับคุณภาพนักเตะที่เขามีจนกลายเป็นจุดแข็งของทีมได้สำเร็จ ... โบลตัน ในเวลานั้นแข็งแกร่งด้วยฟุตบอลไดเร็กพวกเขามีนักเตะอย่าง เจย์ เจย์ โอโคชา,ยูริ จอร์เกฟฟ์,เควิน เดวิส,อิบัน คัมโป้ แต่ละคนผมคงต้องบอกว่าผมแทบจะลืมไปแล้วจริงๆ" นี่คือสิ่งที่ขงเบ้งเลือดน้ำหอมพูดถึงทีมที่ อัลลาร์ไดซ์ ปลุกขึ้นมาจากหลุมได้อย่างไม่น่าเชื่อ

 

2. นีซ


มาริโอ บาโลเตลลี่ ลงเล่น 16 นัดในพรีเมียร์ลีกให้กับ ลิเวอร์พูล และยิงได้เพียงประตูเดียว...นั่นทำให้หลายฝ่ายต่างมองว่า 'เกรียนโอ้' คงยากที่จะประสบความสำเร็จในวงการฟุตบอลได้อีกเเล้ว
แม้จะโดนส่งตัวกลับไปอยู่กับสโมสรที่คุ้นเคยอย่าง เอซี มิลาน ทว่า บาโลเตลลี่ ก็ล้มเหลวอีกครั้งจนเป็นความเคยชิน ปัญหามากมายที่กองสุมในตัวเขาทำให้ หงส์เเดง ตัดสินใจยกนักเตะเจ้าปัญหาให้ นีซ ฟรีๆแบบไม่คิดเงินซักเเดงเดียวในซัมเมอร์ที่ผ่านมา
ฌอง ปิแอร์ ริเวเเยร์ ประธานสโมสรของ นีซ ยืนยันว่าเขาเชื่อใจ ซูเปอร์มาริโอ และเชื่อว่าบรรยากาศในสโมสรจะช่วยปลุกผีอดีตโคตรดาวรุ่งรายนี้ได้ "นีซ มีบรรยากาศที่อบอุ่นเหมือนครอบครัวสิ่งนี้จะช่วยให้ มาริโอ กลับมาทำผลงานที่ดีได้ แม้มันจะไม่ง่ายแต่แฟนๆของเราจะหนุนหลังเขาและทำให้เขาโชว์ศักยภาพของเขาออกมา"
ตอนนี้ บาโลเตลลี่ หวดไปแล้ว 10 ประตูจากการลงสนามให้ นีซ ทั้งหมด 14 นัด และสิ่งนี้คือการตอบแทนความไว้วางใจที่สโมสรมอบให้แก่เขา ... นอกจาก บาโลเตลลี่ แล้วยังมีกองหลังจอมเก๋าวัย 32 ปีดีกรีแชมป์ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกอย่าง ดานเต้ ที่ย้ายมาอยู่กับ นีซ ในซัมเมอร์นี้และกลายเป็นกำลังหลักของทีม และยังรวมถึง ยูเนส เบลอองดา ตัวรุกชาวโมร็อคโคที่เคยคว้าแชมป์ลีกเอิงกับ มงต์เปลลิเย่ร์ ในฤดูกาล 2011-12 ที่ นีซ ยืมตัวมาจาก ดินาโม เคียฟ ทีมดังจากรัสเซีย
นักเตะทั้ง 3 รายที่กล่าวมามีผลงานส่วนตัวที่ยอดเยี่ยมทั้งหมดจนทำให้ นีซ นำจ่าฝูงของ ลีก เอิง แบบสุดเซอร์ไพรส์ในฤดูกาลนี้ด้วยการทำแต้มเหนือมหาอำนาจลูกหนังเเดนน้ำหอมอย่าง ปารีส แซงต์ แชร์กแม็ง และ โมนาโก
นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ นีซ ทำเช่นนี้ ในฤดูกาล 2015-16 พวกเขาปลุกนักเตะที่โดนพรีเมียร์ลีกเล่นงานมาจนระบมอย่าง ฮาเต็ม เบน อาร์กฟา ให้กลับมาฮ็อตแบบสุดๆด้วยการยิง 18 ประตูจากการลงสนาม 34 นัด และจากฟอร์มดังกล่าวทำให้เขาถูก เปแอสเช ดึงตัวไปร่วมทีมในซัมเมอร์ที่ผ่านมา

 

3. สโต๊ค ซิตี้


นับตั้งแต่ช่างปั้นหม้อไต่เลื่อนชั้นขึ้นสู่พรีเมียร์ลีกได้พวกเขาก็ไม่เคยกลับลงไปอีกเลย
ในยุคแรกๆบนลีกสูงสุดภายใต้การทำทีมของ โทนี่ พูลิส สโต๊ค เป็นทีมที่มีความชัดเจนในแนวทางการเล่นอย่างที่สุด พวกเขาเล่นฟุตบอลไดเร็กที่หนักหน่วงเข้าปะทะแบบไม่กลัวเจ็บและอุดมไปด้วยนักเตะหลายๆคนที่เคยโดนทีมในพรีเมียร์ลีกทอดทิ้งอย่างไม่ใยดี


ไรอัน ชอว์ครอสส์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟเด็กสร้างของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด 

ที่แทบจะไม่ได้รับโอกาสลงเล่น และ พูลิส ซื้อตัวมาด้วยราคา 1 ล้านปอนด์ 

(เพิ่มเป็น 2 ล้านปอนด์ตามออพชั่นในอนาคต)ในปี 2008 แม้จะไม่ใช้เงินที่มากมายอะไรแต่ดีลดังกล่าวคือสถิติการซื้อตัวที่แพงที่สุดในประวัติศาสตร์ของสโมสร ณ เวลานั้นก่อนที่เขาจะกลายเป็นกัปตันทีมของช่างปั้นหม้อคนปัจจุบัน นอกจากนี้ยังมีนักเตะอย่าง เกล็น วีแลน อดีตเด็กปั้นของ แมนฯ ซิตี้ ที่สโต๊คดึงตัวมาในยุคสร้างทีมขณะที่ปัจจุบันเขารับตำแหน่งรองกัปตันทีมอยู่ในเวลานี้
อย่างไรก็ตามยังมีดาวเด่นอีกหลายรายที่พวกเขาช่วยทำให้นักเตะเหล่านั้นกลับมามีผลงานที่ยอดเยี่ยมอีกครั้งในถิ่น บริตาเนีย สเตเดี้ยม ไม่ว่าจะเป็น ลอรี่ ดีแลป เสือเฒ่าจอมทุ่มไกลที่ดึงมาจากซันเดอร์แลนด์ 2 ปีกผู้ดีตกยากอย่าง เจเมน เพนเเนนท์ ดาวรุ่งที่ อาร์เซน่อลไม่เอา และ แมทธิว เอเธอริงตัน ปีกซ้ายตัวสำรองจากเวสต์แฮม ที่ล้วนเป็นนักเตะตัวหลักของทีมทั้งนั้น
เรียกได้ว่าแม้ผลงานของ สโต๊ค จะไม่ได้โดดเด่นจนถึงขั้นคว้ารางวัลมาประดับสโมสรแต่เพราะนักเตะเเละสไตล์การเล่นที่ได้กล่าวมาทำให้หลายครั้ง สโต๊ค มักจะโดนแซวตามมุกของฝรั่งว่า "ถ้าคุณคิดว่าคุณเจ๋งพอลองไปเจอกับสโต๊คในค่ำคืนที่เหน็บหนาวดูสิ" (มักจะได้เห็นบ่อยๆยามที่ บาร์เซโลน่า โชว์ฟอร์มไล่ถล่มทีมอื่นๆ)
ปัจจุบันแนวทางของสโต๊คยังคงชัดเจนแม้จะเปลี่ยนกุนซือเป็น มาร์ค ฮิวจ์ ก็ตาม พวกเขายังชื่นชอบที่จะปลุกเสกนักเตะที่ไปดับกับทีมใหญ่เสมอๆ ไม่ว่าจะเป็น เกล็น จอห์นสัน,ชาร์ลี อดัม,ปีเตอร์ เคร้าช์ และ โจ อัลเล่น จากลิเวอร์พูล นอกจากนี้ยังมีนักเตะอย่าง มาร์ค มูเนียซ่า,เซอร์ดาน ชากีรี่,โบยาน เกอร์คิช,มาร์โก อเนาโตวิช ที่ล้วนเเล้วกลับมาเกิดใหม่ภายใต้สีเสื้อของสโต๊คแทบทั้งสิ้น

 

 

4. เซลต้า บีโก้


หากพูดถึงดาวยิงชาวสเปนในเวลานี้คงไม่มีใครฮ็อตเกิน ยาโก้ อาสปาส 

ดาวยิงที่แฟนบอล เซลต้า บีโก้ เทใจให้อย่างหมดหน้าตัก
เซลต้า สร้าง อาสปาส ขึ้นมากับมือและเจ้าตัวก็ฮ็อตสุดๆด้วยการซัดไป 37 ประตูจาก 2 ฤดูกาล (2011-12,2012-13) ก่อนจะถูก ลิเวอร์พูล ซื้อตัวไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 9 ล้านปอนด์โดยหมายมั่นปั้นมือว่าดาวยิงรายนี้จะทดแทนการขาดหายไปของ หลุยส์ ซัวเรส ดาวยิงตัวเก่งที่ย้ายไปอยู่กับ บาร์เซโลน่า
ผลงานบนแผ่นดินอังกฤษของ อาสปาส เละไม่เป็นท่า อย่าว่าเเต่ยิงประตูเลยดีกว่าเพราะเขามีโอกาสได้ลงสนามในเกมลีกให้กับ หงส์เเดง เพียง 14 เกมเท่านั้น จนเขาต้องโดนโละกลับสเปนให้ เซบีญ่า ในปี 2014 ทว่าผลงานของเขายังไม่ดีขึ้นจนต้องซมซานกลับสู่บ้านเก่าอย่าง เซลต้า บีโก้ อีกครั้งในฤดูกาลต่อมา
เมื่อกลับสู่ถิ่นเก่าที่คุ้นเคย อาสปาส กลับมาระเบิดฟอร์มอีกครั้ง ในระยะเวลาเพียง 18 เดือนกับ เซลต้า เขาซัดไปแล้ว 31 ประตู ส่วนดาวยิงคู่หูของเขาไม่ใช่ใครอื่นนั้นคือ จอห์น กุยเด็ตติ กองหน้าดาวรุ่งที่แมนฯ ซิตี้ ส่งยืมตัวไปจนทั่วยุโรปที่ เซลต้า สอยมาร่วมทีมแบบฟรีๆในซัมเมอร์ปี 2015 ก่อนที่ทั้งคู่จะกลายเป็น 2 ตัวอันตรายของ เซลต้า จนถึงทุกวันนี้
กุยเด็ตติ พูดถึง อาสปาส ดาวยิงผู้พบชะตากรรมตกอับในพรีเมียร์ลีกเหมือนกับเขาว่า "ผมรู้จัก ยาโก้ อาสปาส เป็นอย่างดี การย้ายมาอยู่กับ เซลต้า อีกหนสำหรับเขามันเป็นเรื่องที่ยอดเยี่ยมที่สุด...หน้าที่ของผมคือการยิงประตูผมเชื่อมั่นในตัวเองและผมทุ่มเทเกินร้อยเสมอมา"... 2 ยกระดับ เซลต้า ได้อย่างน่าชื่นชมตอนนี้พวกเขาไม่ใช่หมูให้ใครเคี้ยว ขนาด บาร์เซโลน่า ที่ว่าแน่ๆยังพ่าย เซลต้า มาเเล้วถึง 2 ปีติดต่อกัน
นอกจาก อาสปาส เเล้ว เซลต้า ยังเป็นทีมที่ปลุกดาวรุ่งที่โดน บาร์เซโลน่า เมินอย่าง อันเดร ฟอนตาส,ราฟินญ่า(ยืมตัว) และ โนลิโต้ ให้กลายมาเป็นตัวหลักในถิ่น เอสตาดิโอ เด บาไลดอส โดยเฉพาะในรายของ โนลิโต้ ที่โชว์ฟอร์มได้อย่างไร้ที่ติจนเข้าตา แมนฯ ซิตี้ ที่มี เป็ป กวาร์ดิโอล่า อดีตนายเก่าของคุมทีมอยู่ซื้อไปร่วมทีมด้วยค่าตัว 15 ล้านปอนด์ในซัมเมอร์ที่ผ่านมา

 

5. เวสต์บรอมฯ


การรวมกลุ่มของนักเตะที่หลายทีมไม่ต้องการกำลังเป็นส่วนประกอบที่ทำให้ เดอะ แบ็กกี้ส์ 

บินสูงถึงอันดับ 8 ของศึกพรีเมียร์ลีกได้อย่างเซอร์ไพรส์ในเวลานี้
เวสต์บรอม อุดมไปด้วยนักเตะเกรดบีที่โดนทีมใหญ่โละมาหลายๆรายไม่ว่าจะเป็น จอนนี่ อีแวนส์,ดาร์เรน เฟล็ทเชอร์,เบน ฟอสเตอร์ จาก แมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด นาเซอร์ ชาดลี่ ที่ต้องกลายเป็นตัวสำรองอดทนในทีม สเปอร์ส ของ เมาริซิโอ โปเช็ตติโน่ ที่กำลังผลัดใบสู่ยุคสมัยใหม่

นักเตะที่ได้กล่าวมาทั้งหมดกำลังรับบทบาทที่พวกเขาไม่เคยได้รับนั่นคือนักเตะ "คนสำคัญของทีม" 

ที่ โทนี่ พูลิส กุนซือของ เวสต์บรอม ได้มอบให้กับพวกเขาทั้งหลาย โดยเฉพาะในรายของ 

เฟล็ทเชอร์ มิดฟิลด์ที่คว้าความสำเร็จในอดีตมามากมายที่ได้รับสิทธิ์ให้สวมปลอกเเขนกัปตันทีม

ตั้งแต่ปีแรกที่เขาย้ายมาค้าแข้งในถิ่น เดอะ ฮอว์ธอร์น

"ผมมอบตำแหน่งกัปตันทีมให้กับ ดาร์เรน เพราะว่าผมเห็นว่าเขาเป็นนักเตะที่มีประสบการณ์ที่

สูงที่สุดคนหนึ่ง และการตัดสินใจของผมก็คิดถูกเขาได้ทำให้ทีมของเรามีผลงานการเล่นที่ดีขึ้นและยังทำให้เรากลายเป็นทีมที่แข็งแกร่งมากกว่าเดิมอีกด้วย" พูลิส กล่าวชมกัปตันคนโปรดอย่างไม่ขาดปาก
ขณะที่ นาเซอร์ ชาดลี่ ก็ยอมรับว่าช่วงเวลาปีสุดท้ายของเขากับ สเปอร์ส เป็นดั่งขุมนรก เขาได้ออกสตาร์ทเป็นตัวจริงแค่ 10 เกมเท่านั้นก่อนจะหลุดจากรายชื่อ 23 นักเตะของทีมชาติเบลเยี่ยมชุดลุยศึกยูโร 2016 ไปอย่างเจ็บปวด และเผยว่าเขาเลือกย้ายมาอยู่กับ เวสต์บรอมฯ ก็เป็นเพราะเหตุผลของฟุตบอลล้วนๆ
"หลายคนสงสัยว่าทำไมผมถึงย้ายมาที่นี่? ผมเลือก เวสต์บรอมฯ เพราะที่แห่งนี้เหมือนครอบครัว ทุกคนให้ความเคารพและดูแลผมเป็นอย่างดี จริงๆผมจะย้ายไปเล่นในลีกจีนหรือรัสเซียก็ได้แต่การได้ลงสนามคือทางเลือกของผมเสมอ" ชาดลี่ แสดงให้เห็นว่าเขารักที่จะลงเล่นฟุตบอลมากแค่ไหน .. ณ เวลานี้เขาซัดไป 4 ประตูจากการลงสนามทั้งหมด 13 นัด และเชื่อว่ามันจะไม่หยุดแค่นี้อย่างแน่นอน

 

6. เลสเตอร์ ซิตี้


นี่คือสโมสรที่เป็นทอล์ค ออฟ เดอะ ทาวน์ ในปี 2016 ที่ผ่านมา 

และทีมแห่งปาฎิหาริย์ทีมนี้เต็มไปด้วยเหล่านักเตะที่ถูกมองข้ามอยู่เต็มไปหมด
จริงอยู่ที่หลายคนจะยกย่องว่าแชมป์พรีเมียร์ลีกของ เลสเตอร์ มาจากฟอร์มการเล่นของดาวเตะอย่าง ริยาร์ด มาห์เรซ,เจมี่ วาร์ดี้ และ เอ็นโกโล่ ก็องเต้ แต่แท้จริงแล้วสิ่งที่ทำให้ จิ้งจอกสยาม ประสบความสำเร็จในฤดูกาลทีผ่านมามันคือความมุ่งมั่นที่ เคลาดิโอ รานิเอรี่ ส่งมอบไปถึงลูกทีมของเขาต่างหาก
ย้อนกลับไปครั้งแรกที่ รานิเอรี่ ถูกแต่งตั้งให้เป็นกุนซือของเลสเตอร์ในซัมเมอร์มี 2015 ล้วนมีแต่เสียงยี้ด้วยดีกรีความล้มเหลวในอดีตมากมายโดยเฉพาะการคุมทีมล่าสุดของเขากับทีมชาติ กรีซ อดีตแชมป์ยูโร 2004 ที่เขาโดนไล่ออกทั้งที่คุมทีมยังไม่ถึง 1 ปีด้วยซ้ำ เห็นได้ชัดว่าแค่กุนซือของทีมก็ถือว่าเป็นคนที่โดนมองข้ามมาตลอด
อย่างไรก็ตามขุมกำลังของเลสเตอร์ที่ประกอบไปด้วยอย่าง แดนนี่ ดริ๊งค์วอเตอร์ มิดฟิลด์เด็กปั้นของแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด ที่ไม่เคยลงเล่นให้กับ ปีศาจเเดง แม้แต่เกมเดียว , เวส มอร์แกน เซ็นเตอร์ฮาล์ฟกัปตันทีมที่ต้องรอจนถึงอายุ 30 กว่าจะได้เล่นเกมลีกสูงสุดเป็นครั้งแรก เเดนนี่ ซิมพ์สัน อีกหนึ่งนักเตะเยาวชนของ ปีศาจเเดง ที่ตกอับต้องเป็นแบ็คพเนจรอยู่หลายปี, แคสเปอร์ ชไมเคิล ผู้อยู่ใต้ร่มเงาของ ปีเตอร์ ชไมเคิล ผู้เป็นพ่อและพ่ายแพ้ต่อการแย่งตำแหน่งมือ 1 เมื่อครั้งที่เขายังอยู่กับ แมนฯ ซิตี้ ให้กับ โจ ฮาร์ท จนต้องถอยลงมาเล่นในลีกรองอยู่หลายปีกว่าจะประสบความสำเร็จ นั่นอาจจะรวมถึงอีกหลายๆคนอย่าง มาร์ค อัลไบรท์ตัน อดีตนักเตะของ แอสตัน วิลล่า และ คริสเตียน ฟุคส์ กองหลังตกยุคจากศึกบุนเดสลีกา ... นี่แค่ส่วนหนึ่งเท่านั้นและมันเป็นเหตุผลที่ว่าทำไม เลสเตอร์ จึงเป็นทีมที่เปี่ยมไปด้วยความมุ่งมั่นจนสร้างประวัติศาสตร์ให้โลกลูกหนังได้
หากไร้ซึ่งแม่ทัพใหญ่ที่พร้อมจะนำทุกคนเดินหน้าไปอย่างถูกทางก็แทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่เหล่านักเตะผู้ถูกหมางเมินเหล่านี้จะสร้างตำนานได้ รานิเอรี่ ปรับกลยุทธ์ของทีมเขาอย่างเหมาะสมและยอมรับว่าลูกทีมเขาไม่ใช่นักเตะที่เปี่ยมไปด้วยทคนิคที่เหนือชั้นและนั้นคือเหตุผลที่เขาต้องทุ่มเทอย่างเต็มที่เพื่อสร้างทีมที่ลงตัว
"ผมขอย้ำว่าถ้าลูกทีมของผมไม่รู้วิธีว่าจะเก็บบอลยังไง ทำไมเราต้องฆ่าตัวตายด้วยการให้ลูกทีมของผมครองบอลเพื่อเสี่ยงจะเสียประตูด้วยล่ะ? ถ้าผมมีลูกทีมที่สามารถครองบอลได้ผมก็เล่นแบบครองบอลไปนานแล้ว แต่นี่เปล่าเลย" ทิงเกอร์แมนยอมรับแบบซึ่งๆหน้าก่อนจะปิดท้ายแบบกินใจว่า "ถ้าคุณทุ่มเททุกสิ่งทุกอย่างในทุกๆเกม ผมก็จะพูดแทคติกกับคุณแค่นิดเดียวพอ" ... ไม่น่าเชื่อว่ากลยุทธ์ง่ายๆแบบนี้จะทรงประสิทธิภาพอย่างคาดไม่ถึง

 

7. แอธเลติก บิลเบา


ด้วยนโยบายการทำทีมที่แตกต่างจากทีมอื่นๆด้วยการใช้นักเตะที่มีเชื้อสาย "บาสก์" เท่านั้น

ทำให้ บิลเบา มีตัวเลือกในการซื้อตัวที่ไม่มากนักแต่บ่อยครั้งที่การจ่ายของพวกเขา

นั้นมันเเสดงผลออกมาอย่างคุ้มค่า
ไล่มาตั้งแต่อดีตดาวยิงของพวกเขาอย่าง อิสมาเอล อูร์ซาอิซ ที่ซื้อมาจาก เอสปันญอล ในปี 1996 ด้วยสถิติการยิงประตูที่ไม่น่าเชื่อถือเท่าไรนักเพราะนับตั้งแต่ อูร์ซาอิซ ยิงได้แค่ 31 ประตูจากการลงสนามตลอด 6 ฤดูกาลที่ผ่านมา ทว่าผลงานของเขาในถิ่น ซาน มาเมส นั้นต่างออกไป อูซาอิซ คือ 1 ในตำนานดาวยิงของ บิลเบา เขายิงประตูไป 116 ลูกจากการลงเล่น 367 นัด นอกจากนี้ยังมีโอกาสได้เล่นให้กับทีมชาติสเปนชุดใหญ่ทั้งหมด 25 นัด

หลังจากนั้นยังมีนักเตะอีกหลายรายที่ บิลเบา นำมาปัดฝุ่นจนกลายเป็นนักเตะตัวหลักของทีมอาทิ กอร์ก้า อิไรซอซ นายทวารลูกหม้อของทีมที่ย้ายออกไปหาประสบการณ์กับทีมอื่นๆอย่าง เกอร์นิก้า,เอสปันญอล และ เออิบาร์ รวมเป็นเวลา 5 ปีแต่ไม่ประสบความสำเร็จก่อนที่ บิลเบา จะดึงตัวกลับมาในปี 2007 และกลายเป็นมือกาวคนสำคัญที่สวมปลอกแขนกัปตันทีมลงสนามให้ บิลเบา ไปถึง 306 นัดและถึงแม้ไม่เคยได้แชมปฺแต่เขาก็พา บิลเบา เขาใกล้ควาสำเร็จด้วยการเป็นรองแชมปฺ ยูโรป้า ลีก 1 สมัยและรองแชมป์ โคป้า เดล เรย์อีก 3 สมัย เช่นเดียวกับ มิเกล ซาน โฮเซ่ อดีตเด็กปั้นของพวกเขาเองที่ถูกลิเวอร์พูลดึงตัวไปร่วมทีมก็ไม่ได้ลงสนามให้กับทีมชุดใหญ่แม้แต่เกมเดียวจนต้องซมซานกลับมาอยู่กับ บิลเบา ก่อนจะได้ดิบได้ดีและติดทีมชาติสเปนชุดใหญ่ไปแล้ว 7 นัด

ที่จะลืมไปไม่ได้เลยคือ 2 จอมเก๋าของทีมในเวลานี้อย่าง ราอูล การ์เซีย มิดฟิลด์จาก แอตเลติโก มาดริด ทีเจ้าตัวประกาศขอขึ้นบัญชีขายด้วยตนเอง ด้วยค่าตัว 8 ล้านยูโร ส่วนรายสุดท้ายคือพระเอกของงานได้แก่ อาริตซ์ อาดูริซ ดาวยิงเสือเฒ่า 9 ชีวิตที่เติบโตมากับระบบเยาวชนของ แอธเลติก บิลเบา ตั้งแต่ช่วงปลายยุค 90 ก่อนที่เขาจะเป็นดาวยิงพเนจรค้าเเข้งให้กับหลายๆสโมสรไม่ว่าจะเป็น เบอร์กอส , เรอัล บายาโดลิด , เรอัล มาร์ยอก้า และ บาเลนเซีย จนกระทั่งถึงปลายทางชีวิตค้าเเข้งเขาก็กลับมาเล่นให้กับ บิลเบา อีกครั้งในปี 2012
หลังจากนั้นเขากลายเป็นเจ้าประจำที่มักจะมีชื่อบนสกอร์บอร์ดอยู่เสมอ สถิติ 134 ประตูจากการลงเล่นทั้งหมด 299 นัดคงช่วยยืนยันได้เป็นอย่างดี และในวัย 35 ปีเขายังร้อนแรงไม่เปลี่ยนจนถูกเรียกติดทีมชาติสเปนชุดลุยศึกยูโร 2016 และลากยากจนมาถึงเวลานี้อีกด้วย

 

8. ยูเวนตุส
ในเเง่ความยิ่งใหญ่ไม่มีใครกล้าสงสัยแน่นอนสำหรับยอดทีมเเดนรองเท้าบู้ตอย่าง ยูเวนตุส 

แต่อีกสิ่งหนึ่งที่น่าชื่นชมคือการเลือกนักเตะมาร่วมทีมอย่างตาแหลมแบบสุดๆ
ไอ้ม้าลายขยับตัวในแต่ละซัมเมอร์ด้วยความสุขุมและรอบคอบเสมอ พวกเขาได้ตัว อันเดรีย ปิร์โล่ 

สุดยอดเรจิสต้าแห่งวงการฟุตบอลที่ มิลาน อดีตต้นสังกัดของเขามองว่าเขาแก่เกินไป

สำหรับฟุตบอลระดับท็อป

"ผมย้ายออกจาก เอซี มิลาน เพราะพวกเขาไม่ต้องการผมอีกต่อไป 

ผมแค่ต้องการจะพิสูจน์ให้เห็นว่า ผมยังสามารถเล่นในระดับสูงได้ 

และนั่นคือสิ่งที่ผมได้แสดงออกมาให้ทุกคนได้เห็น" ปิร์โล่ เปิดใจถึงเหตุการณ์เมือครั้งอดีต

ก่อนจะตอกย้ำคำพูดของตัวเขาเองด้วยการฟาดแชมป์สคูเด็ตโต้กับยูเวนตุส 4 สมัย,โคปา อิตาเลีย 1 สมัย และ ซูเปอร์โคปาอีก 2 สมัย
ไม่ใช่แค่แฟนบอล มิลาน เท่านั้นที่เสียดายจอมทัพรายนี้ อาเดรียโน่ กัลเลียนี่ รองประธานสโมสรของปีศาจเเดงดำก็ยังกล่าวโทษตัวเองที่ปล่อย ปิร์โล่ ออกจากทีมจนถึงทุกวันนี้ "การปล่อย ปิร์โล่ ให้หลุดมือไปคือความผิดพลาดครั้งที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในชีวิตของผม" ท่ารองเผยอย่างเจ็บใจ
นอกจาก ปิร์โล่ ที่ ยูเว่ รีดศักยภาพออกมาได้คุ้มค่าแล้วยังมี ปาตริซ เอฟร่า แบ็คหมดไฟจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ด้วยราคาแค่ 1 ล้านปอนด์แต่กลับกลายเป็นตัวหลักของ ยูเว่ และคว้าแชมป์ลีก 2 ปีซ้อน เช่นเดียวกับ อันเดรีย บาซาญี่ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟที่ดึงตัวมาจาก โวล์ฟสบวร์ก ด้วยราคาแค่ 3 แสนปอนด์ และเขากลาย 1 ใน 3 เซ็นเตอร์จอมเเกร่งร่วมกับ จอร์โจ้ คิเอลลินี่ และ เลโอนาร์โด้ โบนุชชี่ ... เท่านั้นยังไม่พอ อัลบาโร่ โมราต้า กองหน้าดาวรุ่งจากที่แทบหาโอกาสลงสนามกับ เรอัล มาดริด ไม่ได้จนถูก ยูเว่ เซ้งมาในราคา 20 ล้านยูโรก่อนเจ้าตัวจะระเบิดฟอร์มซัดไป 27 ประตูจาก 2 ฤดูกาลให้ต้นสังกัดใหม่และกลายเป็น 1 ในขุนพลทีมชาติสเปนชุดลุยศึกยูโร 2016 อีกด้วย ... ตอนนี้ มาดริด ใช้ออพชั่นซื้อตัว โมราต้า กลับถิ่น ซานติอาโก้ เบอร์นาเบว ไปแล้วในซัมเมอร์ที่ผ่านมาและ ยูเวนตุส ก็ฟันกำไรไปเหนาะๆจากดีลนี้ไป 10 ล้านยูโร
เรายังสามารถรวม ปอล ป็อกบา ที่พวกเขาได้มาฟรีๆจาก แมนฯ ยูไนเต็ด ก่อนขายคืนให้ ปีศาจเเดง ด้วยค่าตัวเป็นสถิติโลก 89 ล้านปอนด์ แม้ว่าช่วงที่ป็อกบาย้ายมาอยู่กับ ยูเว่ จะเป็นช่วงเวลาที่เขายังเด็กมากก็ตามแต่นั่นก็ถือว่าเป็นการปลุกศักยภาพนักเตะดาวรุ่งโดนเมินให้กลายเป็นนักเตะเวิร์ลคลาสได้ในเวลาไม่กี่ปี เช่นเดียวกันกับ ซามี่ เคห์ดิร่า ที่ทนทุกข์ทรมาณในช่วงเวลาที่เขาเป็นนักเตะของ เรอัล มาดริด ก่อนที่ ยูเวนตุส จะสอยมาแบบฟรีๆแลกลายเป็นนักเตะคนสำคัญทั้งในสโมสรและในทีมชาติเยอรมันในเวลานี้

 

9. คริสตัล พาเลซ

คริสตัล พาเลซ คือทีมรองแชมป์ เอฟเอ คัพ ในฤดูกาลที่เเล้ว ... และขุมกำลังชุดดังกล่าวของพวกเขาล้วนมาจากการปลุกผีของอลัน พาร์ดิว ทั้งสิ้น
นักเตะหลายๆรายของ พาเลซ ล้วนผ่านการใช้งานจากหลายๆทีมมาก่อนแทบจะทั้งนั้นอาทิ ดาเมี่ยน เดลานี่ย์ เซ็นเตอร์ฮาล์ฟตัวเก๋าที่ผ่านงานมากว่า 7 สโมสร , มาร์ติน เคลลี่ กองหลังดาวรุ่งเด็กปั้นของลิเวอร์พูลผู้ถูกเลหลัง
ในแผงมิดฟิลด์นำโดย โยฮัน กาบาย จอมทัพผู้ตกสวรรค์จาก เปแอสเช , วิลฟรีด ซาฮา นักเตะเยาวชนของ พาเลซ เองที่ถูก แมนฯ ยูไนเต็ด ซื้อตัวไปร่วมทีมแต่สุดท้ายก็ไปไม่รอดจนต้องซมซานกลับถิ่นเก่า,บาการี่ ซาโก้ ปีกที่ได้มาจากทีมในลีกรองอย่าง วูล์ฟแฮมป์ตัน แบบฟรีๆ เช่นเดียวกับ ยานนิค โบลาซี่ อีกนักเตะที่ดึงมาจากลีกรองอย่าง บริสตอล ซิตี้ และ พาเลซ ก็ฟันกำไรด้วยการขายเขาให้กับ เอฟเวอร์ตัน ในซัมเมอร๋ที่ผ่านมาด้วยค่าตัวกว่า 25 ล้านปอนด์ นอกจากนี้ยังมีดาวยิงจอมพเนจรอย่าง เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ ที่เข้ามายิงประตูช่วยทีมไว้ได้ในหลายๆเกม จน ปราสาทเรือนเเก้ว มีผลงานที่ถูกยกย่องในฤดูกาลทีผ่านมา
พาร์ดิว ให้สัมภาษณ์ถึงความภูมิใจที่เขามีต่อลูกทีมทุกคนที่สู้กับทีมที่มีทุนมากกว่าอย่าง แมนฯ ยูไนเต็ด ในนัดชิง เอฟเอ คัพ ได้อย่างสมศักดิ์ศรี "นักเตะทุกคนของผมทุ่มเทอย่างเต็มที่เเล้ว พวกให้ทุกอย่างที่มีใส่ลงไปในเกมและเราแพ้อย่างมีเกียรติ"
ตอนนี้ พาเลซ กำลังปลุกปั้นอีกหนึ่งเเข้งดับให้กลับมาเกิดอีกครั้งกับดาวยิงตกอับผู้ต้องหลีกทางให้กับระบบ เกเก้น เพรสซิ่ง อย่าง คริสเตียน เบนเตเก้ ที่พวกเขาทุ่มซื้อมาจากลิเวอร์พูลด้วยราคาสถิติสโมสร และดูเหมือนว่าดาวยิงชาวเบลเยี่ยมกำลังพร้อมกลับสู่ฟอร์มเดิมสมัยสร้างชื่อกับ แอสตัน วิลล่า อีกครั้ง ปัจจุบันเขาซัดไปแล้ว 8 ประตูจากครึ่งทางของพรีเมียร์ลีกซีซั่นนี้ ... ภายใต้การคุมทีมของ แซม อัลลาร์ไดซ์ กุนซือผู้ช่ำชองในการเล่นฟุตบอลโบราณเชื่อว่า เบนเตเก้ คงไม่หยุดประตูของเขาไว้ที่แค่นี้แน่นอน

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 

 


Credit : fourfourtwo

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์