การกลับมาของ คิง เคนนี่

เรียบร้อยโรงละครแห่งความฝันไปอีกหนึ่งนัดสำหรับ หงส์แดง ลิเวอร์พูล

กระแสก่อนแข่งเกรียวกราวเนื่องจาก คิง เคนนี นักเตะและผู้จัดการทีมที่ได้รับเสียงโหวตจากเดอะ คอป ทั่วโลกท่วมท้นว่าเป็นสุดยอดขวัญใจชาวหงส์ในรอบ 100 ปี ก้าวเข้ามารับเผือกร้อนๆต่อจาก รอย ฮอดจ์สัน ผู้ยอมถอยออกไปเพราะใครๆก็ไม่รักแล้ว



 สำหรับแฟนรุ่นใหม่ไม่ได้ร่วมสมัยกับ เคนนี ดัลกลิช อธิบายพอสังเขปว่า เขาคือกองหน้าตัวต่ำผู้มีความอัจฉริยะในการเล่นเกมรุก ยิงได้ จ่ายแม่น คล่อง ขยัน มีครบทุกรูปแบบ ได้ทุกแชมป์กับลิเวอร์พูลยกแชมป์สโมสรโลก....ยังไม่ทันเลิกเล่นก็ถูกจับเป็นผู้จัดการทีมควบตำแหน่งผู้เล่นยุคหงส์แดงโดนแบนจากยุโรป


 สร้างประวัติศาสตร์ใหม่ให้กับทีมในการครองดับเบิลแชมป์...ยังอยู่ในยุครุ่งเรืองก่อนเขาอำลาทีมไปแบบตกตะลึงเมื่อ 22 ก.พ. 1991 อันเป็นปีแรกของการหมดลุ้นแชมป์ลีกสูงสุดจนถึงทุกวันนี้....

 
 อันที่จริงช่วงบอร์ดชุดเก่าบีบ ราฟา เบนิเตซ ลาออก คิง เคนนี ขันอาสากลับมาทำงานอีกครั้ง แต่บอร์ดมองว่า ตกยุค ให้ รอย ฮอดจ์สัน ดีกว่า มาวันนี้บอร์ดเปลี่ยนมือทุกคนไม่แฮปปี้กับผลงานของ ฮอดจ์สัน จนวันพฤหัสบดีมีการประชุมผ่านระบบวีดีโอ คอนเฟอเร้นซ์ระหว่างอเมริกากับอังกฤษ ไม่มีใครยืนวันว่าประชุมเรื่องอะไรทราบแต่ว่า วันศุกร์สโมสรยกเลิกการแถลงข่าวตามธรรมเนียมปฏิบัติหลังซ้อมมื้อเช้าวันศุกร์จบสิ้น

 
 จากนั้นวันเสาร์ รอย ฮอดจ์สัน ลาออก....เคนนี ดัลกลิช ซึ่งอยู่ระหว่างการพักผ่อนที่ ดูไบ รีบกลับมารับงานทันที

 
 ประเด็นของเคนนี จึงร้อนแรงพอสมควรแถมเกมแรกยังต้องมาเจอกับคู่ปรับเก่า เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ที่เคยปะทะฝีมือกัน 5 ปีในยุครุ่งเรืองของหงส์แดง 

 
 เท้าความนิดหนึ่งว่าปี 1985 หลังเหตุการณ์เฮย์เซลที่เบลเยี่ยม โจ เฟแกน ตัดสินใจลาออก สโมสรประกาศแต่งตั้ง เคนนี ดัลกลิช เป็นผู้จัดการทีมผู้เล่น เขาคุมทีมปีแรกก็สร้างประวัติศาสตร์ด้วยการพาทีมคว้าดับเบิ้ลแชมป์สมัยแรก เป็นผจก.และผู้เล่นคนแรกที่ทำได้เช่นนั้น
 

 จากนั้นพ.ย. 1986 เซอร์ อเล็กซ์ เฟอร์กูสัน ลงมาจากอเบอร์ดีน รับงานคุมแมนฯยูไนเต็ดในยุคตกต่ำ ผีเข้าผีออก เอาแน่เอานอนไม่ได้ 

 
 ช่วงเวลานั้นลิเวอร์พูลกำลังรุ่งเรืองเหมือนแมนฯยูไนเต็ดเวลานี้ การปะทะฝีมือกันนั้นต้องยอมรับว่าแม้ แมนฯยูไนเต็ด ไม่ได้ประสบความสำเร็จอะไรใน 5 ปีแรกของท่านเซอร์ แต่การเจอกันระหว่างเขากับ คิง เคนนี ในการวัดกึ๊นนั้น ท่านเซอร์ ไม่เป็นรอง


 สถิติชนะเคนนี 4 ครั้งเสมอ 5 แพ้ 3 ยังคงปรากฏอยู่  อย่างไรก็ตามปี 1990 นั่นแสบสันต์สุดๆ เพราะ คิงเคนนี บุกมาชนะถึงโอลด์ แทรฟฟอร์ด เป็นปีที่ เซอร์ อเล็กซ์ โดนแฟนผีแดงตะโกนขับไล่ไสส่งให้ออกจากตำแหน่ง เพราะดูแล้วไร้อนาคต

 
 สองคนนี้ถือว่ามีจิตวิทยาในการทำงานค่อนข้างสูง คุมนักเตะได้เพราะมีบารมีมากล้น นับว่าเป็นคู่ต่อกรที่สมน้ำสมเนื้อ

 
 อย่างไรก็ตามการมาปะทีฝีมือเที่ยวสองครั้งนี้หลายคนไม่แน่ใจว่ามันจะสนุกเข้มข้นเหมือนช่วงก่อนหรือไม่ เพราะ เคนนี ถูกมองว่าตกยุคไปแล้ว ห่างฟุตบอลไปตั้งแต่ปี 1999 นับจากคุมเซลติกเป็นทีมสุดท้าย แล้วก็ถอยออกจากวงการเอาแต่ตีกอล์ฟและนั่งชมเกมที่แอนฟิลด์อยู่บ่อยๆ

 
 การมาคุมทีมครั้งนี้เป็นเพราะกระแสแฟนบอลที่อังกฤษเรียกร้อง....และผู้บริหารยังหาคนใหม่ไม่ได้ จึงทำสัญญาระยะสั้นคุมไปจนจบฤดูกาล
 

 ถือว่าซื้อเวลาไปด้วยหากทำได้ดีจริง อาจคุมทีมต่อ...ว่ากันแบบนั้น

 
 อย่างไรก็ตามเกมแรกของการเริ่มต้นที่โอลด์ แทรฟฟอร์ด จบลงพร้อมกับความผิดหวัง เมื่อทีมแพ้แมนฯยูฯ 0-1 และนำมาซึ่งการถกเถียงมากมายในประเด็นจุดโทษและใบแดงจากการตัดสินของ ฮาวเวิร์ด เวบบ์
 ว่ากันตามข้อเท็จจริง...แดน แอกเกอร์ ไปเตะสะกิดหัวเข่า เบอร์บาตอฟจริง...จะเบาหรือหนัก ทำฟาวล์ในเขตโทษมันก็จุดโทษ กรณี สตีเวน เจอร์ราร์ด พุ่งเสียบสองเท้าเปิดปุ่มสตั๊ดเล่นอันตราย ก็ทำจริง ตามกติกาก็ใบแดงได้....

 
 จะบอกว่าทีมลิเวอร์พูลโชคร้ายที่ เวบบ์ เคร่งครัดกติกาเป๊ะๆ ตามนั้น ไม่มีผ่อนหนักผ่อนเบาหรือมีศิลปะในการใช้กติกา มันก็ได้ แต่ถ้าจะบอกเขาไม่ยุติธรรมเอาใจเจ้าบ้าน ความคิดนี้ของคลาดเคลื่อนนะครับ ข้อเท็จจริงมันมีอยู่ในสนาม ภาพช้ามีเป็นสิบๆมุม

 
 เวบบ์ ไม่ได้ตัดสินผิดพลาดเพียงแต่เขา....ใช้กติกาอย่างเคร่งครัด ไม่เหมือนกับตอนฟุตบอลโลกที่ ไนเจล เดอ ยอง ถีบ ชาบี อลอนโซ ซี่โครงแทบหักแต่กลับไม่โดนไล่ออกในนาทีที่ 30  ของนัดชิงชนะเลิศฟุตบอลโลกเมื่อกลางปีที่แล้ว
 

 นี่คือผลของการใช้กติกาของเขาที่อาจทำให้แฟนบอลลิเวอร์พูลตั้งคำถามว่า สองมาตรฐานได้ แน่นอนครับในมุมของแฟนหงส์แดงย่อมมีสิทธิ์คิดแบบนั้น แต่ในมุมของข้อเท็จจริง เราไม่สามารถไปวัดใจผู้ตัดสินได้เลยว่าหากเราเล่นนอกกติกาแล้วเขาจะไม่เป่าหรือลงโทษสถานเบา

 
 เราคิดแบบนั้นไม่ได้ นี่จึงเป็นจุดที่ เจอร์ราร์ด แม้กระทั่ง แอกเกอร์ ที่ไม่จำเป็นต้องไปเสียบสกัดอย่างนั้น 

 
 โดยภาพรวมคงตอบอะไรไม่ได้มากว่า คิง เคนนี มาแล้วดีขึ้นหรืออย่างไร คงต้องดูการเปลี่ยนแปลงอีกระยะ แต่ที่แน่ๆ เขากล้าเปลี่ยน มาร์ติน เคลลี มาแทน เกลน จอห์นสัน ถือว่าแฟนบอลแฮปปี้ ซึ่ง เคลลี เล่นได้ดีทีเดียว ไม่มีลูกมั่วให้เห็น มีทางบอล มีเหลี่ยมบอลใช้ได้ แถมเติมเกมรุกตามจังหวะอันเหมาะสม 

 
 เกมนี้ถ้าจะผิดหวัง..ก็ไม่แปลกเพราะมันคือศึกแห่งศักดิ์ศรีอีกนัยหนึ่ง แต่ผมเชื่อว่าตอนนี้ทีมมุ่งหน้าไปยังแบลคพูลแล้วละครับ เป้าหมายคือ สามคะแนนที่ต้องทำให้ได้ นัดนี้จะพิสูจน์ว่าที่ รอย ฮอดจ์สัน คุมทีมแล้วโดนแบลคพูลบุกมาทะลวงถึงแอนฟิลด์นั้น คิง เคนนี จะทำอย่างไรให้ชนะแบลคพูลที่จอมตื๊อที่เล่นบอลสู้สุดใจ

 
 ถ้าจะสร้างความประทับใจให้มากกว่านี้คงต้องเริ่มเก็บสามคะแนนให้ได้เรื่อยๆ 


 เพราะมันคืองานหลักของ เคนนี ดัลกลิช ในการมาคุมทีมลิเวอร์พูลเพื่อให้มีผลงานอันชัดเจนในลีก...มากกว่าบอลถ้วย



Jackie


เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์