เกรียนโอ้ขอสอง!เรือ 3-0 ลิ่วน็อกเอาท์ยูโรป้า


ยูเอฟ่า ยูโรปา ลีก รอบแบ่งกลุ่ม (กลุ่ม เอ)

วันพุธที่ 1 ธันวาคม 2553


แมนเชสเตอร์ ซิตี้ 3 : 0 เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก

ประตู :
มาริโอ บาโลเตลลี่ น.18, มาริโอ บาโลเตลลี่ น.65, อดัม จอห์นสัน น.78

"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้เกมนี้โรแบร์โต้ มันชินี่เปิดโอกาสให้ตัวสำรองลงมายืดเส้นยืดสายกันระนาวแต่ยังมีโคโล่ ตูเร่, เจมส์ มิลเนอร์และอาจรวมถึงมาริโอ บาโลเตลลี่ที่มาจากทีมตัวจริงลงสนามในระบบ 4-4-2

ฝั่งทีมเยือนจากออสเตรียทางฮูบ สตีเว่นกุนซือคนดังในบุนเดสลีกาเมื่อก่อนจัดทัพด้วยผู้เล่นตัวจริงเต็มสูบมีดาวิด เมนเดส ดา ซิลวาที่ขาเล่นเกมFMอาจเคยผ่านตามาบ้างเป็นแกนหลักในระบบ 4-4-2 เช่นกัน

ครึ่งแรก

เรือใบรุกหนักตั้งแต่ต้นเกม

เปิดเกมมาไม่ถึง 5 นาที"เรือใบสีฟ้า"ก็รุกหนักทันทีและได้จังหวะเปิดฟรีคิกแบบได้ลุ้นสองครั้งซ้อนเริ่มจากมิลเนอร์เปิดฟรีคิกจากทางฝั่งซ้ายแต่เป็นไลท์เก็บที่สกัดทิ้งออกไปถัดจากนั้นอีกนิดนึงอดัม จอห์นสันก็มาเปิดฟรีคิกจากทางฝั่งซ้ายเช่นกันแล้วก็เป็นฮินเตเรกเกอร์แบ็กซ้ายทีมเยือนที่เคลียร์ทิ้งออกไปอีก

มาริโอยิงติดขานายประตู

ในนาที 15 บาโลเตลลี่หอกเจ้าปัญหาได้หลุดเข้าไปซัดจ่อๆที่เสาแรกทว่าเป็นมือกาวอย่างเทรมเมลที่พุ่งออกมาบล้อกและสกัดบอลด้วยเท้าออกหลังประตูได้ทันซิตี้เกือบนำอย่างเร็วเลย

มาริโอวอลเลย์จมตาข่ายพาทีมนำ 1-0

3 นาทีถัดมาแมนฯซิตี้มาได้ประตูออกนำจากการที่โชได้บอลในกรอบเขตโทษก่อนเคาะไปให้มิลเนอร์ที่ยืนอยู่นอกกรอบทางฝั่งซ้ายก่อนที่จะครอสเข้ามาให้บาโลเตลลี่วอลเลย์เต็มๆผ่านมือเทรมเมลเข้าไปอย่างหล่อเลย

กระทิงแดงมีสวนบ้าง

กลางครึ่งแรกกระทิงแดง ซัลซ์บวร์กเืกือบได้ประตูตีเสมอเมื่อเฮียร์ลันเดอร์ได้ครอสเข้ามาจากริมเส้นฝั่งขวาและก็เป็นอโฟลาบี้กองหลังที่เติมเกมขึ้นมาโขกข้ามคานออกไปอย่างได้ลุ้น

เอียร์ลันเดอร์ได้ยิง

เป็นโอกาสของซัลซ์บวร์กอีกครั้งโดยเฮียร์ลันเดอร์เลื้อยมาทางริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนจะล็อกเข้าขวาข้างถนัดแล้วยิงจากนอกกรอบบริเวณมุมสามเหลี่ยมแต่ลูกนี้หลุดเสาไปนิดเดียว

ฌอน ไรท์ขอส่อง

นาที 40 กลับมาเป็นโอกาสของ"เรือใบสีฟ้า"เป็นทางด้านไรท์ ฟิลลิปส์ที่ได้บอลหน้ากรอบเขตโทษก่อนตัดสินใจยิงไกลด้วยขวาข้างถนัดแต่เทรมเมลยืนถูกที่ถูกเวลารับบอลไว้ได้

มิลเนอร์พลาดไปนิด

ช่วงท้ายเกมครึ่งแรกมิลเนอร์ได้บอลจากการผ่านทะลุช่องของเพื่อนก่อนจะตลุยเลาะเข้าไปในเขตโทษฝั่งขวาก่อนตัดสินใจยิงหนีตัวเทรมเมลที่ออกมาปิดทางผ่านเสาสองออกหลังไปอย่างน่าเสียดาย

จบครึ่งแรก"เรือใบสีฟ้า"แมนเชสเตอร์ ซิตี้ขึ้นนำทีมเยือนเร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์กไป 1-0 จากผลงานการโขกของซูเปอร์มาริโอ บาโลเตลลี่หักหอกทีมชาติอิตาลี

ครึ่งหลัง

กระทิงแดงออสเตรียเปลี่ยนตัวคนแรก

ซัลซ์บวร์กทีมเยือนปรับทัพหนแรกในเกมนี้ด้วยการส่งดูซาน สเวนโต้ลงมาเล่นแทนฮินเตเรกเกอร์แบ็กซ้ายของทีม

มาริโอได้โอกาสอีกแล้ว

มาริโอมาได้จังหวะส่องไกลหน้ากรอบเขตโทษแต่คราวนี้ลูกพุ่งหลุดกรอบไปอย่างน่าเสียดายต่อจากนั้นเป็นทางฝั่งทีมเยือนที่ขอเปลี่ยนตัวเอาอลัน เด คาร์วัลโญ่ลงมาแทนซิมอมเออร์มิดฟิลด์ที่โดนผู้เ่ลซิตี้หวดจนเจ็บออกไป

เอเจแหวกสองเข้าไปกดข้ามคาน

นาที 59 อดัม จอห์นสันเลื้อยแหวกกองหลังซัลซ์บวร์กข้าไปในเขตโทษถึงสองคนก่อนจะไปประจันหน้ากับเทรมเมลแต่เอเจดันยิงข้ามคานไปซ่ะนี้อดนำห่างเป็นสองลูกสำหรับซิตี้

2-0 พูลสวัสดิ์บาโลยิงง่ายๆเรือใบ

นาที 65 เป็นจังหวะผิดพลาดของผู้เล่นทีมเยือนที่ทำบอลลั่นหน้ากรอบเขตโทษประมาณ 35 หลาแล้วโดนไอหนุ่มเอเจพุ่งเข้าไปฉกลูกมาก่อนจะจ่ายคิลเลอร์พาสทะลุช่องให้โชหลุดเข้าไปตวัดหนีมือเทรมเมลผ่านไปถึงบาโลเตลลี่ที่ยืนแอ็คท่าถ่ายแบบยิงง่ายๆสัก 5 หลาให้ซิตี้ออกนำไป 2-0 และหลังจากนั้น 6 นาทีบาโลเตลลี่ก็ถูกถอดออกโดยมีอเดบายอร์ลงมาลุยแทน

เอเจกระชากไปยิงอย่างเทพ

นาที 78 อดัม จอห์นสันก็มาโชว์สเต็ปการเลื้อยขั้นเทพน้องๆไรอัน กิ๊กส์เมื่อได้ครองบอลที่ริมเส้นฝั่งซ้ายก่อนจะติดเครื่องกระชากบอลผ่านผู้เล่นทีมเยือนมาสี่คนจนทะลุเข้าไปในกรอบเขตโทษแล้วตัดสินใจปั่นหนีมือผู้รักษาประตูเทรมเมลเบียดเสาสองเข้าไปอย่างงามให้เรือใบนำห่างสามเม็ดแต่อาจคิดเพิ่ม

เรือใบปิดเกมรอเฮ

เกมหลังจากที่ซิตี้ได้ประตูที่สามแทบไม่ค่อยมีแะไรให้ลุ้นสุดท้ายก็เล่นติ้ดชึ่งจนจบเกมไปปละเป็นแมนฯซิตี้ที่ถล่าซัลซ์บวร์กไป 3-0 โดยบาโลเตลลี่คนเดียวสองเม็ดไม่คิดเพิ่มเพราะถูกออกก่อนส่งผลให้"เรือใบสีฟ้า"ขึ้นนำจ่าฝูงกลุ่มเอและเข้ารอบน็อกเอาท์แน่นอนแล้ว

รายชื่อผู้เล่นทั้งสองทีม

แมนเชสเตอร์ ซิตี้ :
เชย์ กิฟเว่น, เยโรม บัวเต็ง, โจลีออน เลสค็อตต์, โคโล่ ตูเร่ (ไมก้า ริชาร์ด น.81), ปาโบล ซาบาเลต้า, ปาทริค วิเอร่า, เจมส์ มิลเนอร์, ฌอน ไรท์ ฟิลลิปส์, อดัม จอห์นสัน, โช, มาริโอ บาโลเตลลี่ (เอ็มมานูเอล อเดบายอร์ น.71 )

เร้ดบูลล์ ซัลซ์บวร์ก : แกร์ฮาร์ด เทรมเมล, ราบิอู อโฟลาบี, ฟรานซ์ ชีมเมอร์, อิบราฮิม เซคากกา, มาร์ติน ฮินเตเรกเกอร์ (ดูซาน สเวนโต้ น.46), ดาวิด เมนเดส (โทมัส ออกุสตินนุสเซ่น น.67, สเตฟาน เอียร์ลันเดอร์, ซิมอน ซิมอมเออร์ (อลัน เด คาร์วัลโญ่ น.57), คริสตอฟ ไลท์เก็บ, จาค็อป ยานท์สเชอร์, โจอาควิน อันโตนิโอ โบโกซิยอง


 

เครดิต :

ข่าวดารา ข่าวในกระแส บน Facebook อัพเดตไว เร็วทันใจ คลิกที่นี่!!
กระทู้เด็ดน่าแชร์