ขอนแก่นวิทยายน เข้าสู่ จุดดับ เหอ เหอ...

เรียน ศิษย์เก่า อดีตคณาจารย์ คณาจารย์ปัจจุบัน ผู้ปกครอง นักเรียนปัจจุบัน และทุกท่านที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน



จดหมายฉบับนี้เกิดจากความอัดอั้นตันใจมาหลายปีนับแต่นายวิชัย ศรีสัตย์รสนา (ต่อไปในจดหมายฉบับนี้จะเรียนว่า นายวิชัย) ได้รับตำแหน่งผู้อำนวยการโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน ในวาระแรกเริ่มนั้น กลิ่นคาวคละคลุ้งเกี่ยวกับเรื่องราวของนายวิชัยได้ส่งกลิ่นไปทั่วประชาคมขอนแก่นวิทยายน แต่นายวิชัยยังไม่ได้เริ่มปฏิบัติการอย่างเต็มรูปแบบในการทำลายสถาบันอันเป็นที่รักยิ่งของชาวว.ย. วันนี้เป็นเวลาเกือบ 2 ปีแล้วที่นายวิชัย ได้พยายามทุกวิถีทางเพื่อจะเซาะฐานรากของโรงเรียนให้อ่อนแอทั้งทางตรงและทางอ้อม เสมือนให้ยาพิษให้ตายลงอย่างช้าๆ ทั้งนี้เพื่อวัตถุประสงค์เดียวคือการกอบโกยเอาผลประโยชน์จากโรงเรียนแห่งนี้ให้ได้มากที่สุด โดยมิได้สนใจบรรดาบุคคลที่เกี่ยวข้องกับโรงเรียน หรือยี่ระต่ออนาคตของชาติ คือเด็กและเยาวชนที่ตั้งใจเข้ามาศึกษาในสถาบันที่ได้ชื่อว่าเป็น “อันดับ 1” ของภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ดังมีรายละเอียดการกระทำของนายวิชัย ดังต่อไปนี้



1.การวางฐานอำนาจเบื้องต้น

ภายหลังจากการพยายามวางฐานอำนาจให้กับตนเอง โดยการ lobby โยกย้ายผู้บริหารเดิมของโรงเรียนที่มีแนวโน้มจะขัดขวางการทุจริตและประพฤติมิชอบของตนออกไป และย้ายผู้บริหารบางส่วนที่เป็นแขนขาของตนเข้ามาในส่วนกำหนดนโยบายแล้ว ต่อมาเมื่อนายวิชัยแผ่อิทธิพลของตนในส่วนบริหารได้สำเร็จ ได้มีความพยายามในการสร้างฐานอำนาจของตนโดยใช้ครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นแขนขาให้กับตนเอง ดังนี้

1.1 มีการโยกย้ายบุคลากรที่มีความประสงค์ขอย้ายเข้ามาอยู่ในเขตอำเภอเมืองอยู่แล้ว ให้เข้ามาในโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน โดยเป็นลูกน้องหรือสมัครพรรคพวกของนายวิชัยสมัยที่นายวิชัยดำรงตำแหน่งรองผู้อำนวยการและผู้อำนวยการโรงเรียนเหล่านั้น แต่เป็นลักษณะการโยกย้ายที่มีผลประโยชน์ตอบแทน กล่าวคือ ให้ข้าราชการครูเหล่านั้นจ่ายค่าดำเนินการโยกย้ายหรือที่เรียกว่า “ยัดเงิน” เพื่อให้การดำเนินการโยกย้ายสะดวกและรวดเร็วมากขึ้น

1.2 ข้าราชการครูของโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนที่มีอยู่เดิม บางส่วนที่เกรงกลัวในอิทธิพลของนายวิชัย ต่างยินยอมสวามิภักดิ์ต่อการดำเนินนโยบายบริหารโรงเรียน และสนับสนุนส่งเสริม โดยเฉพาะนายรังสฤษฎิ์ เส่งมูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายอาคารสถานที่ ที่เป็นแกนนำในการเชื่อมโยงกลุ่มต่างๆในโรงเรียน ให้ยอมตนเข้าเป็นพวกของนายวิชัย เรียกอีกนัยหนึ่งว่าเป็นการ “ขายวิญญาณ” ของตนให้กับนายวิชัยนั่นเอง

1.3 การส่งนายรังสฤษฎิ์ เส่งมูล ผู้ช่วยผู้อำนวยการฝ่ายอาคารสถานที่ให้ลงเลือกตั้งเป็นผู้แทนครูในอ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่มัธยมศึกษา โดยนายรังสฤษฎิ์ได้อาศัยอิทธิพลในการซื้อเสียงข้าราชการครู ทั้งการแจกเงิน สัญญาว่าจะให้ในลักษณะต่างๆ ทั้งนี้โดยวัตถุประสงค์เพื่อให้ตนมีอำนาจในการให้คุณให้โทษข้าราชการครูในเขตพื้นที่ในฐานะเป็นอนุกรรมการดังกล่าว ทั้งนี้ก็โดยการสนับสนุนของนายวิชัยและพวก จะเห็นได้ว่ามีการติดป้ายประชาสัมพันธ์ไปทั่วบริเวณโรงเรียน



2. การดำเนินการก่อสร้างอาคาร 112 ปีขอนแก่นวิทยายน และโดม 113 ปี ขอนแก่นวิทยายน

การดำเนินการดังกล่าวมีการกระทำสืบเนื่องกันดังต่อไปนี้



นับตั้งแต่ปีพุทธศักราช 2553 นายวิชัยได้มีแนวคิดริเริ่มในการก่อสร้างอาคาร 112 ปีขอนแก่นวิทยายนขึ้น บริเวณสนามกีฬาบาสเกตบอลหลังอาคาร 2 ซึ่งมีการวางแผนการก่อสร้างอย่างเป็นรูปเป็นร่าง แต่มิได้มีการดำเนินการผ่านคณะกรรมการบริหารโรงเรียน คณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน แต่ได้แอบอ้างว่าการกระทำดังกล่าวผ่านมติของประชาคมขอนแก่นวิทยายน คณะกรรมการบริหารโรงเรียน และคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐานแล้ว การกระทำดังกล่าวถือเป็นการกระทำข้ามหน้าข้ามตาผู้ใหญ่ที่มีส่วนเกี่ยวข้องกับโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน เป็นการกระทำที่ไม่สมควรอย่างยิ่ง ทั้งนี้ผลที่ตามมาคือการสร้างบรรทัดฐานโดยนายสมศักดิ์ คุณเงิน ประธานคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้ยื่นหนังสือต่อผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา ขอนแก่น เขต 1 เพื่อขอลาออกจากตำแหน่ง เนื่องด้วยเหตุผลหลักคือการดำเนินการก่อสร้างอาคารดังกล่าว โดยผิดรูปแบบและกระบวนการของทางราชการ เพียงเพราะนายวิชัย ใช้ความคิดของตนเป็นใหญ่โดยหาได้ฟังเสียงบุคคลอื่นใดไม่ เป็นการกระทำของผู้บริหารที่ขาดวิจารณญาณ และมีวิสัยทัศน์ที่แคบ



ภายหลังจากกระแสการต่อต้านการก่อสร้างอาคาร 112 ปีขอนแก่นวิทยายนรุนแรงขึ้นดังกล่าว นายวิชัยจึงได้ตัดสินใจให้ดำเนินการตามมติประชาคมขอนแก่นวิทยายน คือการก่อสร้างอาคาร 112 ปีฯที่บริเวณโรงอาหาร (ชั่วคราว) ตามเดิม แต่ก็ได้ตัดสินใจให้มีการก่อสร้างอาคารโดม 113 ปีขอนแก่นวิทยายนขึ้นทดแทน (เป็นการกระทำภายหลังมีการบวงสรวงและวางศิลาฤกษ์อาคาร 112 ปีฯ ณ บริเวณดังกล่าวไปแล้ว) ทั้งนี้เพื่อใช้เป็นสถานที่ให้นักเรียนใช้ในการทำกิจกรรมต่างๆตามที่กล่าวอ้าง แต่อย่างไรก็ดีสิ่งที่น่าคิดในการก่อสร้างอาคารดังกล่าวคือ พื้นที่บริเวณดังกล่าวถูกขนาบข้างด้วยถนนกลางเมือง และอีกด้านคืออาคาร 2 อาคาร 4 และอาคาร 1 จึงเห็นได้ว่าพื้นที่บริเวณดังกล่าวเป็นเหมือนพื้นที่อับอากาศ ไม่สามารถระบายฝุ่นละอองออกจากพื้นที่ได้ แต่นายวิชัยก็ได้มีคำสั่งให้ดำเนินการก่อสร้าง มีการตัดต้นไม้สำคัญๆของโรงเรียนออกไปจากบริเวณนั้นทั้งหมดเพื่อการก่อสร้าง สวนหย่อมที่เป็นแหล่งเรียนรู้ของกลุ่มสาระการเรียนรู้วิทยาศาสตร์หายไปในพริบตา ต้นไม้ที่ช่วยดูดซับมลพิษในอากาศจากยานพาหนะต่างๆหายไป ทำให้อากาศบริเวณดังกล่าวกลายเป็นอากาศเสีย พื้นที่สีเขียวภายในโรงเรียนที่มีน้อยอยู่แล้วก็ยิ่งน้อยลงไปอีก เป็นเสมือนการวางยาพิษครูและนักเรียนอีกทางหนึ่ง การกระทำดังกล่าวหาได้มีการประชาสัมพันธ์หรือปรึกษาหารือกับเหล่าคณาจารย์มาก่อนแต่อย่างใดไม่ เป็นการกระทำอีกประการหนึ่งของนายวิชัยและพวกที่ขาดวิจารณญาณ และไม่คำนึงถึงความรู้สึกของครูและนักเรียนคนใดเลย มีคำบอกเล่าจากคณาจารย์หลายท่านว่า นักเรียนบางคนถึงกับร้องไห้ที่เห็นต้นไม้หลายต้นที่ตนเคยใช้บังแดดต้องถูกโค่นล้มลงไป



3.การให้บุตรสาวและบุตรเขยเข้ามาทำกิจการค้าภายในโรงเรียน
การกระทำของนายวิชัยดังต่อไปนี้ เป็นการกระทำที่ดูจะไม่ร้ายแรงแต่หากพิจารณาให้ดีจะเห็นได้ว่า นายวิชัยมิได้เพียงแต่ทุจริตและประพฤติมิชอบในการบริหารสถานศึกษา แต่ยังถึงขั้นทำลายอนาคตของชาติอีกด้วย



หลังจากที่มีโครงการให้บุตรสาวของตนซึ่งทำธุรกิจผ้าม่านเข้ามาติดผ้าม่านในอาคารต่างๆของโรงเรียนแต่ถูกเปิดเผยการกระทำก่อนจึงต้องระงับไปนั้น นายวิชัยก็มิได้ลดละความพยายามในการให้บุตรสาวของตนเข้ามาหาผลประโยชน์จากโรงเรียนขอนแก่นวิทยายน โดยการให้มีการก่อสร้างเพิงขายอาหารบริเวณด้านหลังอาคาร 3 ขึ้น และปรับปรุงพื้นที่จอดรถบริเวณด้านหน้าอาคาร 2 ให้เป็นพื้นที่นั่งสำหรับนักเรียน โดยให้บุตสาวและบุตรเขยของตนเข้ามาขายอาหารว่างและเครื่องดื่มในบริเวณดังกล่าว โดยขายไอศกรีม บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป เค้ก และขนมขบเคี้ยวต่างๆ โดยมีพฤติกรรมดังนี้


- เดิม มีการจัดขายทุกช่วงเวลาไม่มีเวลาปิด แต่เมื่อมีการร้องเรียนว่าไม่ควรเปิดขายทุกเวลา นายวิชัยจึงเลี่ยงโดยการให้เปิดขายเฉพาะช่วงเวลา 07.00-08.00 และ 11.00-13.00 โดยปิดประกาศไว้ข้างเพิงขาย แต่หลังจากเรื่องต่างๆเริ่มจางหายลง ก็แอบทุจริตเปิดขายก่อนเวลา เช่น ประมาณ 9.30 น. ช่วงเปลี่ยนคาบเรียนเพื่อให้นักเรียนแวะซื้อได้ โดยมิได้เปิดทั้งร้าน แต่เปิดด้านข้างเพื่อให้แอบซื้อได้



- สิ่งที่ขายมิได้ก่อประโยชน์ต่อร่างกายนักเรียนแต่อย่างใด เช่น บะหมี่กึ่งสำเร็จรูป โดยมาตรฐานของวิญญูชนแล้วจะเห็นได้ว่า บุคคลจะพึงใจรับประทานบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปต่อเมื่อหมดสิ้นหนทางที่จะรับประทานอย่างอื่นได้แล้วหรือมีเวลาจำกัดเท่านั้น แต่นายวิชัยได้อนุญาตให้บุตรสาวและบุตรเขย ขายบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปในลักษณะที่เป็นอาหารหลัก ทั้งที่มีโรงอาหารตั้งอยู่ประจำ จะเห็นได้ว่า บะหมี่กึ่งสำเร็จรูปนั้น มิได้มีสารอาหารที่ให้คุณค่าทางโภชนาการต่อเด็กและเยาวชนในวัยที่กำลังเจริญเติบโตและต้องการสารอาหารอย่างเพียงพอเลย เพราะประกอบไปด้วยแป้ง เกลือ ผงชูรส และสารชนิดต่างๆ การกระทำดังกล่าวตามที่ได้เขียนไว้ข้างต้น จึงเป็นเหมือนการบั่นทอนสติปัญญาของนักเรียนให้แย่ลงได้ทางหนึ่ง ซึ่งผู้ปกครองควรให้ความใส่ใจต่อปัญหานี้อย่างจริงจัง อีกทั้งยังอนุญาตให้จำหน่ายน้ำหวาน เช่น โออิชิ ซึ่งก็หาได้มีคุณค่าทางโภชนาการที่เหมาะสมสำหรับเด็กในวัยนี้ไม่ ยิ่งเป็นการซ้ำเติมให้เด็กมีสติปัญญาย่ำแย่ลงไปอีก



- การให้บุตรสาวและบุตรเขยของตนเข้ามาประกอบกิจการค้าดังกล่าวนั้น ตั้งแต่การจัดทำเพิงขาย การให้เข้ามาขาย และการดำเนินกิจการ หาได้มีการดำเนินการให้ถูกต้องตามรูปแบบและกระบวนการของทางราชการไม่ โดยมิได้มีการดำเนินการว่าจ้างแต่อย่างใดไม่ เป็นการอาศัยอำนาจและอิทธิพลในฐานะผู้บริหารในการดึงพวกพ้องของตนให้เข้ามาค้าหาประโยชน์ในโรงเรียน การจัดทำที่นั่งแทนที่จอดรถดังกล่าวก็เป็นเหมือนการสร้างร้านค้าให้กับบุตรสาวและบุตรเขยของตนเอง ลองพิจารณาสำหรับบุคคลที่ได้อ่านและเป็นผู้ประกอบกิจการค้าขายอาหารในลักษณะดังกล่าวว่า ในแต่ละวัน ลูกค้าของร้านคือนักเรียนที่มีอำนาจซื้อคือเงินจากผู้ปกครอง จะซื้อกันวันละกี่ร้อยคน ขอให้ท่านนำราคาสินค้าคูณจำนวนนักเรียน ก็จะเห็นได้ว่าเป็นกำไรมหาศาล แต่รายได้กลับเข้ากระเป๋าของพวกพ้องนายวิชัยทั้งหมด และหากพิจารณาให้ลึกแล้วจะเห็นได้ว่า ไฟฟ้าและน้ำประปาที่ใช้ในการดำเนินการค้าขายนั้น เป็นการใช้ไฟฟ้าและน้ำประปาของโรงเรียนขอนแก่นวิทยายนหรือไม่ ถ้าใช่แล้วใครเป็นผู้จ่ายค่าไฟฟ้าและน้ำประปา??



- นอกจากนี้ เมื่อหนักข้อเข้า ครูหลายท่านที่มีความเป็นห่วง ได้พยายามเตือนนักเรียนมิให้รับประทานบะหมี่ฯ และแนะนำให้รับประทานอาหารที่โรงอาหารเป็นหลัก มีนักเรียนบางคนพูดขึ้นใกล้ๆเพิงขายดังกล่าวว่า “อย่าซื้อนะ เดี๋ยวคุณครู...จะเห็น เค้าจะหักคะแนน” ซึ่งมีคำบอกเล่าว่า บุตรเขยของนายวิชัยได้ยินชื่อครูคนดังกล่าวก็ไปดูที่บอร์ดบุคลากรว่าครูท่านนั้นคือใคร หน้าตาอย่างไร ลักษณะดังกล่าวเหมือนเป็นการข่มขู่ครูและบุคลากรทางอ้อม เพราะมีแนวโน้มว่าบุตรเขยของนายวิชัยต้องไปบอกนายวิชัยให้จัดการกับครูคนดังกล่าว การกระทำดังกล่าวเป็นการกระทำที่ไม่บังควร และเป็นการไม่ให้เกียรติครู เป็นการกระทำที่ขาดจิตสำนึกในสิ่งที่ตนกระทำว่าได้บั่นทอนสถาบันอันเป็นที่รักของชาวขอนแก่นวิทยายน



4. การจัดงานราตรี 113 ปีขอนแก่นวิทยายน

เนื่องในโอกาสที่โรงเรียนขอนแก่นวิทยายนจะมีอายุครบ 113 ปี (ในความจริงควรจะนับว่าอายุ 114 ปีในปี 2554 นี้ เพราะโรงเรียนก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ.2440 จึงจะมีอายุครบ 114 ปี มิใช่ 113 ปี) นายวิชัยได้สั่งการให้จัดกิจกรรมราตรี 113 ปีขอนแก่นวิทยายน ในการนี้ได้บังคับให้คณาจารย์ทุกท่านต้องช่วยกันขายบัตรโต๊ะรับประทานอาหารในงาน คนละ 1 ชุด มูลค่า 4,000 บาท การระดมทรัพยากรดังกล่าวแม้มีการดำเนินการในรูปคณะกรรมการแต่ก็มิได้เป็นไปตามความประสงค์ของข้าราชการครูในโรงเรียนแต่อย่างใด หากสอบถามจากข้าราชการครูในโรงเรียน ทุกคนต่างไม่พอใจต่อการจัดกิจกรรมดังกล่าว เพราะได้เห็นความล้มเหลวในการจัดงานเมื่อปีที่แล้ว การกระทำดังกล่าวในปีที่แล้วมิได้มีการจัดระบบการดำเนินงานที่มีแบบแผน ทำให้อดีตคณาจารย์และศิษย์เก่าต่างบ่นเป็นเสียงเดียวกันว่าผู้บริหารมิได้จัดให้มีการดำเนินกิจกรรมที่มีการวางแผนแต่อย่างใดเลย เช่น มีการออกบัตรซ้ำหมายเลข การเสริมโต๊ะทั้งที่ยังมีโต๊ะว่างเพื่อแก้ปัญหาคนล้นที่นั่ง เป็นต้น สำหรับงานในปีนี้นายวิชัยได้สั่งให้งดจัดกิจกรรมแล้ว เนื่องจากมีบัตรสนเท่ห์ว่าจะมีการเปิดโปงเรื่องราวการทุจริตของนายวิชัยให้กับทุกคนได้รับรู้ในงานดังกล่าว



5.การติดตั้งจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ในบริเวณต่างๆของโรงเรียน

ภายในบริเวณโรงเรียนหลายสถานที่ ได้มีการติดตั้งจอโทรทัศน์ขนาดใหญ่ โดยนายวิชัยให้เหตุผลว่า เป็นการเผยแพร่ผลงานของนักเรียน แต่สภาพความเป็นจริงที่เกิดขึ้นมีดังต่อไปนี้



- การจัดซื้อโทรทัศน์ดังกล่าว มิได้มีการประชาสัมพันธ์ให้เปิดซองประกวดราคา และราคาที่ซื้อจริงกับราคาขายทั่วไปแตกต่างกันมาก ตามคำบอกเล่าของหลายๆท่านที่ศึกษาการซื้อโทรทัศน์ ราคาโทรทัศน์ดังกล่าวน่าจะประมาณ 70,000 บาท แต่ราคาที่สั่งซื้อประมาณ 100,000 บาท จึงน่าคิดว่า ส่วนต่าง 30,000 บาทนั้น อยู่ที่ใด เพราะมีการเบิกจ่ายเต็ม 100,000 บาท



- การติดตั้งโทรทัศน์ดังกล่าวไม่เหมาะสมด้วยประการทั้งปวง เพราะลักษณะของการติดตั้ง มีการติดตั้งไว้ที่อาคาร 3 ด้านหน้าห้องผู้อำนวยการ หน้าห้องทะเบียนฯ บันไดทางขึ้นกลาง อาคาร 7 2 จอ และหน้าห้องน้ำนักเรียนอาคาร 7 ตามชั้นต่างๆ การติดตั้งจอโทรทัศน์ดังกล่าวมิได้ก่อประโยชน์ให้กับนักเรียนเลย เพราะจอโทรทัศน์อยู่ในระดับสูงกว่าสายตามาก และติดตั้งในบริเวณที่ไม่อาจให้บุคคลดูอยู่ได้เป็นเวลานาน โดยเฉพาะบันไดทางขึ้นอาคาร 7 และหน้าห้องน้ำอาคาร 7 ที่แทบจะไม่มีใครสนใจดู เป็นการใช้งบประมาณแผ่นดินไปโดยสิ้นเปลือง อีกทั้งโทรทัศน์ดังกล่าวเปิดอยู่ตลอดเวลา เป็นการใช้ไฟฟ้าอย่างไม่รู้คุณค่า มีสมัยหนึ่งในสมัยที่ผู้อำนวยการประดิษฐ์ สำราญพัฒน์ เป็นผู้อำนวยการโรงเรียน ได้แจ้งต่อบุคลากรให้ช่วยกันประหยัดไฟฟ้า เพราะรายจ่ายค่าสาธารณูปโภคของโรงเรียนสูงในทุกเดือน จึงมีการรณรงค์ให้ช่วยกันปิดไฟปิดพัดลมก่อนออกจากห้อง และใช้เท่าที่จำเป็น แต่การกระทำในสมัยปัจจุบัน กลับตรงกันข้าม และมิได้ก่อประโยชน์ใดๆต่อการพัฒนาการเรียนการสอนของนักเรียนเลย เพราะสิ่งที่นำเสนอมีแต่การแสดงผลงานของนักเรียน มิได้มีการให้ความรู้ผ่านรายการโทรทัศน์ดังกล่าวแต่อย่างใด ยิ่งไปกว่านั้น การติดจอโทรทัศน์ในบางจุด เช่น อาคาร 5 ที่เป็นพื้นที่เปิดโล่ง มีความเสี่ยงที่โทรทัศน์นั้นจะสูญหายหรือบุบสลายจากสภาพอากาศและบุคคลต่างๆ เช่น การเล่นของนักเรียน การขโมย หรือพายุฝนฟ้าคะนอง เป็นต้น การติดตั้งโทรทัศน์ดังกล่าว จึงเป็นการตัดสินใจที่ผิดพลาด ไม่คิดให้รอบคอบก่อนตัดสินใจ คิดแต่จะทำแต่มิได้พิจารณาในระยะยาวถึงประโยชน์และวิธีการบำรุงรักษาแต่อย่างใด



เพียงเท่าที่กล่าวมาเป็นเพียงส่วนหนึ่งของการกระทำที่นายวิชัยและพวกได้กระทำย่ำยีสถาบันแห่งนี้ ยังมีอีกหลายประการ เช่น การไม่กำหนดนโยบายที่เข้มงวดในการเข้าออกโรงเรียนของนักเรียน ปล่อยปละละเลยให้นักเรียนออกจากบริเวณโรงเรียน ว่าง่ายๆคือ โดดเรียน โดยไม่ได้ยี่ระว่าการกระทำดังกล่าวหากเกิดการกระทำผิดทั้งในทางอาญาและทางแพ่งของนักเรียนนอกสถานศึกษาในเวลาเรียน บุคคลที่ต้องรับผิดชอบหากมีการฟ้องร้องคือข้าราชการครูที่ดูแลนักเรียน ซึ่งรวมทั้งผู้บริหารที่ไม่ใส่ใจใยดีต่อสวัสดิภาพของนักเรียนในปกครอง แสดงให้เห็นถึงความอ่อนแอของการบริหารโรงเรียนของนายวิชัยและพวก การกระทำดังกล่าวมีแต่จะฉุดดึงให้สถาบันอันเป็นที่รักของเรา ดำดิ่งสู่ก้นเหวแห่งความเสื่อม ข้าราชการครูที่มีจิตใจเวทนาโรงเรียนก็เอือมระอาต่อการกระทำ จะพากันเกษียณก่อนกำหนดหลายราย ย้ายไปอยู่ที่อื่น ทำงานอื่นที่ไม่ต้องได้รับแรงกดดันจากการบริหารงาน และไม่อาจดำเนินการใดๆได้โจ่งแจ้ง เพราะจะเป็นการผิดวินัยข้าราชการได้หากไม่สำเร็จ เป็นเหมือนการปูทางอำนาจให้นายวิชัยและพวก ได้ครองอำนาจและสถาปนาอำนาจชั่วขึ้นในโรงเรียน อันเป็นการทำลายเกียรติศักดิ์เกียรติภูมิของโรงเรียนที่สั่งสมมาเป็นระยะเวลา 100 กว่าปีลงอย่างไม่แยแส นี่เป็นความน่าสะพรึงกลัวที่ทุกฝ่ายต้องจับมือร่วมกัน ผนึกกำลังต่อต้านการกระทำของนายวิชัยและพวก โดยช่วยกันป่าวประกาศความล้มเหลวของนายวิชัย และช่วยกันร้องเรียนไปยังบุคคลที่มีอำนาจตัดสินใจขั้นสูงสุดให้นายวิชัยพ้นจากโรงเรียนอันเป็นที่รักของเรา อย่าให้บุคคลที่หวังแต่ผลประโยชน์ สูบเลือดสูบเนื้อและจิตวิญญาณขอนแก่นวิทยายนไปจากพวกเรา ร่วมกันพิทักษ์รักษาและบำรุงให้เจริญต่อไป



หากผู้ใดมีเรื่องราวเกี่ยวกับบุคคลผู้นี้ที่ต้องการขยายความต่อ โปรดช่วยกันพิมพ์และส่งต่อข้อความไปยังเพื่อนๆพี่ๆน้องๆชาวว.ย.ให้ได้อ่านกันทุกคน จะเป็นพระคุณยิ่ง

ด้วยรักและเคารพทุกท่าน

ศิษย์ว.ย.

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์