เรือเสียวเล็กน้อยก่อนทุบจิ้งจอก 4-2 ลิ่วเอฟเอ


เอฟเอ คัพ รอบ 3 (รีเพลย์)

วันอังคารที่ 18 มกราคม 2554



แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 4 : 2 เลสเตอร์ ซิตี้

ประตู :
1-0 คาร์ลอส เตเบซ น.14,1-1 พอล กัลลาเกอร์ น.19,2-1 ปาทริค วิเอร่า น.36,3-1 อดัม จอห์นสัน น.38,3-2 ลอยด์ ไดเออร์ น.83,4-2 อเล็กซานดาร์ โคลารอฟ น.90

แมนเชสเตอร์ ซิตี้กลับมาเตะเกมรีเพลย์ที่บ้านของพวกเขาเอง โดยเกมนี้จะไม่มีเอดิน เซโก้ที่ลงชื่อในรอบ 3 ไม่ทัน แต่จะได้ดาวิด ซิลบากลับมาป่วนเกมทางริมเส้นหลังจากหายเจ็บแล้ว

ด้านเลสเตอร์ ซิตี้จะไม่มียาคูบูเช่นเดียวกับกรณีของเซโก้ที่ลงชื่อในรอบนี้ไม่ทัน

ครึ่งแรก

เริ่มเกมมาได้เพียง 5 นาที แมนฯซิตี้ที่ถูกทางเลสเตอร์ทำเสียวไปก่อนในช่วงสองสามนาทีแรกก็มาพลาดโอกาสทองที่น่าจะเป็นประตูไปอย่างน่าเสียดาย จากจังหวะที่ AJ มีโอกาสได้ยิงด้วยซ้ายเน้นๆตรงกลางเขตโทษ แต่ดันไปติดเซฟของวีลเสียอย่างงั้น

นาทีที่ 14 หลังจากแมนเชสเตอร์ ซิตี้พยายามทำเกมบุกใส่ก็มาได้ประตูขึ้นนำจนได้ จากจังหวะเตะมุมที่เตเบซไปเอาบอลเองก่อนที่จะเลี้ยงตะลุยใส่กองหลังของเลสเตอร์แม้บอลจะติดบล็อกแต่ก็กระดอนมาเข้าทางของเตเบซพอดีเลยจัดการซัดเต็มข้อ บอลพุ่งไปเสาสองสุดปัญญาที่วีลจะรับทัน แมนฯซิตี้นำ 1-0

แต่แล้วนาทีที่ 19 เลสเตอร์ ซิตี้ก็มาได้ประตูตีเสมออย่างรวดเร็วว่องไว จากจังหวะจุดโทษที่วิเอร่าไปทำฟาวล์ไดเออร์ผู้ตัดสินเป่าให้เป็นจุดโทษทันที ก่อนที่กัลลาเกอร์จะรับหน้าที่สังหารเข้าไป ตอนนี้เสมอกัน 1-1 แล้ว

นาทีที่ 29 กัลลาเกอร์ที่อุตส่าห์มีชื่อทำประตูในเกมนี้ก็จำเป็นต้องออกจากสนามไปเนื่องจากมีอาการบาดเจ็บและเลสเตอร์ได้ส่งแฟรงค์ มุสซ่าลงมาเล่นแทน

หลังจากทำทีมเสียจุดโทษไปวิเอร่าก็มากู้หน้าคืนได้ในนาทีที่ 36 จากจังหวะที่เขาตามซ้ำบอลซึ่งนายทวารของเลสเตอร์ปัดออกมาแบบสบายแฮตุงตาข่ายเข้าไป แมนฯซิตี้ขึ้นนำอีกครั้ง 2-1

อีก 2 นาทีต่อมากลายเป็นว่าเกมมาขาดเสียอย่างนั้น จากจังหวะที่ซิลบาจ่ายบอลอย่างงามให้กับ AJ ก่อนที่ปีกพระเอกตัวจริงจะวิ่งหลุดเข้าไปดวลเดี่ยวก่อนจะสังหารไม่พลาด "เรือใบ" ทิ้ง 3-1

แม้ว่าทางเลสเตอร์จะพยายามบุกเพื่อทวงประตูคืนและหาจังหวะตั้งเตะเพื่อเล่นงานเจ้าบ้านแต่ก็ไม่เป็นผล ทำให้จบครึ่งแรกแมนฯซิตี้นำอยู่ 3-1

ครึ่งหลัง

นาทีที่ 58 แมนฯซิตี้พลาดโอกาสทองที่จะทิ้งห่างออกไปอีก จากการได้จุดโทษในจังหวะที่เตเบซถูกทางฮ็อบส์ทำฟาวล์ในกรอบเขตโทษผู้ตัดสินเป่าเป็นจุดโทษทันที แต่น่าแปลกใจนิดหน่อยตรงที่ไม่แจกแม้แต่ใบเหลืองให้ ทั้งๆที่เป็นตัวสุดท้ายแล้ว

แต่ถึงอย่างนั้นเตเบซที่อุตส่าห์ลุกขึ้นมารับหน้าที่สังหารจุดโทษเองก็ยิงไปติดเซฟของวีลที่ใช้ขาสกัดบอลข้ามคานออกไป

นาทีที่ 64 แมนเชสเตอร์ ซิตี้เปลี่ยนเอาซิลบาที่วันนี้ถือว่ามีส่วนกับประตูขึ้นนำของทีมออกไปพักและส่งแกเร็ธ แบร์รี่ลงไปเสริมความแน่นในแดนกลาง

เกมนี้โอกาสของทั้งสองทีมถือว่าไม่ได้แตกต่างอะไรกันมาก จะต่างกันตรงที่ความเฉียบคมของแมนฯซิตี้ที่มีมากกว่า แต่ถึงอย่างนั้นแนวรับของพวกเขาก็ยังคงมีจุดให้ปรับปรุงอยู่

หลังจากที่เกมเริ่มทรงๆไปได้สักพักหนึงก็มีเหตุวุ่นวายนิดๆทำให้ผู้ตัดสินต้องแจกใบเหลืองเพื่อปรามอารมณ์ของทั้งวิเอร่าและไดเออร์กันไปคนละใบในนาทีที่ 75

ดูท่าทางแล้วผู้ที่ผ่านเข้ารอบที่ 4 ไปก็คงจะเป็นทางแมนฯซิตี้ซึ่งจะได้เจอกับทางน็อตส์ เคาท์ตี้เว้นแต่ว่าจะเกิดการพลิิกโผเกิดขึ้น

แต่แล้วนาทีที่ 83 เลสเตอร์ก็กลับมามีลุ้นอีกครั้ง จากจังหวะที่แมนฯซิตี้เองคงเซ็งไม่น้อยเพราะจ่ายบอลไปโดนตัวของมาร์ค เฮาซี่ผู้ตัดสินจนทำให้เลสเตอร์สวนกลับก่อนที่จะจ่ายทะลุช่องไปข้างหน้า กอมปานีพยายามสไลด์ตัวเพื่อจะสกัดบอลแต่ก็พลาดไปเข้าทางของไดเดอร์ที่มีโอกาสลุ้นเข้าไปแปสวนฮาร์ทไม่เหลือ ทีมเยือนไล่มาแล้ว 3-2

แต่แล้วนาทีที่ 88 แมนฯซิตี้ก็มาได้ประตูปิดกล่องจนได้จากโคลารอฟที่ยืนตะบันด้วยซ้ายนอกกรอบเขตโทษ บอลแม้ว่าจะไม่แรงแต่พุ่งทิศทางเฉียบคมเสียบเสาไกลเข้าไปสวยงาม 4-2 น่าจะไม่มีปัญหาแล้ว

จบ 90 นาทีแมนเชสเตอร์ ซิตี้เปิดบ้านเอาชนะเลสเตอร์ ซิตี้ไปได้ 4-2 ผ่านเข้ารอบที่ 4 พบกับน็อตส์ เคาท์ตี้

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ :
โจ ฮาร์ท,โจเลี่ยน เลสค็อตต์,แวนซองต์ กอมปานี,ปาโบล ซาบาเลต้า,อเล็คซานดาร์ โคลารอฟ,ปาทริค วิเอร่า ,ยาย่า ตูเร่(โจ น.78),เจมส์ มิลเนอร์,ดาวิด ซิลบา(แบร์รี่ น.64),อดัม จอห์นสัน,คาร์ลอส เตเบซ

เลสเตอร์ ซิตี้ : คริส วีล,บรูโน่ เบอร์เนอร์,ซูเลย์มาน บามบ้า,แจ็ค ฮ็อบส์,ไคล นิวจ์ตัน,ริชาร์ด เวลเลนส์(โอ๊คเลย์ น.46),ลอยด์ ไดเออร์ ,แอนดี้ คิง,ยูกิ อาเบะ,สตีฟ ฮาวเวิร์ด(วาก์ฮอร์น น.68),พอล กัลลาเกอร์(มุสซ่า น.30)

 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์