10 เหตุผลที่ทำไม ราฟาเอล เบนิเตซ จึงสอบตกที่ อินเตอร์ มิลาน

src=http://www.siamsport.co.th/_ImagesColumn/110103F2S60830.jpg



     กลายเป็นอดีตเป็นที่เรียบร้อยแล้วสำหรับ ราฟาเอล เบนิเตซ กับทีม อินเตอร์ มิลาน ของ อิตาลี หลังจากเข้ามารับบทบาทกุนซือแทนที่ โชเซ่ มูรินโญ่ อดีตกุนซือชาวโปรตุเกส ที่พาทีมประสบความสำเร็จในการคว้า ทริปเปิ้ลแชมป์ แต่ทว่าจนแล้วจนรอด กุนซือชาว สเปน ก็ไม่อาจจะรั้งตำแหน่งกุนซือทีมงูใหญ่ได้ แม้ว่าเพิ่งจะพาทีมคว้าแชมป์ ฟีฟ่า สโมสรโลก มาได้ก็ตาม และนี่คือ 10 สาเหตุที่ทำให้ เบนิเตซ ไม่อาจจะนั่งในถิ่น จูเซ็ปเป้ เมียซซ่า ต่อไปได้




1.การซื้อนักเตะที่ล้มเหลว

อินเตอร์ ดูไม่ดีเลยนับตั้งแต่พวกเขาคว้า 3 แชมป์มาได้เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา และหลายคนเชื่อมั่นว่าพวกเขายังคงสานต่อความสำเร็จได้ โดยที่ไม่ต้องเสริมใครมาร่วมทีม พวกเขาขาย มาริโอ บาโลเตลลี่ กองหน้าดาวรุ่งออกจากทีม และคว้าตัว คูตินโญ่ และได้ โจนาธาน เบียเบียนี่ กลับมาจากสัญญายืมตัว โดยที่ คูตินโญ่ มีทักษะความสามารถ แต่ด้วยวัยเพียงแค่ 18 ปี เขายังต้องการเวลาในการพัฒนาตัวเอง ขณะที่ เบียเบียนี่ ยังไม่อาจจะขยับขึ้นมาจนถึงระดับมาตราฐานในทีม อินเตอร์ ได้
 



ไม่ว่าทีมของคุณจะมีดีเพียงแค่ไหน มันก็เหมือนกับเป็นการฆ่าตัวตาย หากคุณไม่ขยับอะไรซักอย่าง โดยเฉพาะกับในซัมเมอร์ที่ผ่านมาของ อินเตอร์ พวกเขาปล่อยให้ มิลาน และ ยูเวนตุส ขยับตัวเองเข้าใกล้ โดยที่ มิลาน ได้ ซลาตัน อิบราฮิโมวิช และ โรบินโญ่ มาร่วมทัพ ขณะที่ ยูเว่ ได้ มิลอส คราซิช และ อัลแบร์โต้ อาควิลานี่ มาร่วมทัพ ขณะที่ อินเตอร์ ไม่ทำอะไรซักอย่าง




2.อายุของนักเตะ

การที่ไม่ได้ขยับอะไรในตลาดซื้อขายนักเตะ ทำให้ข้อได้เปรียบของ อินเตอร์ กับอายุนักเตะภายในทีมก็ลดลง เพราะเกือบครึ่งของทีม เนรัซซูรี่ มีอาการข้ามวัย 30 และขณะที่อีกหลายคนก็ขยับใกล้ 30 อาทิ ซามูเอล เอโต้ หรือ ดั๊คลาส ไมค่อน
 



อายุ เริ่มเป็นปัญหากับทุกคน และในฤดูกาลนี้ เราก็น่าจะได้เห็นกับฟอร์มการเล่นที่ตกต่ำลงของบรรดานักเตะเหล่านี้ ไมค่อน ดูจะเป็นตัวอย่างที่ดี หลังจากที่แบ็คขวาทีมชาติบราซิลถูก แกเรธ เบล แบ็คซ้ายตัวเก่งของ ท็อตแนม ฮ็อตสเปอร์ เผาเละในเกม ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก ขณะที่ คริสเตียน คิวู และ ดีเอโก้ มิลิโต้ ก็ยังคงไม่สามารถโชว์ฟอร์มฮอตเหมือนที่เคยเป็นได้




3.การอยู่ภายใต้เงาของ โชเซ่ มูรินโญ่

หลังจากต้องเข้ามารับงานคุมทัพต่อจาก โชเซ่ มูรินโญ่ ที่กลายเป็นประวัติศาสตร์ และกลายเป็นสุดยอดโค้ชที่ดีที่สุดตลอดกาล แต่แม้เขาจะไปแล้ว แรงดึงดูดใจ และแบบฉบับของเขายังคงอยู่ และโดยเฉพาะอย่างยิ่งการเป็นที่รักของนักเตะ และทุกคนในสโมสร ลองมองภาพที่ มาร์โก มาเตรัซซี่ ร้องไห้ในอ้อมกอดของ มูรินโญ่ หลังจากคว้าแชมป์ ยูฟ่า แชมเปี้ยนส์ ลีก เหนือ บาเยิร์น มิวนิค มันก็เป็นเครื่องพิสูจน์แล้วถึงศรัทธาที่ อินเตอร์ มีให้
 



นักเตะหลายคนของ อินเตอร์ ที่ตกทอดมาจากยุคของ มูรินโญ่ มันจึงทำให้ เบนิเตซ ยังคงตกอยู่ภายใต้เงาของเขา แม้ว่าจะเข้ามารับหน้าที่แล้ว และหลายครั้งที่เขามักจะถูกนำไปเทียบเคียง ทั้งจากสื่อมวลชน และหลายครั้งที่เขาต้องตอบคำถามเกี่ยวกับ มูรินโญ่ ซึ่งมันก็เหมือนกับการที่ ไบรอั่น คลัฟ ต้องปวดหัวที่ต้องเข้ามารับหน้าที่กุนซือ ลีดส์ ต่อจาก ดอน เรวี่ ในช่วงยุคปี 1970 ดังนั้นมันจึงทำให้ เบนิเตซ ไม่อาจจะหนีออกจากเงาของ มูรินโญ่ ได้




4.อาการแฮงค์จากฟุตบอลโลก

หลังจากที่ต้องกรำศึกหนักกับสโมสร บรรดาดาวเตะที่ถูกเลือกให้ติดทีมชาติไปเล่นฟุตบอลโลกจะต้องเจอกับงานหนักอย่างไม่หยุดพัก และมันก็เป็นธรรมดาที่พวกเขาจะต้องเจอกับปัญหาสภาพความฟิต เนื่องจากการอ่อนล้าที่ต้องลงเตะอย่างต่อเนื่อง และนั่นก็คือปัญหาของทีมดังๆทั้งหลายที่มีนักเตะในทีมชาติมากมาย และมีเพียงแค่ ซามูเอล เอโต้ และ ลูซิโอ เท่านั้นที่เป็น 2 นักเตะที่ผ่านศึกฟุตบอลโลกมา และยังคงรักษาระดับการเล่นของตัวเองได้ในฤดูกาลนี้




5.การสูญเสียความมุ่งมั่น

มันก็คล้ายคลึงกับการอาการแฮงค์จากฟุตบอลโลก เมื่อนักเตะคว้าความสำเร็จทุกอย่างได้แล้ว การที่จะมีแรงใจในการชนะอีกมันจะกลายเป็นปัญหา โดยเฉพาะอย่างยิ่งกับนักเตะที่อายุมากที่จะเกิดอาการล้า และนี่มันก็คือสาเหตุที่ว่าทำไม ลูเชียโน่ มอจจี้ อดีตบิ๊กบอส ยูเวนตุส ต้องมีการเปลี่ยนแปลงทีมของเขาทุกๆปีในระหว่างปลายยุค 1990




6.ดีเอโก้ มิลิโต้ และ เวสลี่ย์ ชไนเดอร์

ทั้ง มิลิโต้ และ ชไนเดอร์ คือ 2 นักเตะที่ดีที่สุดของ อินเตอร์ เมื่อฤดูกาลที่แล้ว พวกเขามีส่วนสำคัญที่ช่วยให้ทีมคว้า 3 แชมป์ โดยเฉพาะ มิลิโต้ ที่ยิงประตูสำคัญให้ทีมในเกม แชมเปี้ยนส์ ลีก รอบน็อคเอ้าต์ รวมถึง 2 ประตูของเขาในนัดชิงชนะเลิศ และยังยิงประตูช่วยให้ทีมคว้าแชมป์ กัลโช่ เซเรีย อา ในวันสุดท้ายได้อีก และยังเป็นคนยิงประตูให้ทีมซิวแชมป์ โคปป้า อิตาเลีย ในนัดชิงชนะเลิศอีก และผลงานการทำสกอร์ของดาวยิง อาร์เจนติน่า ส่วนใหญ่ก็มักจะมาจากเท้าของ ชไนเดอร์ แทบทั้งสิ้น
 



ปี 2010-11 ทั้งคู่ยังไม่สามารถก้าวมาอยู่ในระดับเดียวกับที่ทำได้เมื่อฤดูกาลที่ผ่านมา มิลิโต้ ดูจะช้าลง และยิงได้เพียงแค่ 3 ประตูเท่านั้น ขณะที่ ชไนเดอร์ ก็ดูจะฟอร์มฝืด




7.อาการบาดเจ็บ

สถานการณ์อาการบาดเจ็บ เป็นหนึ่งในปัจจัยที่ เบนิเตซ อาจจะใช้เป็นข้ออ้าง เพราะในระหว่างความพ่ายแพ้ติดต่อกันตั้งแต่แพ้ให้ มิลาน ไปจนถึงแพ้ คิเอโว่ มันก็มาจากการที่บรรดา 7 ผู้เล่นตัวจริงของ อินเตอร์ ต้องล้มหมอนอนเสื่อทั้งหมด และนั่นมันก็เป็นสิ่งที่สร้างความกดดันให้กับ เบนิเตซ กับการต้องแบกรับความคาดหวังในชัยชนะ




8.พัฒนาการใน เซเรีย อา

ข้อครหาที่เกิดขึ้นในปี 2006 ที่ทำให้วงการลูกหนัง อิตาเลี่ยน ตกต่ำจนถึงที่สุด และมันต้องทำให้ ยูเวนตุส จะต้องกลับไปเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ขณะที่ มิลาน ต้องหยุดในการจับจ่ายซื้อหานักเตะ ขณะที่ อินเตอร์ ได้บรรดานักเตะมาร่วมทีมแบบไม่ต้องเสียเงิน มันจึงทำให้ พวกเขาเป็นทีมเดียวที่ยังคงรักษาความยอดเยี่ยมเอาไว้ได้ และทำให้ครองความเป็นสุดยอดทีมของ อิตาลี มาได้โดยตลอด
 



แต่นับตั้งแต่ฤดูกาล 2009-10 เป็นต้นมา คุณภาพของทีมใน เซเรีย อา เริ่มยกระดับมากขึ้น มันก็ทำให้การแข่งขันยิ่งยากมากขึ้น ประกอบกับความที่ อินเตอร์ ลดทอนความแข็งแกร่งลง




9.วัฏจักร

มันก็เป็นธรรมดาของวันเวลาอันรุ่งโรจน์ที่มันย่อมถึงช่วงเวลาแห่งความตกต่ำ และดูเหมือนมันจะเป็นประจวบเหมาะ นับตั้งแต่การจากไปของ มูรินโญ่ ที่ อินเตอร์ ดูจะไม่อาจจะสานต่อความยิ่งใหญ่ได้




10.ตัวของ ราฟาเอล เบนิเตซ เอง

นี่คือเหตุผลสำคัญของความผิดพลาดทั้งหมด การเข้ามารับหน้าที่แทนที่กุนซือที่ดีที่สุดในโลกตอนนี้ มันไม่ใช่งานหมูๆ และนั่นมันก็คือความผิดพลาดของ เบนิเตซ เองที่ตอบตกลงมาคุมทัพ งูใหญ่ เอง และโดยเฉพาะความผอดพลาดใดๆที่เกิดขึ้นของ เบนิเตซ ก็มักจะตกเป็นขี้ปากเสมอ


 


นี่คือทั้งหมดที่พอจะนำมาเรียงร้อยออกมาเป็นเหตุผลทั้ง 10 ข้อที่ เบนิเตซ จึงไม่อาจจะรั้งตำแหน่งของเขาเอาไว้ได้

เครดิต :
 

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์