นิวส์ ซีดาน






src=http://sport.teenee.com/sport/img4/m186627.jpg

นับตั้งแต่ซีเนอดีน ซีดาน แขวนสตั๊ด ดูเหมือนแข้งจากแดนน้ำหอมหลายราย จะถูกยกย่องให้เป็นนิว ซิซู หรือทายาทซีดานหลายต่อหลายคน ซึ่งซาเมียร์ นาสรี ก็เป็น 1 ในนั้น

แม้ตำแหน่งในสนาม หนุ่มน้อยวัย 21 จะเล่นได้ทั้งตำแหน่งมิดฟิลด์ตัวรุก และปีกซ้าย แต่ที่เหมือนกันสุดๆ คือพื้นเพความเป็นมา

ครอบครัวของนาสรีอพยพจากแอลจีเรียมาอยู่ในฝรั่งเศส และให้กำเนิดเจ้าหนูซาเมียร์ที่ลา กาวอตต์ เปย์เร่ต์ เมืองเล็กๆ ทางตอนเหนือของมาร์กเซย มื่อวันที่ มิถุนายน ค.ศ. 1987

เฉกเช่นซีดานที่เกิดและเติบโตที่มาร์กเซย หลังจากพ่อและแม่อพยพจากแอลจีเรียมาปักหลักในแดนน้ำหอม ต่างกันนิดตรงที่พี่ซิซูแกไม่เคยเล่นให้โอแอ็มเลย 

ขณะที่นาสรี เป็นเด็กสร้างของทีมเยาวชนมาร์กเซยตั้งแต่ปี 2000-04 ก่อนจะก้าวมาเล่นให้ทีมชุดใหญ่ของโอแอ็มในปี 2004-08

ซาเมียร์ชอบฟุตบอลตั้งแต่จำความได้ เขาก็เหมือนเด็กยากไร้คนอื่นๆ ที่เล่นฟุตบอลตามท้องถนน และเข้าร่วมแก๊งอันธพาลลูกหนังที่ก่อเหตุิวิวาทไปทั่ว 

จนในที่สุด พ่อของเขากลัวลูกจะเสียคน จึงได้จับส่งไปสังกัดสโมสรสมัครเล่นเล็กๆ อย่าง แปนส์ มิราโบ ตั้งแต่อายุ 8ขวบ ก่อนที่จะถูกแมวมองของโอแอ็มค้นพบในที่สุด

นาสรีเริ่มต้นเล่นให้ทีมเยาวชนโอแอ็มตั้งแต่ 9 ขวบ เขาก้าวขึ้นมาเล่นให้ชุดใหญ่ในฤดูกาล 2004-05 ในวัย 17 ปี

หนุ่มน้อยเชื้อสายแอลจีเรียได้ลงเล่นเป็นตัวจริง 13 นัด และเป็นสำรองอีก 11 นัด โดยยิงไป 1 ประตู ซี่งถือเป็นผลงานการเริ่มต้นที่ไม่เลว ปีต่อมา เจ้าหนูซาเมียร์เก็บเกี่ยวประสบการณ์เพิ่มจากถ้วยยูฟ่า คัพ และอินเตอร์โตโต้ คัพ

จากนั้นในซีซั่น 2006-07 ซาเมียร์ นาสรี ยิงประตูที่่สำคัญมากของตัวเองในเกมที่ถล่มโซโชซ์ 4-2 เมื่อวันที่ 29 เม.ย. 2007

ชัยชนะนัดนี้ทำให้มาร์กเซยคว้าอันดับ 4 ของตารางไปครองแน่นอนแล้ว ทั้งที่เหลืออีก 4 เกมกว่าจะจบฤดูกาล ทำให้พวกเขาได้สิทธิ์ไปเล่นยูฟ่า คัพรอบคัดเลือกรอบ3 ได้

แต่น่าเสียดายที่มาร์กเซยเจออาถรรพ์บอลถ้วยเล่นงาน เมื่อต้องพ่ายต่อปารีส แซงต์ แชร์กแมง ในนัดชิงปี2006 ก่อนจะอกหักต่อเนื่องในการพ่ายโซโชซ์ในนัดชิงฤดูกาลต่อมา

เมื่อวันที่ 20 พ.ค. 2007 นาสรีได้รับเลือกให้เป็นนักเตะดาวรุ่งยอดเยี่ยมประจำปีของลีกเอิง แซงคู่แข่งสำคัญอย่าง จิมมี่ ไบรอันด์ และคาริม เบนเซม่าไปได้

นอกจากนี้ แฟนบอลโอแอ็มยังโหวตให้เขาเป็นนักเตะยอดเยี่ยมของสโมสรในปีนั้น ด้วยคะแนนเสียงท่วมท้นอีกกว่า 62 เปอร์เซ็นต์ด้วย 

และชื่อเสียงของ นิว ซิซู ผู้นี้ก็พุ่งแรงแบบฉุดไม่อยู่ จากความสำเร็จที่เกิดขึ้น รวมทั้งจากความสามารถในเชิงลูกหนังของตัวเขาเอง โดยเฉพาะการเลี้ยงหลบคู่ต่อสู้ ที่ทำได้เนียนตา ไม่แพ้มิดฟิลด์หัวไข่ดาวเจ้าของต้นตำรับ

ผลงานยอดเยี่ยมแบบนี้ ทำให้หลายสโมสรในยุโรปรุมจีบซาเมียร์ นาสรี เป็นทิวแถว โดยมีอาร์เซน่อล ยอดทีมแห่งพรีเมียร์ลีกอังกฤษ ที่ติดต่อเจรจาอย่างจริงจังมาตลอด 

สุดท้ายเดอะ กันเนอร์ส ก็ปาดหน้าลิเวอร์พูล และอีกหลายๆ ทีมร่วมทวีป จัดการเซ็นสัญญาคว้าตัวเพชรเม็ดงามจากฝรั่งเศสผู้นี้มาร่วมสังกัดได้ด้วยค่าตัว 12 ล้านปอนด์ (ราว 780 ล้านบาท)เมื่อวันที่ 11ก.ค.2008 โดยเจ้าตัวเซ็นสัญญายาว 4 ปี กับอาร์เซน่อลซึ่งมีมูลค่าทั้งหมดร่วม 12.7 ล้านปอนด์ 

เขาได้ประเดิมสนามให้ปืนโตนัดแรกในเกมอุ่นเครื่องกับสตุ๊ตการ์ท เมื่อวันที่ 30 ก.ค.2008 โดยได้ลงเล่น 60 นาที

ส่วนเกมพรีเมียร์ลีกนั้น ซาเมียร์สร้างความประทับใจให้สาวกกันเนอร์สทันที เมื่อยิงประตูได้ในเกมแรกที่ลงสนาม นัดเปิดฤดูกาลที่เจอกับเวสต์บรอมวิช อัลเบี้ยนเมื่อวันที่ 16 ส.ค. 2008 ทั้งที่เกมเพิ่งผ่านไปได้แค่ 4 นาที

แม้จะยังไม่มีการยืนยันสถิติจากอาร์เซน่อล แต่เชื่อว่าประตูนี้น่าจะเป็นการทำสกอร์ที่เร็วที่สุด สำหรับนักเตะใหม่ที่เพิ่งลงเล่นให้ทีมปืนใหญ่

เมื่อวันที่ 27 ส.ค.ปีก่อน นาสรีได้ประเดิมลงสนามในเกมยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ลีกครั้งแรกในชีวิต ในรอบคัดเลือกรอบ 3 นัดสองกับเอฟซี ทเวนเต้ ทีมจากฮอลแลนด์

และเจ้าหนูซาเมียร์ก็สร้างปรากฏการณ์อีก ด้วยการส่องประตูในนาทีที่ 26 ซึ่งถือเป็นการพังประตูในชปล.ตั้งแต่เกมแรกที่ลงเล่น เหมือนกับที่เจ้าตัวเพิ่งทำในพรีเมียร์ลีกมาหยกๆ

เท่านั้นไม่พอ แฟนกันเนอร์สยังรีบรับซาเมียร์ นาสรี มาไว้ในอ้อมใจทันที หลังจากที่เขายิง 2 ประตู ช่วยให้อาร์เซน่อลกำราบแมนเชสเตอร์ ยูไนเต็ด คู่ปรับสำคัญไปได้ 2-1 เมื่อวันที่ 8 พ.ย.2008ด้วย

อาร์แซน เวนเกอร์ กุนซือปืนโตออกมายกย่องว่าเขามีลักษณะคล้ายกับโรแบร์ ปิแรส อดีตปีกคนเก่งของอาร์เซนอลเพราะมีความเร็ว มีเทคนิคการเล่นที่ยอดเยี่ยม มีสายตาเฉียบขาดเหมือนกัน

เมื่อผลงานในระดับสโมสรพุ่งกระฉุด ก็เป็นที่แน่นอนว่า ทีมชาติฝรั่งเศสได้เปิดประตูต้อนรับเขาอย่างไม่มีข้อแม้ ซึ่งเจ้าหนูนาสรี่ติดธงตราไก่มาตั้งแต่ชุดยู-16, 17, 18, 19 และ 21 แล้ว

เขาเคยร่วมคว้าแชมป์ยุโรปชุดยู17 กับทีมในปี 2004 โดยเป็นคนยิงประตูชัยในนัดชิงชนะเลิศมาแล้วด้วย

กระทั่งเมื่อวันที่ 28 มี.ค. 2007 นาสรีก็ได้รับโอกาสลงสนามให้ทีมชุดใหญ่ของเลส์ เบลอส์ เป็นนัดแรกในเกมอุ่นเครื่องที่เจอออสเตรีย ในวัย 19 ปี

และเขาก็ทำผลงานน่าประทับใจ ในการเปิดฟรีคิกไปหน้าประตูให้ คาริม เบนเซม่า หัวหอกเพื่อนร่วมชาติยิงประตูโทน ซึ่งทำให้ทีมเฉือนชนะออสเตรียไป 1-0

หลังจากรับใช้ีฝรั่งเศสชุดใหญ่ไป 3 นัด เขาก็มายิงประตูแรกในนามทีมชาติในเกมยูโร 2008 รอบคัดเลือกที่ชนะจอร์เจียได้ 1-0 เมื่อวันที่ 6 มิ.ย. 2007

ผลงานที่ดีต่อเนื่องทำให้นาสรีในวัย 20 ปี ได้รับโอกาสจากกุนซือเรย์มงด์ โดเมเน็ค เรียกติดธงตราไก่ชุดลุยยูโร 2008 

เขาเป็น 1 ในนักเตะวัยละอ่อนของฝรั่งเศส และถูกส่งลงสนามในฐานะตัวสำรอง 2 นัด ก่อนที่ขุนพลเลส์ เบลอส์ จะปิดฉากทัวร์นาเม้นท์นี้อย่างรวดเร็ว ด้วยการจอดป้ายแค่รอบแรก


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์